xs
xsm
sm
md
lg

ปูเร่งทำคะแนน พักหนี้ดี5แสนบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.ปู เร่งทำคะแนนไฟเขียวโครงการพักหนี้ดีวงเงิน 5 แสนบาท 4 แบงก์รัฐ ประชาชนเข้าข่ายได้ประโยชน์กว่า 3.75 ล้านรายทั่วประเทศ วงเงินสูงถึง 4.59 แสนล้านบาท จากโครงการพักหนี้เสียที่มีผู้ร่วมโครงการแล้วกว่า 6.6 แสนราย วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท ให้สิทธิพักเงินต้น 3 ปี ลดดอกเบี้ย 3% และขยายวงเงินกู้เพิ่ม พร้อมยืดเวลายกเว้นเก็บภาษีดีเซลออกไปอีก 1 เดือน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้ความเห็นชอบการปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 5 แสนบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พร้อมทั้งขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการ โดยโครงการพักหนี้ฯ ได้เริ่มดำเนินการระยะแรกเมื่อวันที่ 15 พ.ย.54 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการพักหนี้ให้กับประชาชนที่มีความเดือดร้อนเร่งด่วนและมีปัญหาการชำระหนี้โดยเน้นช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้คงค้างไม่เกิน 5 แสนบาท ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 6 แห่ง รวมประชาชนผู้มีสิทธิทั้งหมด775,090 ราย ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการจนถึง 15 เม.ย.55 มีประชาชนมายื่นความจำนงแล้ว 661,508 ราย คิดเป็น 85.35% ของจำนวนประชาชนที่มีสิทธิทั้งหมด ในจำนวนนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว 428,384 ราย คิดเป็น 55.27% ของประชาชนที่มีสิทธิทั้งหมด หรือ 64.76% ของประชาชนที่มายื่นความจำนง มูลหนี้ที่ได้รับการดูแลแล้ว 52,301,87 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลปัญหาภาระหนี้สินของประชาชนอย่างต่อเนื่องและบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงินให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมรัฐบาลจึงได้มีมติปรับปรุงโครงการพักหนี้ฯ ไปพร้อมๆ กับขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ประชาชนกลุ่มที่มีหนี้ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจไม่เกิน 5แสนบาทที่มีสถานะหนี้ปกติ นอกจากนี้ ให้รางวัลประชาชนที่เป็นลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้ปกติที่มีหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาท ก่อนวันที่ 24 เม.ย.55 ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยต้องไม่เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อ ลิสซิ่ง สินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำและไม่เป็นลูกหนี้ที่ได้รับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือได้รับอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษตามข้อตกลงของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า การขยายกลุ่มเป้าหมายสู่ลูกหนี้สถานะหนี้ปกตินี้คาดว่าจะมีประชาชนที่เป็นเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์จากโครงการพักหนี้ฯ เพิ่มอีก 3,758,226 รายหรือบัญชี คิดเป็นมูลหนี้คงค้าง 459,113.05 ล้านบาทสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ดังกล่าว สามารถสมัครใจเข้าใช้สิทธิตามโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 5 แสนบาท ดังนี้ 1.เลือกพักเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตรา 3% ต่อปี หรือ ลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตรา 3% ต่อปีโดยไม่พักเงินต้น เป็นระยะเวลา 3 ปี ระหว่าง 1 ก.ย.55-31 ส.ค.58 2. มีสิทธิขอกู้เพิ่มใหม่ได้ตามความสามารถในการชำระหนี้ในอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ณ วันที่ได้รับอนุมัติการกู้เพิ่ม 3.ลูกหนี้ต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้หลังเข้าโครงการฯ

นอกจากนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ ตามโครงการระยะแรกสามารถขอเปลี่ยนเข้าร่วมโครงการพักหนี้ใหม่สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้ปกตินี้ได้ โดยแสดงความจำนงกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อแสดงเจตนาเปลี่ยนสถานะหนี้ให้เป็นสถานะหนี้ปกติก่อนเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 2 พ.ค.-20 ส.ค.55 ทั้งรัฐบาลคาดว่าผลจากโครงการพักหนี้ฯ ที่เสนอในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 0.4-0.7% ต่อปี หรือ 44,000-77,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม จะมีการดูแลผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการพักหนี้ฯ อย่างรอบคอบไม่ว่าจะเป็น การขาดวินัยทางการเงินของลูกหนี้ โดยกำหนดให้ภายหลังจากลูกหนี้เข้าโครงการแล้วหากมีการผิดนัดชำระหนี้ตามเงื่อนไขใหม่ ลูกหนี้จะต้องออกจากโครงการทันที กระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่แนะนำและติดตามดูแลการใช้เงินของลูกหนี้ที่ประหยัดได้จากการเข้าโครงการครั้งนี้

รมว.คลังกล่าวอีกว่า การบรรเทาและช่วยเหลือผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กระทรวงการคลังจะชดเชยรายได้ดอกเบี้ยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี และจัดหาแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำและแหล่งเงินเพิ่มทุนเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากการดำเนินการ รวมถึงแยกบันทึกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ (Public Service Account : PSA) เพื่อประเมินผลกระทบอย่างโปร่งใสต่อไป

***ยืดเก็บภาษีดีเซลอีก 1 เดือน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. (24 เม.ย.) มีมติให้ขยายเวลายกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1 เดือน โดยให้สิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.2555 จากเดิมวันที่ 30 เม.ย.2555

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเหลือ 0.005 บาทต่อลิตร จากเดิมที่ 5.31 บาทต่อลิตร ซึ่งการลดภาษีดังกล่าว มีผลทำให้อัตราภาษีอื่นลดลงด้วย ตามโครงสร้างราคาน้ำมันรวมประมาณ 5.83 บาท ต่อลิตร ขณะที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขยายเวลาการยกเว้นจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นคราวละ 1 เดือน เพื่อรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น