ปณท โหมธุรกิจโลจิสติกส์หลังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นปีละ5-10% พร้อมปรับโครงสร้างแยกธุรกิจโลจิสติกส์หรือการขนส่งหวัง 30% จากรายได้ทั้งหมด ชูให้บริการแบบเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service
น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย(ปณท) กล่าวว่าจากแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ5-10% รวมไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่นิยมส่งจดหมายสิ่งตีพิมพ์ แต่ปัจจุบันหันมาใช้บริการส่งพัสดุมากยิ่งขึ้น ทำให้ในปีนี้ ปณท มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ใหม่โดยแบ่งเป็นรายได้จากการส่งจดหมาย สิ่งตีพิมพ์ เป็น 53% จากเดิม 60-70% การให้บริการด้านการเงิน เช่น ธนาณัติออนไลน์ รับชำระเงิน 8% การให้บริการค้าปลีก 9% และธุรกิจโลจิสติกส์หรือการขนส่ง 30% จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดและไม่ได้แยกสัดส่วนรายได้ที่ชัดเจน
ปีนี้ปณท จะมุ่งเน้นการให้บริการขนส่งโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปหันมาส่งของชิ้นใหญ่มากขึ้น เพราะราคาย่อมเยาว์ ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในยุคน้ำมันแพง อีกทั้งที่ทำการไปรษณีย์อยู่ใกล้บ้าน ใช้บริการได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งปณท จะเน้นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service กรณีรับ-ส่งของให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก(SME) ผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ที่ต้องการนำสินค้ามาจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างๆในกรุงเทพฯ โดยปณท มีบริการรับขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตมายังสถานที่จัดงานและพร้อมขนกลับเมื่อการจัดงานเสร็จสิ้นด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ปณทจะทำธุรกิจโลจิสติกส์มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยบริการล่าสุดเป็นการรับส่งน้ำยาล้างไตจากองค์การเภสัชกรรมถึงมือผู้ป่วยตามบ้านเรือน การรับส่งยา น้ำเกลือ ของกระทรวงสาธารณสุข ไปยังสถานพยาบาลต่างๆในต่างจังหวัดและยังร่วมมือกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าเซเว่นทั่วประเทศ รวมถึงจะกระจายสินค้าไปยังร้านค้าถูกใจตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
‘ในปี 2555 นี้ปณท ยังคงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 840 ล้านบาท’
น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย(ปณท) กล่าวว่าจากแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ5-10% รวมไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่นิยมส่งจดหมายสิ่งตีพิมพ์ แต่ปัจจุบันหันมาใช้บริการส่งพัสดุมากยิ่งขึ้น ทำให้ในปีนี้ ปณท มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ใหม่โดยแบ่งเป็นรายได้จากการส่งจดหมาย สิ่งตีพิมพ์ เป็น 53% จากเดิม 60-70% การให้บริการด้านการเงิน เช่น ธนาณัติออนไลน์ รับชำระเงิน 8% การให้บริการค้าปลีก 9% และธุรกิจโลจิสติกส์หรือการขนส่ง 30% จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดและไม่ได้แยกสัดส่วนรายได้ที่ชัดเจน
ปีนี้ปณท จะมุ่งเน้นการให้บริการขนส่งโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปหันมาส่งของชิ้นใหญ่มากขึ้น เพราะราคาย่อมเยาว์ ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในยุคน้ำมันแพง อีกทั้งที่ทำการไปรษณีย์อยู่ใกล้บ้าน ใช้บริการได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งปณท จะเน้นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service กรณีรับ-ส่งของให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก(SME) ผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ที่ต้องการนำสินค้ามาจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างๆในกรุงเทพฯ โดยปณท มีบริการรับขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตมายังสถานที่จัดงานและพร้อมขนกลับเมื่อการจัดงานเสร็จสิ้นด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ปณทจะทำธุรกิจโลจิสติกส์มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยบริการล่าสุดเป็นการรับส่งน้ำยาล้างไตจากองค์การเภสัชกรรมถึงมือผู้ป่วยตามบ้านเรือน การรับส่งยา น้ำเกลือ ของกระทรวงสาธารณสุข ไปยังสถานพยาบาลต่างๆในต่างจังหวัดและยังร่วมมือกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าเซเว่นทั่วประเทศ รวมถึงจะกระจายสินค้าไปยังร้านค้าถูกใจตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
‘ในปี 2555 นี้ปณท ยังคงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 840 ล้านบาท’