ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยขยับเพิ่ม 7.91 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดเทียน ภาพรวมพอร์ตโบรกฯซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 598 ล้าน นักวิเคราะห์ประเมิน ไร้ปัจจัยใหม่สนับสนุน คาดวันนี้(27เม.ย.) โอกาสมีทั้งปรับขึ้นและลดลง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,209.27 จุด เพิ่มขึ้น 7.91 จุด หรือ 0.66% มูลค่าการซื้อขาย 30,393.82 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,213.06จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,203.82 จุด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้น อีกทั้งได้รับรับแรงหนุนจากหุ้นขนาดกลางและหุ้น Domestic ที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรรับข่าวการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 แม้จะมีเพียงบัญชี บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซื้อสุทธิเพียงรายเดียว 598.11 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 288 หลักทรัพย์ ลดลง 205 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 169 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,667.06 ล้านบาท ปิดที่ 34.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,423.37 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,390.25 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,136.89 ล้านบาท ปิดที่ 184.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,113.64 ล้านบาท ปิดที่ 72.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก โดยดัชนีขึ้นไปทดสอบจุดสำคัญที่ 1,210 จุดแล้วก็มีแรงขายทำกำไรออกมา เนื่องจากตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยเด่นอะไรเข้ามา ภาพรวมดัชนียังได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร นักลงทุนในประเทศยังคงเล่นเก็งกำไรตามการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นขนาดกลางและหุ้น Domestic เป็นส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายอยู่ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 เม.ย.)มองว่าดัชนีมีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบที่จุดสูงสุดเดิมที่ 1,213 จุด แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ด้วยเช่นกันจากแรงขายทำกำไร เพราะตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว โดยให้แนวรับ 1,200 จุด แนวต้าน 1,213 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,209.27 จุด เพิ่มขึ้น 7.91 จุด หรือ 0.66% มูลค่าการซื้อขาย 30,393.82 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,213.06จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,203.82 จุด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้น อีกทั้งได้รับรับแรงหนุนจากหุ้นขนาดกลางและหุ้น Domestic ที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรรับข่าวการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 แม้จะมีเพียงบัญชี บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซื้อสุทธิเพียงรายเดียว 598.11 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 288 หลักทรัพย์ ลดลง 205 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 169 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,667.06 ล้านบาท ปิดที่ 34.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,423.37 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,390.25 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,136.89 ล้านบาท ปิดที่ 184.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,113.64 ล้านบาท ปิดที่ 72.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก โดยดัชนีขึ้นไปทดสอบจุดสำคัญที่ 1,210 จุดแล้วก็มีแรงขายทำกำไรออกมา เนื่องจากตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยเด่นอะไรเข้ามา ภาพรวมดัชนียังได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร นักลงทุนในประเทศยังคงเล่นเก็งกำไรตามการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นขนาดกลางและหุ้น Domestic เป็นส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายอยู่ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 เม.ย.)มองว่าดัชนีมีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบที่จุดสูงสุดเดิมที่ 1,213 จุด แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ด้วยเช่นกันจากแรงขายทำกำไร เพราะตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว โดยให้แนวรับ 1,200 จุด แนวต้าน 1,213 จุด
