มิพักต้องพูดถึงอำนาจ วาสนาและบุญญาบารมีของ “วัดพระธรรมกาย” ภายใต้การนำของ “พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)” กันแล้วกระมัง เพราะวันนี้พวกเขาสามารถประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่า “ชิตังเม....” ซึ่งแปลว่า “เราชนะแล้ว” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
กรณี “ธุดงค์ธรรมชัย” บนกลีบกุหลาบที่เดินแคตวอล์กกันเข้ามาโปรดเวไนยสัตว์กลางกรุงคือตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะถ้าไม่ใช่ธรรมกาย คงไม่มีวัดไหน นิกายใดในสยามประเทศนี้ทำได้อีกแล้ว
นี่ไม่นับรวมถึงการผนวกรวมเอาจำอวดระดับประเทศอย่าง “โน้ส-อุดม แต้พานิช” ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของมหาชนชาวสยามเข้ามาเป็นสาวกแถวหน้าผ่านกิจกรรมการตลาดครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งเชื่อว่า น่าจะทำให้มีผู้ชักเท้าเข้าแถวไปสยบยอมอยู่ภายใต้จานบินแห่งอำเภอคลองหลวงได้อีกกระบุงโกย และนี่ไม่นับรวมถึงการที่พวกเขาสามารถทรงอิทธิพลในมหาเถรสมาคม(มส.) อันเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ได้อย่างหมดจดงดงาม จนแทบไม่มีเสียงกระแอมไอระคายคอออกมาให้ได้ยินแม้แต่แอะเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวกรุงที่สุดทนกับภาวะรถติดวินาศสันตะโรจากธุดงค์ธรรมกาย พระเทพญาณมหามุนีก็สำแดงเดชให้เห็นความยิ่งใหญ่กันอย่างต่อเนื่อง เมื่อ “กรมทางหลวง” ออกมาประกาศสร้าง “สะพานยกระดับ” เพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณแยกวัดพระธรรมกายและตลาดไท
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก “นายธงไชย วีระสมัย” รองผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง(ทล.) ว่า กรมทางหลวงมีโครงการจะก่อสร้างสะพานบนถนนคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี บริเวณแยกวัดพระธรรมกายและแยกตลาดไท โดยเบื้องต้นได้ออกแบบเป็นสะพานขนาด 4 ช่องจราจรไปกลับ สร้างบนเสาตอม่อเดี่ยวกลางถนน เป็นสะพาน 2 ตัวคร่อมทางแยกเข้าวัดธรรมกาย 1 ตัวยาว 340 เมตร และคร่อมแยกตลาดไทอีก 1 ตัวยาว 340 เมตร เช่นกัน รวมระยะทางโครงการ 2.5 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แบบก่อสร้างขณะนี้ยังไม่เป็นที่สรุป
สำหรับเหตุผลที่ต้องเนรมิตสะพาน 400 ล้านในบริเวณดังกล่าว กรมทางหลวงชี้แจงว่า เป็นเพราะถนนคลองหลวงมีช่องจราจร 6 ช่องไปกลับ ปัจจุบันมีปริมาณการจราจรมาก โดยเฉพาะจุดตัดที่แยกวัดพระธรรมกายและแยกตลาดไทจะต้องรอสัญญาณไฟจราจรนานเพราะมีปริมาณรถใช้เส้นทางมาก เมื่อก่อสร้างสะดานดังกล่าวจะช่วยให้รถทางตรงเดินทางได้สะดวกขึ้นเหมือนบนถนนแจ้งวัฒนะบริเวณหน้าศูนย์ราชการที่มีสะพานด้านหน้าทำให้รถทางตรงสามารถวิ่งผ่านได้โดยไม่ต้องตัดกระแสจราจรจากรถที่เข้าอกศูนย์ราชการ ทำให้การจราจรลื่นไหลดีขึ้น
แน่นอน การสร้างสะพานธรรมกายดังกล่าวย่อมเป็นสิ่งที่ดี เพราะต้องยอมรับว่าการจราจรในบริเวณนั้นติดชนิดวินาศสันตะโรด้วยการออกแบบถนนที่ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการกลับรถไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งส่งผลทำให้เสียช่องการจราจรไปอย่างน่าเสียดาย แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมก็คือ ไม่ใช่แค่บริเวณหน้าวัดพระธรรมกายเท่านั้นที่มีปัญหา หากแต่มีปัญหาตลอดระยะทางของถนนทั้งสาย ซึ่งถ้ากรมทางหลวงต้องการแก้ปัญหาจริงๆ ก็ต้องยกเครื่องและออกแบบถนน จุดตัด จุดแยกและบริเวณกลับรถใหม่ทั้งหมด แต่การที่กรมทางหลวงเลือกที่จะทำให้จุดดังกล่าวทำให้สังคมเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากเป็นเสมือนการอำนวยความสะดวกให้กับวัดพระธรรมกายเป็นสำคัญ
ขณะที่กรณีของโน้ส-อุดม นั้น ต้องบอกว่าหลังจากที่ปรากฏภาพและข่าวออกไป ก็ทำให้สังคมรับรู้ความสัมพันธ์ของโน้สที่มีต่อวัดนี้มากยิ่งขึ้น ทั้งจากข้อมูลที่ออกมาจากทั้ง “พระสนิทวงศ์ วุฒฒิวังโส” รองผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร(ฝ่ายประชาสัมพันธ์) และบรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหายของโน้ส
กับวัดพระธรรมกาย ต้องบอกว่า วัดพระธรรมกายสามารถฉกฉวยสถานการณ์จากโน้นได้อย่างน่าทึ่งและฉลาดพอที่จะทำให้สังคมรับรู้ถึงศรัทธาปสาทะที่นักเดี่ยวไมโครโฟนผู้นี้มีต่อวัดมาเป็นเวลานาน โดยพระสนิทวงศ์ออกมาประกาศว่า “อาตมาเห็นว่า ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์กันถือเป็นเรื่องความศรัทธาส่วนตัว โน้สได้มาบวชกิจกรรมธรรมทายาทภาคฤดูร้อนของวัดพระธรรมกายเมื่อปี 2534 ได้เรียนธรรมมะ นั่งสมาธิ ถือศีล แล้วพบว่ามีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะนั่งสมาธิในเรื่องของการทำงานจำบทสคริปต์ได้ดีขึ้น จึงเกิดความศรัทธา ถือเป็นเรื่องที่ดี เท่าที่อาตมารับทราบโน้สเป็นคนชอบทำบุญและเป็นคนที่รักมารดามาก ชอบพามารดาไปทำบุญทุกวัดอยู่แล้ว วัดที่ จ.เชียงใหม่ก็มา ไม่ใช่ที่วัดพระธรรมกายแห่งเดียว”
นอกจากนี้ในเว็บไซต์ www.dmc.tv ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงนักพูดชื่อดัง "โน้ส-อุดม" มาร่วมโปรยกุหลาบต้อนรับพระธุดงค์นั้น ภาพที่ออกมานเป็นภาพสมัยกิจกรรมธุดงค์ธรรมชัยฯช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี สุพรรณบุรี อยุธยา กรุงเทพฯ และนครปฐม ระหว่างวันที่ 2-24 มกราคม พ.ศ.2555 ที่ผ่านมา นักพูดชื่อดังได้เดินทางมาพร้อมกับมารดาเพื่อมาทำบุญ ไม่ใช่กิจกรรมธุดงค์ธรรมชัยฯ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2-6 เมษายน พ.ศ.2555นี้ สำหรับครั้งนี้ โน้ต อุดม แต้พานิช ไม่มีโอกาสได้มาร่วมเพราะอยู่ต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม จากการที่สื่อบางสำนักตามไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโน้สกับวัดพระธรรมกาย ทำให้พบข้อมูลที่น่าสนใจในเว็บไซต์ของ “มหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอร์เนีย”(http:dou.us/) เมื่อมีการลงบทความในคอลัมน์ “ธรรมะอินเทรนด์” ในชื่อ “จุดเปลี่ยนอุดม แต้พานิช ตอนที่ 1 และ2 โดยมีเนื้อหาพูดถึงที่มาของความศรัทธาซึ่งโน้สมีต่อวัดแห่งนี้
“ผมมีโอกาสมาเรียนต่อที่เพาะช่าง กรุงเทพฯ ช่วงนั้นผมไปวัดปากน้ำ ไปไหว้พระบ้าง ไปนั่งสมาธิบ้าง อยู่ๆ ก็รักหลวงพ่อวัดปากน้ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าชอบวิธีการสอนนั่งสมาธิของท่าน ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกกับจริตของผม”โน้สบอกเล่าถึงที่มาแห่งความศรัทธาของเขาไว้ในบทความดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า “ได้ไปใส่บาตรที่ชมรมพุทธฯ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่บังเอิญพระสอนสมาธิแบบหลวงปู่วัดปากน้ำ จนมาถึงช่วงรับสมัครอุปสมบทภาคฤดูร้อน ที่รู้สึกอยากบวชมาก แต่ยังทำงานอยู่ จึงได้อธิษฐานจิตและก็ได้บวช เมื่อสำนักพิมพ์ที่ทำงานบังเอิญปิดตัวลง”
เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของโน้สที่ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน
อาทิ นายมรกต โกมลบุตร หรือ “โด๋ว” ดีเจและนักจัดรายการวิทยุคลื่นแฟตเรดิโอที่ยอมรับว่า รู้มานานแล้วว่าโน้สมีความศรัทธาในวัดพระธรรมกาย เพราะทุกๆ ปีในวัดเกิดโน้สจะไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัดนี้อยู่เสมอ
เช่นเดียวกับนายภูพิงค์ พังสะอาด หรือ “พิง ลำพระเพลิง” อีกหนึ่งเพื่อนสนิทที่ยอมรับเช่นกันว่า ทราบมาโดยตลอดเรื่องโน้สชอบทำบุญ อีกทั้งศรัทธาในพระพุทธศาสนามาโดยตลอด เป็นคนที่ทำบุญครั้งหนึ่งเป็นล้านบาท และเมื่ออายุ 21 ปีก็เคยบวชที่วัดพระธรรมกายด้วย
รวมกระทั่งถึง “นายตัน ภาสกรนที” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป ที่ให้ข้อมูลไปในทำนองเดียวกันว่า พอทราบมาบ้างเรื่องที่โน้นไปทำบุญที่วัดพระธรรมกาย แต่ไม่ได้ใส่ใจและไม่ใช่เรื่องที่ต้องสอบถามว่ามีสาเหตุจากอะไร ทำไมจึงศรัทธา
สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อธุดงค์ธรรมชัย วัดพระธรรมกายก็แก้ตัวไว้อย่างเนียนๆ โดยระบุว่า “จากการแสสื่อออนไลน์เว็บไซต์ต่างๆ ที่ลงเรื่องธุดงค์ธรรมชัยในด้านลบ ในแง่ที่ทำให้รถติดในเส้นทางธุดงค์นั้น ทางคณะจัดงานต้องขออภัยอย่างสูง และขออนุโมทนาบุญกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เนื่องจากทางคณะจัดงานได้ประชาสัมพันธ์ในวงกว้างน้อยเกินไป และในวันที่เดินธุดงค์มีชาวกรุงเทพฯ จำนวนมากเห็นพระมาโปรดถึงในเมือง จึงเกิดศรัทธามาร่วมต้อนรับพระธุดงค์อย่างมากเกิดคาดการณ์ไว้ จนเหรียญพระของขวัญที่ทางวัดพระธรรมกายเตรียมไว้วันละประมาณ 2 แสนเหรียญไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นนิมิตรหมายอันดีของความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา” นอกจากนั้นยังมีการนำเสียงชื่นชมของบุคคลต่างๆ มานำเสนอเอาไว้ในเว็บไซต์ของทางวัดและเครือข่ายชนิดอย่างเป็นหางว่าวกันเลยทีเดียว(www.dmc.tv)
ที่เด็ดที่สุดคือการที่วัดพระธรรมกายนำคำให้สัมภาษณ์ของ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่สนับสนุนธุดงค์ธรรมชัยอย่างออกนอกหน้ามาไว้ด้วยความภาคภูมิใจว่า "กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการการศาสนา วุฒิสภา เรียกร้องให้ พศ.และกรมการศาสนา ตรวจสอบการจัดกิจกรรมเดินธุดงค์ธรรมชัยของพระสงฆ์ 1,500 รูประหว่าง วันที่2-6 เมษายน นี้ ในเขตปทุมธานีและผ่านถนนหลักกลาง กทม.เป็นการเคารพ หรือทำลายพุทธบัญญัติและธรรมวินัยว่า การเดินธุดงค์มีหลายลักษณะ เป็นป่าหรือสถานที่ก็ได้ เป็นการทำสมาธิ กำหนดจิตให้รู้ตัว ก็เป็นการปฏิบัติอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบข้อมูลเป็นการแห่รูปหล่อของหลวงพ่อสด ซึ่งเป็นการยกย่องเพื่อแสดงความกตัญญูในฐานะที่เมตตาเผยแผ่หลักธรรมคำสอน อีกทั้งเป็นการรวมชาวพุทธ ให้มาร่วมกิจกรรมแม้ว่าจะมีผลกระทบด้านการจราจรบ้าง แต่หากมองที่ผล ลัพธ์แล้วเป็นเรื่องดี ที่เป็นการจุดประกายและจิตศรัทธาให้ชาวพุทธมาร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เหมือนการจัดทำบุญตักบาตรพระสงฆ์หลายหมื่นรูปที่ถนนเยาวราช ซึ่งเป็นเรื่องดี ไม่อยากให้มองแต่แง่ลบอย่างเดียว อยากให้มองว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์มากกว่า"
เอาเป็นว่า นับจากนี้เป็นต้นไป สังคมไทยคงต้องจับตาวัดพระธรรมกายอย่างไม่วางตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉับพลันทันทีที่ นช.ทักษิณ ชินวัตรสามารถกลับประเทศไทยได้อย่างไม่มีความผิด เพราะนั่นจะเป็นก้าวที่สองที่ทำให้ “พระเทพญาณมหามุนี” สามารถเปล่งคำว่า “ชิตังเม” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเป็นคำรบที่สอง เพราะเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ณ เวลานั้น คงไม่มีใครสามารถทัดทานวัดพระธรรมกายเอาไว้ได้
แม้กระทั่งสื่อที่เคยจองล้างจองผลาญเล่นงานถล่มวัดแห่งนี้อย่างเอาเป็นเอาตายก็เก็บอุดมการณ์ของตนเองเอาไว้ในลิ้นชักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว