ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
การกระทำตามแรงปรารถนาตามสัญชาตญาณดิบดั้งเดิมแห่งภาวะความเป็นสัตว์มีแนวโน้มขยายตัวออกไปในวงกว้าง ความพึงพอใจอันตื้นเขินที่ได้จากการกระทำชั่วครั้งชั่วคราวกลายเป็นบรรทัดฐานของผู้คนจำนวนมาก การคำนึงถึงผลกระทบจากการกระทำที่มีต่อสังคมและตัวตนที่เรียกว่ามนุษย์ดูเป็นสิ่งที่เลือนหายไปจากความคิดของคนจำนวนไม่น้อย
ในช่วงระยะสงกรานต์ของแต่ละปีเป็นช่วงที่ผู้เฝ้าสังเกตสังคมได้เห็นพฤติกรรมและการกระทำต่างๆที่แสดงตัวตนอันแท้จริงของผู้คนในทุกระดับของสังคมออกมาในหลากหลายรูปแบบซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่าอย่างน้อยมนุษย์โดยทั่วไปมีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงในเรื่องของการกระทำตามสัญชาตญาณดิบที่ได้รับการตอบสนองความพึงพอใจอย่างทันทีหลังการกระทำ
ช่วงสงกรานต์ในหลายปีที่ผ่านมานี้เราเห็นการแสดงออกถึงภาวะการแพร่ระบาดของการกระทำอันเป็นแรงขับจากสัญชาตญาณดิบมากขึ้นตามลำดับ เช่น การชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง การใช้ความรุนแรงข่มขู่ ทำร้าย ลอบสังหาร กดดันเพื่อให้ผู้คนและองค์การในสังคมยอมจำนนตามสิ่งที่ตนเองต้องการ
ในปีนี้สรรพสัตว์ที่เรียกตนเองว่า “คนเสื้อแดง” จำนวนมากแห่แหนเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนข้ามแม่น้ำโขงและชายแดนไปกราบไหว้รดน้ำดำหัวผู้ที่ศาลไทยได้วินิจฉัยแล้วว่าเป็น “อาชญากร” จากการกระทำผิดทุจริตใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบเอื้อประโยชน์แก่ภรรยาตนเอง และเป็นผู้ที่ตำรวจออกหมายจับฐานคดีก่อการร้าย อันเนื่องมาจากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าบุคคลผู้นั้นสนับสนุนเหตุการณ์ความรุนแรงที่ก่อขึ้นโดยคนเสื้อแดง
นักการเมืองและคนเสื้อแดงเหล่านั้นย่อมได้รับความพึงพอใจจากการได้ไปเที่ยวต่างแดน ได้สนุกสนาน ได้ชมโบราณสถานได้ดื่มกินโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้เข้าไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโน ได้ไปพบปะกราบไหว้ “อาชญากร”ที่เขาหลงใหลบูชา และได้ฟังคำพูดที่รื่นหูชวนฟังเช่น “ผมรู้สึกติดหนี้บุญคุณคนเสื้อแดง”
ลำพังผู้คนที่เรียกตนเองว่า “คนเสื้อแดง” กระทำเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของพวกเขาเองโดยยกอาชญากร เป็น “ผู้นำแห่งสัญชาตญาณดิบ” ก็เป็นเรื่องที่วิปริตอยู่พอควรแล้วสำหรับสังคมที่มีรากฐานจากศาสนาพุทธเช่นสังคมไทย แต่ความวิปริตนี้กลับมีมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อข้าราชการระดับสูง นักการทูตนักวิชาการ ทหาร นักธุรกิจจำนวนมาก แสดงอาการสยบยอมอย่างนอบน้อมต่อผู้นำแห่งสัญชาติญาณดิบผู้นี้
อาชญากรผู้นี้ได้แสดงสัญชาตญาณดิบของตนเองออกมาอย่างชัดเจนโดยเปล่งวลี “ช่างแม่มัน” อย่างกึกก้องสะท้านโลก ในดินแดนเขมร เขาได้ตอกย้ำวลีนี้หลายครั้งและให้เหล่าสาวกกล่าวตามเช่น “ใครขวางการปรองดอง ช่างแม่มัน” “พรรคไหน ขวางแก้รัฐธรรมนูญ ช่างแม่มัน “จะเป็นจะตายก็ช่างแม่มัน”
ยิ่งผู้ใดกล่าวประโยคและวลีเหล่านั้นซ้ำกันหลายครั้ง ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งและตกผลึกของสัญชาตญาณดิบของผู้กล่าว ความหมายของภาษาเป็นการแสดงถึง ความเลือดเย็น ใจดำ อำมหิต การนิยมความรุนแรง ไม่สนใจไยดีในชีวิตของผู้คนและสังคม ไม่สนใจคุณธรรมและจริยธรรม ไม่สนใจว่าผู้คนจะเสียชีวิตและล้มตายเท่าไร เพียงเพื่อได้ตอบสนองความสะใจและความพึงพอใจของตนเองเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ
การกล่าวคำเหล่านี้ในบริบทที่ห้อมล้อมด้วยสาวกบริวารยังเป็นการส่งสัญญาณให้บรรดากลุ่มบุคคลที่อยู่ภายใต้เครือข่ายลัทธิแดงและทุนสามานย์ทั้งหลาย เดินหน้าปฏิบัติงานตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น ในการทำงานเน้นการใช้ยุทธศาสตร์สัญชาตญาณดิบเป็นแนวทางหลัก ทั้งการออกกฎหมายนิรโทษกรรมภายใต้ชื่อปรองดอง และการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสถานปนาอำนาจนำของทุนสามานย์ ขึ้นมาเพื่อล้มล้างอาชญกรรมทั้งหมดที่อาชญากรผู้นำแห่งสัญชาตญาณดิบก่อเอาไว้ให้ได้ และจะได้กลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ
ใครที่ขัดขวางหนทางการกลับประเทศของอาชญากรผู้นี้ ก็ย่อมมีโอกาสเผชิญหน้ากับการข่มขู่ ทำร้าย กดดันจากมวลชนเสื้อแดงซึ่งถูกควบคุมชี้นำโดยสัญชาตญาณดิบ และอาจถูกอำนาจรัฐของ “ระบบอาชญาติ” (อาชญากร+เครือญาติ) ใช้กฎหมายเถื่อนเล่นงานและกลั่นแกล้ง ดังที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยโดนยัดเยียดข้อหาก่อการร้ายมาแล้ว
การกล่าวคำ “ช่างแม่มัน” ในบริบทที่มีการถ่ายทอดออกสื่อหลายแขนงกระจายออกไปทั่วโลก ย่อมเป็นการแสดงออกถึงการส่งสาร “ท้ารบ” กับใครและกลุ่มอำนาจใดก็ตามที่ขัดขวางความปรารถนาตามสัญชาตญาณดิบของเขา สารนี้ย่อมเป็นการข่มขู่กลุ่มที่ผู้นำแห่งชาตญาณดิบเชื่อว่าเป็นปรปักษ์ต่อเขา และเป็นกลุ่มที่ไม่ยอมให้เขากลับเข้าประเทศ
อีกสถานที่หนึ่งที่เราจะเห็นลักษณะการกระทำตามสัญชาตญาณดิบอย่างชัดเจนคือรัฐสภาซึ่งบรรดาสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสาวกและลูกน้องของผู้นำสัญชาตญาณดิบ ดังนั้นเราไม่ต้องคาดหวังว่าพวกเขาจะแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากนายเหนือหัวของพวกเขา สิ่งที่คนเหล่านี้ทำคือร่วมผลักดันสร้างกฎหมายเพื่อให้ผู้นำแห่งสัญชาตญาณดิบหลุดพ้นจากความผิด อันเป็นการกระทำที่สนองความพึงพอใจและประโยชน์ส่วนตนโดยไม่สนใจใยดีกับหลักความยุติธรรม หลักกฎหมาย และผลกระทบต่อระบบคุณธรรมและจริยธรรมของสังคม
เราจึงเห็นกระบวนการเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้วิธีการอันป่าเถื่อนของเสียงข้างมากซึ่งมีหลักยึดเพียงอย่างเดียวคือ “ต้องทำให้ได้อย่างที่ถูกสั่งมาให้ทำ” ไม่ว่าวิธีการในการบรรลุเป้าหมายจะชั่วช้าเพียงใดก็ไม่ต้องใส่ใจ การกระทำแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในการประชุมรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการ
บรรยากาศในการประชุมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาแม้แต่น้อยว่าคนเหล่านี้กำลังทำเรื่องสำคัญของประเทศ แต่กลับเกิดความรู้สึกว่ารัฐสภากลายเป็นแหล่งที่สมาชิกรัฐสภาปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบของตนออกมาอย่างแพร่หลาย เพราะภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะระหว่างการประชุมก็คือ สมาชิกรัฐสภาบางคนนั่งหลับอย่างสบายอารมณ์ จำนวนมากพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้อื่น มีอีกส่วนหนึ่งนั่งดูภาพโป๊เปลือยในโทรศัพท์มือถือ มีการอภิปรายประสบสอพลอและปกป้องผู้นำสัญชาตญาณดิบและเครือญาติอย่างออกหน้าออกตา และมีจำนวนมากที่แสดงความต่ำช้าของจิตใจโดยผ่านภาษาที่พูดออกมาเป็นประจำสม่ำเสมอ
ขณะที่คนเหล่านี้แสดงอาการ อากัปกิริยา และพูดอภิปราย ดูเหมือนมิได้อยู่บนรากฐานของมโนสำนึกที่รับผิดชอบหรือตระหนักว่าพฤติกรรมของพวกเขาเป็นแบบอย่างแก่ผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคม โดยเฉพาะผู้คนที่มีสัญชาตญาณดิบในระดับเดียวกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจมากนักที่สังคมทุกวันนี้มีผู้คนแสดงการกระทำตามสัญชาตญาณดิบมากขึ้น
การที่ผู้นำและกลุ่มสาวกแห่งสัญชาตญาณดิบเป็นกลุ่มที่มีอำนาจนำในสังคมไทย บวกกับการที่พวกเขาได้แสดงการกระทำตามสัญชาตญาณดิบอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ จึงเป็นเหตุให้สิ่งเหล่านั้นแพร่กระจายและระบาดในสังคมไทยในทุกระดับทุกวงการ ตัวอย่างการกระทำที่ถูกขับเคลื่อนโดยสัญชาตญาณดิบ เช่น การตอกย้ำความโลภ ความร่ำรวยโดยไม่ต้องทำงานมาก การได้ดีเพราะประจบสอพลอ การใช้ภาษาหยาบคาบไร้วัฒนธรรม การใช้ความรุนแรงอย่างป่าเถื่อนทั้งข่มขู่ ทำร้าย เข้นฆ่า ใช้กฎหมายเถื่อนเพื่อให้บรรลุความพึงพอใจ การเสพสุขโดยไม่สนใจภาระหน้าที่ต่อสังคม การอวดสวยอวดงามโชว์รูปลักษณ์และเรือนร่างเพื่อดึงดูดใจให้คนหลงใหล การอวดอ้างความดีทั้งที่ไม่ได้ทำหรือทำในสิ่งตรงข้าม และการทุจริตฉ้อฉลโกงราษฎร์บังหลวง ฯลฯ
และสัญญาณจากผู้นำแห่งสัญชาตญาณดิบครั้งล่าสุด ทั้งการใช้ภาษาและบริบทที่ส่งสารออกมา เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการคุกคามสังคมไทยครั้งใหม่อย่างรุนแรง การประกาศสงครามเกิดขึ้นแล้ว เสียงกลองศึกกังวาลมาแต่ไกล จะถอยหรือจะสู้ ลองถามหัวใจและการหยั่งรู้ของแต่ละท่านดูเถิดครับ