วานนี้(23 เม.ย.55)นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาพ.ร.บ.ปรองดอง ว่า จะหยิบยกขึ้นพูดคุยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหาข้อสรุปว่าแนวทางปรองดองควรจะทำอย่างไร ซึ่งหากฟังจากกระแสสังคมแล้วจะพบว่า ส่วนใหญ่ต้องการความปรองดองให้เกิดขึ้น โดยการใช้ชื่อว่าพ.ร.บ.ปรองดองนั้นเหมาะสมกว่าพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ส่วนที่หลายฝ่ายพยายามดึงมาเป็นประเด็นการเมืองมากเกินไปและกล่าวหาว่าเป็นการช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น ขอให้เลิกคิดแบบนี้ น่าจะคิดถึงภาพรวมของประเทศมากกว่า เพราะการทะเลาะเบาะแว้งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ หลายๆประเทศแม้แต่ประเทศเมียนมาร์และบาห์เรน เวลานี้ก็ยังต้องการความปรองดอง เพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับกรณีที่สส.พรรคเพื่อไทยยังยืนยันจะเป็นแกนนำในการเสนอพรบ.ดังกล่าวนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บรรดาสส.พรรคมีแนวทางของตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องผ่านครม.อยู่ดี ว่าแนวทางใดเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะฝ่ายนิติบัญญัติเสนอเสร็จสิ้นแล้ว และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งเป็นภาคประชาชนก็ได้เสนอเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้น จึงคิดว่าได้เวลาแล้วสำหรับพรบ.ปรองดอง
อย่างไรก็ดี หากพ.ร.บ.ปรองดองสำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะสามารถกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่นั้น หากพรบ.ดังกล่าวผ่านและได้รับการยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเมื่อไหร่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่วันนี้ต้องทำพรบ.ปรองดองให้สำเร็จเสียก่อน ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อนำเข้าสู่รัฐสภา
“ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับผลที่ออกมาจากสภา ซึ่งสส.ทุกคนมีสิทธิลงคะแนน การที่บางฝ่ายออกมาระบุว่า เป็นลักษณะเสียงข้างมากลากไปนั้นคงไม่ใช่ เพราะเมื่อช่วงที่ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก็สามารถที่จะผ่านกฎหมายหลายฉบับ แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พวกผมก็ไม่เคยกล่าวหาเช่นนั้น ดังนั้น ฝ่ายใดยกมือชนะก็ต้องยอมรับ เพราะคือกติกา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม”นายสุรพงษ์ กล่าว
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการยืดเยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องให้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้ามาในสมัยประชุมนี้หรือไม่ ว่า ตรงนี้ก็อาจเป็นช่องทางหนึ่งได้ แต่ส่วนตัวยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว การยืดเยื้อที่เกิดขึ้นต้องไปถามฝ่ายค้านว่า มีเจตนาอะไรหรือไม่
ส่วนที่หลายฝ่ายพยายามดึงมาเป็นประเด็นการเมืองมากเกินไปและกล่าวหาว่าเป็นการช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น ขอให้เลิกคิดแบบนี้ น่าจะคิดถึงภาพรวมของประเทศมากกว่า เพราะการทะเลาะเบาะแว้งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ หลายๆประเทศแม้แต่ประเทศเมียนมาร์และบาห์เรน เวลานี้ก็ยังต้องการความปรองดอง เพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับกรณีที่สส.พรรคเพื่อไทยยังยืนยันจะเป็นแกนนำในการเสนอพรบ.ดังกล่าวนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บรรดาสส.พรรคมีแนวทางของตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องผ่านครม.อยู่ดี ว่าแนวทางใดเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะฝ่ายนิติบัญญัติเสนอเสร็จสิ้นแล้ว และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งเป็นภาคประชาชนก็ได้เสนอเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้น จึงคิดว่าได้เวลาแล้วสำหรับพรบ.ปรองดอง
อย่างไรก็ดี หากพ.ร.บ.ปรองดองสำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะสามารถกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่นั้น หากพรบ.ดังกล่าวผ่านและได้รับการยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเมื่อไหร่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่วันนี้ต้องทำพรบ.ปรองดองให้สำเร็จเสียก่อน ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อนำเข้าสู่รัฐสภา
“ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับผลที่ออกมาจากสภา ซึ่งสส.ทุกคนมีสิทธิลงคะแนน การที่บางฝ่ายออกมาระบุว่า เป็นลักษณะเสียงข้างมากลากไปนั้นคงไม่ใช่ เพราะเมื่อช่วงที่ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลก็สามารถที่จะผ่านกฎหมายหลายฉบับ แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พวกผมก็ไม่เคยกล่าวหาเช่นนั้น ดังนั้น ฝ่ายใดยกมือชนะก็ต้องยอมรับ เพราะคือกติกา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม”นายสุรพงษ์ กล่าว
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการยืดเยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องให้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้ามาในสมัยประชุมนี้หรือไม่ ว่า ตรงนี้ก็อาจเป็นช่องทางหนึ่งได้ แต่ส่วนตัวยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว การยืดเยื้อที่เกิดขึ้นต้องไปถามฝ่ายค้านว่า มีเจตนาอะไรหรือไม่