นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มของรัฐบาล ด้วยการนำเข้าจากต่างประเทศว่า เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะการนำเข้าจะทำก็ต่อเมื่อมีการขาดแคลนเกิดขึ้น แต่ในกรณีนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลจึงตัดสินใจนำเข้า เนื่องจากปัญหาไม่ได้เกิดความขาดแคลน แต่เป็นเพราะต้นทุนสูงจึงควรคำนวณและชดเชยที่ต้นทุนภายในประเทศ แต่การนำเข้ามาจะสร้างปัญหาให้กับเกษตรกร ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำ ที่สำคัญคือ จะมีการควบคุมเรื่องการส่งออกด้วยหรือไม่ เพราะขณะที่มีการนำเข้า ก็ยังเปิดโอกาสให้มีการส่งออกได้ รวมทังทางพรรคจะติดตามด้วยว่า การนำเข้าดังกล่าวมีผลประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งการนำเข้า ราคา การชดเชย มีความโปร่งใสหรือเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่า รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และทำให้เกิดความสูญเสียสองด้าน ทั้งการชดเชยที่ต้องใช้ภาษีของประชาชน และยังกระทบกับเกษตรกร ทำให้ราคาปาล์มได้รับผลกระทบจากการนำเข้าด้วย
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ แนะนำให้รัฐบาลแก้ปัญหา เหมือนที่รัฐบาลของตนเคยทำมา คือ คำนวณต้นทุน และชดเชยเพื่อตรึงราคา แต่ปัญหาใหญ่เป็นเพราะรัฐบาลใจไม่กว้างพอ ที่จะแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำ เหมือนกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับการรับจำนำข้าวและมันสำปะหลัง ก็เป็นทิฐิ ที่ไม่อยากใช้นโยบายประกันรายได้ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งที่นโยบายดังกล่าว ช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทั่วถึงมากกว่า โดยไม่มีปัญหาการประท้วง ร้องเรียน และทุจริต รวมทั้งไม่สิ้นเปลืองงบประมาณเหมือนที่เกิดขึ้นกับการรับจำนำในขณะนี้ จึงคิดว่ารัฐบาลควรทบทวน เพราะการใช้ทิฐิมานำหน้าการบริหารประเทศไม่ได้ให้ผลที่คุ้มค่าสำหรับประชาชน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ควรเร่งแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงทั้งระบบ โดยพิจารณาจากโครงสร้างต้นทุน เพื่อกำหนดราคาที่เป็นธรรม และควรเข้าไปดูแลต้นทุนอาหารสัตว์รวมถึงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ซึ่งรัฐบาลที่แล้วได้มีการเริ่มต้นศึกษาเอาไว้แล้ว ถ้ารัฐบาลยังใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ และพรรคไม่เห็นด้วยเพราะหลายโครงการที่รัฐบาลดำเนินการเป็นการใช้ภาษีประชาชนไปช่วยเหลือประชาชนอย่างไม่ทั่วถึง ทั้งที่ความจริงสามารถใช้อำนาจรัฐเข้าไปดูแลเรื่องต้นทุนก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้การแก้ปัญหาไม่ตรงจุดทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองภาษีอากร มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส
**ชาวสวนปาล์มโวยรัฐสั่งนำเข้า
ด้านเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน เตรียมเคลื่อนไหว หากได้รับผลกระทบจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบของรัฐบาล โดย นายลือชา อุ่นยวง นายกสมาคมชาวสวนปาล์ม จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เกษตรกรรายย่อยไม่เห็นด้วยกับนโยบายการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 4 หมื่นตัน ตามมติครม. โดยเกรงว่าจะส่งผลกระทบทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมัน ตกต่ำ เนื่องจาก ปัจจุบันประเทศไทยมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่แล้ว ประมาณ 2 แสนตัน และในอีก 1 - 2 เดือนข้างหน้า ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดได้อย่างเต็มที่ ถ้ารัฐบาลนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบมาชนกันจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันของเกษตรกร ตกต่ำอย่างแน่นอน โดยได้หารือกับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ใน จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชุมพร จ.กระบี่ จ.ระนอง และ จ.นครศรีธรรมราช และเตรียมเคลื่อนไหวหากผลปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ โดยต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6 บาท
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ แนะนำให้รัฐบาลแก้ปัญหา เหมือนที่รัฐบาลของตนเคยทำมา คือ คำนวณต้นทุน และชดเชยเพื่อตรึงราคา แต่ปัญหาใหญ่เป็นเพราะรัฐบาลใจไม่กว้างพอ ที่จะแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำ เหมือนกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับการรับจำนำข้าวและมันสำปะหลัง ก็เป็นทิฐิ ที่ไม่อยากใช้นโยบายประกันรายได้ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งที่นโยบายดังกล่าว ช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทั่วถึงมากกว่า โดยไม่มีปัญหาการประท้วง ร้องเรียน และทุจริต รวมทั้งไม่สิ้นเปลืองงบประมาณเหมือนที่เกิดขึ้นกับการรับจำนำในขณะนี้ จึงคิดว่ารัฐบาลควรทบทวน เพราะการใช้ทิฐิมานำหน้าการบริหารประเทศไม่ได้ให้ผลที่คุ้มค่าสำหรับประชาชน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ควรเร่งแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงทั้งระบบ โดยพิจารณาจากโครงสร้างต้นทุน เพื่อกำหนดราคาที่เป็นธรรม และควรเข้าไปดูแลต้นทุนอาหารสัตว์รวมถึงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ซึ่งรัฐบาลที่แล้วได้มีการเริ่มต้นศึกษาเอาไว้แล้ว ถ้ารัฐบาลยังใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ และพรรคไม่เห็นด้วยเพราะหลายโครงการที่รัฐบาลดำเนินการเป็นการใช้ภาษีประชาชนไปช่วยเหลือประชาชนอย่างไม่ทั่วถึง ทั้งที่ความจริงสามารถใช้อำนาจรัฐเข้าไปดูแลเรื่องต้นทุนก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้การแก้ปัญหาไม่ตรงจุดทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองภาษีอากร มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส
**ชาวสวนปาล์มโวยรัฐสั่งนำเข้า
ด้านเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน เตรียมเคลื่อนไหว หากได้รับผลกระทบจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบของรัฐบาล โดย นายลือชา อุ่นยวง นายกสมาคมชาวสวนปาล์ม จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เกษตรกรรายย่อยไม่เห็นด้วยกับนโยบายการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 4 หมื่นตัน ตามมติครม. โดยเกรงว่าจะส่งผลกระทบทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมัน ตกต่ำ เนื่องจาก ปัจจุบันประเทศไทยมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่แล้ว ประมาณ 2 แสนตัน และในอีก 1 - 2 เดือนข้างหน้า ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดได้อย่างเต็มที่ ถ้ารัฐบาลนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบมาชนกันจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันของเกษตรกร ตกต่ำอย่างแน่นอน โดยได้หารือกับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ใน จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชุมพร จ.กระบี่ จ.ระนอง และ จ.นครศรีธรรมราช และเตรียมเคลื่อนไหวหากผลปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ โดยต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6 บาท