การขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญกำลังดำเนินไปอย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า เหมือนถูกใครประกาศิตไว้แล้วว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใต้เงื่อนเวลาที่กำหนด
การที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กุลีกุจอ รวบรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้าน ไม่หวั่นไหววิกฤตการเมืองที่อาจเกิดขึ้น และตระหนักถึงความขัดแย้งแตกแยกจนนำไปสู่การเข่นฆ่าระหว่างประชาชน ไม่มีเหตุผลใดนอกเหนือจากการรับบัญชาจากนายใหญ่
และนายใหญ่เป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทำไมต้องเร่งล้างมลทินให้ตัวเอง ทำไมต้องรีบเดินทางกลับบ้านในช่วงนี้ คำตอบง่ายๆ คือ ถ้าไม่รีบเผด็จศึก ไม่เร่งล้างมลทินให้ตัวเอง พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะหมดโอกาสไปตลอดกาล
แม้จะดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังใหญ่คับประเทศ แม้จะดูคล้ายว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์คุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว และสามารถทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องกลัวหน้าไหน และไม่ต้องสนใจว่าประชาชนจะมีความรู้สึกอย่างไร
แต่อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณจะจีรังจริงหรือ
ใครจะรับประกันได้ว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะอยู่จนครบวาระ 4 ปี แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเองก็คงไม่มั่นใจนัก และรู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันเอื้ออำนวยที่สุดแล้ว
ถ้าจะทำอะไรต้องรีบทำในทันที เพราะถ้าไม่รีบ ชีวิตนี้อาจไม่มีโอกาสอีก
การที่ต้องเร่งรีบรวบรัดแก้รัฐธรรมนูญเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณอยากจะกลับบ้านใจจะขาด นั่นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง หรือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับมาเป็นใหญ่เพื่อคิดบัญชีแค้น นั่นก็เป็นเพียงอีกเหตุผลหนึ่งเท่านั้น
แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้รอต่อไปไม่ได้ เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าใจถึงขีดความสามารถของน้องสาวตัวเอง
ในฐานะพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณย่อมรู้ดีว่า น้องสาวของตัวเองมีความสามารถระดับไหน ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งประมาณ 8 เดือนที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ทำได้เพียงเท่านี้
และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกใจได้เพียงเรื่องเดียวคือ ความพยายามนำพี่ชายกลับบ้าน แต่อย่างอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย
พ.ต.ท.ทักษิณไม่บรมโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าการบริหารประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ล้มเหลวขนาดไหน ไม่โง่จนถึงขนาดไม่รู้ว่า ประชาชนเริ่มรู้สึกผิดหวังกับรัฐบาล
ตั้งแต่นางสาวยิ่งลักษณ์เข้ามา ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่รู้สึกว่าการค้าการขายดีขึ้น ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจกลับมาเฟื่องฟู และไม่มีช่วงเวลาใดที่รู้สึกว่าชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
แต่สิ่งที่ทุกคนได้สัมผัส คือ เศรษฐกิจยังฟุบ การค้าการขายซบเซา ข้าวของราคาแพง และค่าครองชีพสูงขึ้น
ปัญหาค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงกำลังทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เผชิญกับความจริง ความจริงที่ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้เก่งมาจากไหน ความจริงที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่เทพเจ้าที่จะบันดาลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า
และความจริงที่ว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยเหลือพี่ชายเท่านั้น
ความศรัทธาในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเสื่อมทรุด กระแสต่อต้านกำลังปะทุ และจะเป็นตัวบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณรอต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะถ้ารอจนเกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แผนการล้างมลทินให้ตัวเองไม่มีวันบรรลุเป้าหมายแน่
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังกลายเป็นผู้สังหารน้องสาวตัวเอง
เพราะการรวดรัดตัดตอนแก้รัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายปรองดองฯ จะเร่งสถานการณ์การเมืองให้สุกงอมเร็วขึ้น
พ.ต.ท.ทักษิณอาจประเมินว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์คุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จ คนเสื้อแดงขึ้นมาครองเมือง และคนสีเสื้ออื่นหงอยไปหมดแล้ว
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณอาจมองโลกในแง่ดีเกินไป
พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ถามประชาชนส่วนใหญ่ว่า ยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยอมให้ออกกฎหมายเพื่อล้างมลทินหรือไม่
และยังไม่ได้ถามว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยอมปล่อยให้คนโกงลอยนวล ยอมให้ประเทศนี้ไม่มีขื่อมีแปร ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่อยู่เหนือกฎหมาย จะทำอะไรกับประเทศนี้ก็ได้โดยไม่มีความผิดหรือ
คงไม่มีประชาชนเพียง 1 คนหรือ 2 คนที่ไม่ยอมก้มหัวให้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะมีกี่แสนกี่ล้านคนที่พร้อมลุกฮือต่อต้าน คงต้องรอดูกันวันที่รัฐบาลประกาศล้างมลทินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
และวันนั้นไม่เพียงต่อต้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่ยังเป็นวันขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ออกไป” ด้วย
การที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กุลีกุจอ รวบรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้าน ไม่หวั่นไหววิกฤตการเมืองที่อาจเกิดขึ้น และตระหนักถึงความขัดแย้งแตกแยกจนนำไปสู่การเข่นฆ่าระหว่างประชาชน ไม่มีเหตุผลใดนอกเหนือจากการรับบัญชาจากนายใหญ่
และนายใหญ่เป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทำไมต้องเร่งล้างมลทินให้ตัวเอง ทำไมต้องรีบเดินทางกลับบ้านในช่วงนี้ คำตอบง่ายๆ คือ ถ้าไม่รีบเผด็จศึก ไม่เร่งล้างมลทินให้ตัวเอง พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะหมดโอกาสไปตลอดกาล
แม้จะดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังใหญ่คับประเทศ แม้จะดูคล้ายว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์คุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว และสามารถทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องกลัวหน้าไหน และไม่ต้องสนใจว่าประชาชนจะมีความรู้สึกอย่างไร
แต่อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณจะจีรังจริงหรือ
ใครจะรับประกันได้ว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะอยู่จนครบวาระ 4 ปี แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเองก็คงไม่มั่นใจนัก และรู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันเอื้ออำนวยที่สุดแล้ว
ถ้าจะทำอะไรต้องรีบทำในทันที เพราะถ้าไม่รีบ ชีวิตนี้อาจไม่มีโอกาสอีก
การที่ต้องเร่งรีบรวบรัดแก้รัฐธรรมนูญเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณอยากจะกลับบ้านใจจะขาด นั่นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง หรือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับมาเป็นใหญ่เพื่อคิดบัญชีแค้น นั่นก็เป็นเพียงอีกเหตุผลหนึ่งเท่านั้น
แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้รอต่อไปไม่ได้ เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าใจถึงขีดความสามารถของน้องสาวตัวเอง
ในฐานะพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณย่อมรู้ดีว่า น้องสาวของตัวเองมีความสามารถระดับไหน ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งประมาณ 8 เดือนที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ทำได้เพียงเท่านี้
และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกใจได้เพียงเรื่องเดียวคือ ความพยายามนำพี่ชายกลับบ้าน แต่อย่างอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย
พ.ต.ท.ทักษิณไม่บรมโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าการบริหารประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ล้มเหลวขนาดไหน ไม่โง่จนถึงขนาดไม่รู้ว่า ประชาชนเริ่มรู้สึกผิดหวังกับรัฐบาล
ตั้งแต่นางสาวยิ่งลักษณ์เข้ามา ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่รู้สึกว่าการค้าการขายดีขึ้น ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจกลับมาเฟื่องฟู และไม่มีช่วงเวลาใดที่รู้สึกว่าชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
แต่สิ่งที่ทุกคนได้สัมผัส คือ เศรษฐกิจยังฟุบ การค้าการขายซบเซา ข้าวของราคาแพง และค่าครองชีพสูงขึ้น
ปัญหาค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงกำลังทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เผชิญกับความจริง ความจริงที่ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้เก่งมาจากไหน ความจริงที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่เทพเจ้าที่จะบันดาลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า
และความจริงที่ว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยเหลือพี่ชายเท่านั้น
ความศรัทธาในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเสื่อมทรุด กระแสต่อต้านกำลังปะทุ และจะเป็นตัวบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณรอต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะถ้ารอจนเกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แผนการล้างมลทินให้ตัวเองไม่มีวันบรรลุเป้าหมายแน่
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังกลายเป็นผู้สังหารน้องสาวตัวเอง
เพราะการรวดรัดตัดตอนแก้รัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายปรองดองฯ จะเร่งสถานการณ์การเมืองให้สุกงอมเร็วขึ้น
พ.ต.ท.ทักษิณอาจประเมินว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์คุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จ คนเสื้อแดงขึ้นมาครองเมือง และคนสีเสื้ออื่นหงอยไปหมดแล้ว
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณอาจมองโลกในแง่ดีเกินไป
พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ถามประชาชนส่วนใหญ่ว่า ยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยอมให้ออกกฎหมายเพื่อล้างมลทินหรือไม่
และยังไม่ได้ถามว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยอมปล่อยให้คนโกงลอยนวล ยอมให้ประเทศนี้ไม่มีขื่อมีแปร ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่อยู่เหนือกฎหมาย จะทำอะไรกับประเทศนี้ก็ได้โดยไม่มีความผิดหรือ
คงไม่มีประชาชนเพียง 1 คนหรือ 2 คนที่ไม่ยอมก้มหัวให้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะมีกี่แสนกี่ล้านคนที่พร้อมลุกฮือต่อต้าน คงต้องรอดูกันวันที่รัฐบาลประกาศล้างมลทินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
และวันนั้นไม่เพียงต่อต้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่ยังเป็นวันขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ออกไป” ด้วย
