xs
xsm
sm
md
lg

5 วัน ตาย 253 : สวนทาง “ตายเป็นศูนย์”

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในเทศกาลวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทยทุกปีที่ผ่านมาได้มีอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ทั้งมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร และจำนวนยวดยาน รวมไปถึงความถี่ของการเดินทางด้วย และสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จนเมาแล้วขับรถ ทั้งๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดกวดขันโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ เช่น การตั้งด่านตรวจจับผู้ที่เมาแล้วขับ และยังมีหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีมาตรการเสริมชักชวน และขอความร่วมมือผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ มิให้ผู้ที่ดื่มเหล้าจนเมาแล้วขับรถ

แต่ถึงกระนั้นก็มิได้ทำให้การเกิดอุบัติเหตุซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตลดลงเป็นไปตามเป้าที่วางไว้แต่อย่างใด จะเห็นได้ในกรณีของเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งมีผู้บาดเจ็บประมาณ 2,000 ราย และเสียชีวิต 253 ราย เมื่อเทียบกับเป้าที่ตั้งไว้คือตายเป็นศูนย์แล้วพูดได้คำเดียวว่าห่างไกลสุดกู่ ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้เห็นทีจะต้องทบทวนมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และทำการปรับปรุงหามาตรการใหม่ๆ มาเสริม

ทำไมมาตรการป้องกันต่างๆ ซึ่งถ้าดูตามสายตาคนทั่วๆ ไปแล้วน่าจะได้ผลช่วยให้การตาย และบาดเจ็บลดลงได้ จึงไม่เป็นผล น่าจะเกิดจากปัจจัยใด

เพื่อจะให้ท่านผู้อ่านมองเห็นประเด็นแห่งปัญหาชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองนึกถึงสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในส่วนที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคสิ่งมึนเมาทั้งหลาย ก็จะพบว่าเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้

1. การเสพสิ่งมึนเมา จะเป็นสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อันได้จากการต้มหรือกลั่น และเมรัย คือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์อันได้จากการหมักดอง รวมไปถึงสารเสพติดอื่นๆ ซึ่งทำให้ผู้เสพมึนเมาและขาดสติเป็นของคู่กันกับการพบปะสังสรรค์ของผู้คนในสังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราและเมรัย ไม่ว่าจะเป็นงานตาย งานแต่ง งานวันเกิด แม้กระทั่งงานบุญก็ยังมีการดื่ม

ดังนั้นในเทศกาลแห่งความรื่นเริงเฉกเช่นเทศกาลสงกรานต์คงจะต้องมีการดื่ม เพียงแต่ถ้าดื่มแล้วอยู่ในบ้านไม่ออกไปขับรถก็คงไม่เป็นอันตรายแก่ผู้อื่น จะมีก็เพียงทำอันตรายแก่สุขภาพ และสติปัญญาของตนเองให้เสื่อมถอย ก็เป็นเรื่องของตนที่ทำร้ายตนเองด้วยความสมัครใจไม่มีใครเขาเดือดร้อนด้วย แต่ถ้าออกมาขับรถบนถนน แน่นอนว่าเป็นโอกาสเสี่ยงทั้งแก่ตนเอง และผู้ใช้ถนนร่วมกัน

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละปีจะมีผู้เคราะห์ร้ายจากการเมาแล้วขับของคนเพียงไม่กี่คนเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร และจำนวนคนที่ไม่เมา แต่ต้องใช้ถนนร่วมกับคนเมา และได้รับอันตรายจากคนเมา

2. ในการวางมาตรการป้องกันจากฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองโดยการตั้งด่านตรวจจับ ถึงแม้จะช่วยป้องกันได้บ้างก็น้อยเมื่อเทียบกับโอกาสที่คนดื่มสุราแล้วออกมาขับรถ เพราะในทันทีที่เขาขับรถออกมาก็มีโอกาสที่จะเฉี่ยวชนกับใครก็ได้ก่อนที่จะมาถึงด่านตรวจจับ และเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปตั้งด่านในทุกตรอกซอกซอย ดังนั้นจึงเป็นช่องว่างให้คนเมาแล้วขับรถออกจากบ้านไปเกิดอุบัติเหตุก่อนที่ตำรวจจะตรวจจับได้

ด้วยเหตุ 2 ประการนี้ จะเห็นได้ว่าการเมาแล้วขับจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ป้องกันได้ยาก ด้วยมาตรการที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้

แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้เสียเลยทีเดียว ถ้าทำกันอย่างจริงจังก็พอทำได้ โดยเริ่มที่ต้นเหตุคือการดื่มสุรา จะต้องลดลงและให้หมดไป หรือเมาอยู่กับที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น

มาตรการที่น่าจะทำได้ด้วยการให้ตนดูแลตนเอง และคนในครอบครัวให้รอดพ้นจากการเป็นทาสของสุราเมรัย พ้นจากครอบครัวก็เป็นหน้าที่ของผู้นำชุมชน เช่น ครู และพระสงฆ์ คอยเป็นแบบอย่างและสอนให้คนในชุมชนเลิก ละการดื่มสุรา และในขณะเดียวกันห้ามเยาวชนให้ห่างไกลจากการดื่มด้วย ถ้าทำได้เยี่ยงนี้ในทุกชุมชนคนดื่มเหล้าก็จะน้อยลง หรือถึงขั้นหมดไปก็จะเป็นการช่วยลดจำนวยคนเมาแล้วออกมาขับรถได้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงประเด็น คือ แก้ด้วยการไม่ดื่มเหล้า มิใช่ปล่อยให้มีการดื่มแล้วค่อยตั้งด่านตรวจจับ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

อนึ่ง ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และศาสนาพุทธสอนมิให้ดื่มสุราและเมรัย ดังที่ปรากฏในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ 22 หน้า 235 ดังนี้

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถูกแล้ว แม้เราก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินข้อที่ว่า บุรุษละเว้นเหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือการดื่มสุราและเมรัย แล้วถูกพระราชาจับฆ่า หรือจองจำ เนรเทศ หรือลงโทษอย่างอื่นตามควรแก่เหตุ เพราะเหตุที่มีเจตนาเว้นจากที่ตั้งแห่งความประมาท คือการดื่มน้ำเมาอันได้แก่สุราและเมรัย

โดยที่แท้กรรมชั่วของบุรุษนั้นต่างหากที่ประกาศว่าบุรุษนี้ประกอบเนืองๆ ซึ่งที่ตั้งแห่งความประมาท คือการดื่มน้ำเมาอันได้แก่สุราและเมรัย จึงฆ่าหญิงบ้าง ชายบ้าง จึงถือเอาของที่เขาไม่ให้จากบ้านบ้าง จากป่าบ้างด้วยอาการแห่งขโมย จึงก้าวล่วงภริยาของผู้อื่น ในบุตรีของผู้อื่น จึงหักรานประโยชน์ของคฤหบดีบ้าง บุตรของคฤหบดีบ้างด้วยการพูดปด เขาย่อมถูกพระราชาจับฆ่า หรือจองจำ เนรเทศ หรือลงโทษอย่างอื่นตามควรแก่เหตุ เพราะเหตุที่ตั้งแห่งความประมาท คือการดื่มน้ำเมาอันได้แก่สุราและเมรัย ท่านทั้งหลายได้ยิน ได้ฟังอย่างนี้บ้างหรือเปล่า ภิกษุทั้งหลายทูลว่า เคยได้เห็น เคยได้ยิน ได้ฟัง และจักได้ฟังพระเจ้าข้า”

โดยนัยแห่งพุทธพจน์นี้แสดงให้เห็นว่า โทษของการดื่มสุราและเมรัยไม่เพียงทำให้เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังมีโทษอื่นอีกดังกล่าวแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น