ASTVผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มายังพระที่นั่งทรงธรรม ในการเชิญพระโกศพระอัฐิ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ขณะที่ วัดราชบพิธฯ ได้ตกแต่งสุสานหลวงบรรจุพระสรีรางคาร สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เผย สมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จประกอบพิธี 12 เม.ย.
หลังจากที่ได้มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติไปเมื่อวันอังคารที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เช้าวานนี้ ( 11 เม.ย. 55) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ไปทรงประกอบพระราชพิธีเก็บพระอัฐิและพระสรีรางคาร ณ ราชวัติ พระเมรุ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เมื่อเวลา 08.09 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มายังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯขึ้นพระเมรุ เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าตาดที่ถวายคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระอัฐิ และจึงถวายสรงพระอัฐิด้วยพระสุคนธ์จนทั่ว
จากนั้น เจ้าพนักงานภูษามาลา ถวายผ้าตาดคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตรสามหาบ พระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์พระอัฐิ พระสงฆ์สดับปกรณ์ครบ 6รูปแล้วเจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระอัฐิ ทรงเก็บพระอัฐิสรงพระสุคนธ์ เชิญลงในพระโกศทองคำลงยา และพระโกศองค์เล็ก
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ โปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิลงจากพระเมรุไปยังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จตามประทับที่หน้าอาสนสงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิในประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า จากนั้นทรงจุดธุปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ แล้วทรงประเคนโตกสำหรับภัตตาหารสามหาบแด่พระสงฆ์ 6 รูป
เมื่อพระสงฆ์สามหาบฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯไปถวายเครื่องสังเค็ด งานพระราชทานเพลิงพระศพแด่พระสงฆ์ 36 รูป ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ลากลับ
ต่อมาพระสงฆ์อีก 36 รูป ขึ้นนั่งอาสนสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์สดับปกรณ์พระอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก กลับถัดมาเวลา 9.35 น.จึงได้มีการตั้งริ้วขบวนพระอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 4 เชิญพระโกศพระอัฐิ และพระสรีรางคารเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยวอสีวิกากาญจน์ โดยในริ้วขบวนนี้ใช้การเดินตามจังหวะกลอง ระยะทางประมาณ 1074 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคารประดิษฐานในพระวอสีวิกากาญจน์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จฯออกจากพระที่นั่งทรงธรรมโดยรถยนต์พระที่นั่งไปทรงรอรับ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จแทนพระองค์ตามพระโกศพระอัฐิเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ยาตราขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิ ส่วนพระสรีรางคารนั้นจะแยกเข้าสู่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูเกยหลังวัดเชิญพระผอบพระสรีรางคารพักไว้ที่พระศรีรัตนเจดีย์
ส่วนขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิได้เข้าประตูพิมานไชยศรี เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรอรับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิจากพระที่นั่งราเชนทรยาน เข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบกแว่นฟ้าทอง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เจ้าพนักงานภูษามาลาประดิษฐานพระโกศพระอัฐิเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ แล้วจึงเสด็จฯกลับ
นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาติ ให้นำพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ส่วนหนึ่งบรรจุลงในพระโกศทองคำลงยา เพื่อนำไปประดิษฐานไว้กับพระบรมพระอัฐิพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระอัฐิพระนาง เจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี(พระมารดา) ที่วังรื่นฤดี ถ.สุขุมวิท
นอกจากนี้ สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการพระราชพิธีในวันพุธที่ 11 เม.ย.55 ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ เวลา 16.30 น. ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
***บรรจุพระสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธฯ
พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ มอบหมายให้อาตมา เป็นผู้ทำหน้าที่ประสานงานในการจัดพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคาร กับทางสำนักพระราชวัง รวมทั้งให้ดูแลความเรียบร้อยในการจัดสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ เสาวภาประดิษฐาน สุสานหลวง วัดราชบพิธฯ เพื่อเตรียม การรับเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีบรรจุพระสรีรางคาร วันที่ 12 เมษายน เวลา 16.30 น. ทางเจ้าหน้าที่วัด รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้เข้ามาจัดตกแต่งสวน และทางเดินภายในสุสานหลวง อีกทั้งให้ช่างทาสีตกแต่งพระเจดีย์และพระปรางค์รอบสุสานหลวงให้สวยงาม โดยเฉพาะเสาวภาประดิษฐาน ซึ่งใช้เป็นที่บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ได้รับการบูรณะตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอย่างสวยงามสมพระเกียรติยิ่ง สำหรับบริเวณรั้ววัดราชบพิธฯ ประดับตกแต่งพู่ห้อยระย้าสีขาวดำแขวนไว้รอบวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนประตูทางเข้าวัด ฝั่งถนนราชบพิธ และพระอุโบสถ ทำความสะอาดและจัดตกแต่งเป็นอย่างดี
**เปิดให้ปชช.ชมพระเมรุ 11-17 เม.ย.
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนี้ กรมศิลปากร และสำนักนายกรัฐมนตรี จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมความงดงามของพระเมรุ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายนนี้ ทั้งนี้ หลังปิดการเข้าชมพระเมรุแล้วจะเปิดไฟรอบพระเมรุ จนถึงเวลา 22.00 น. เพื่อให้ประชาชนที่สัญจร เดินผ่านไปผ่านมาสามารถถ่ายรูปและชมพระเมรุโดยรอบในยามค่ำคืนได้
หลังจากที่ได้มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติไปเมื่อวันอังคารที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เช้าวานนี้ ( 11 เม.ย. 55) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ไปทรงประกอบพระราชพิธีเก็บพระอัฐิและพระสรีรางคาร ณ ราชวัติ พระเมรุ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เมื่อเวลา 08.09 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มายังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯขึ้นพระเมรุ เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าตาดที่ถวายคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระอัฐิ และจึงถวายสรงพระอัฐิด้วยพระสุคนธ์จนทั่ว
จากนั้น เจ้าพนักงานภูษามาลา ถวายผ้าตาดคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตรสามหาบ พระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์พระอัฐิ พระสงฆ์สดับปกรณ์ครบ 6รูปแล้วเจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระอัฐิ ทรงเก็บพระอัฐิสรงพระสุคนธ์ เชิญลงในพระโกศทองคำลงยา และพระโกศองค์เล็ก
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ โปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิลงจากพระเมรุไปยังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จตามประทับที่หน้าอาสนสงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิในประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า จากนั้นทรงจุดธุปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ แล้วทรงประเคนโตกสำหรับภัตตาหารสามหาบแด่พระสงฆ์ 6 รูป
เมื่อพระสงฆ์สามหาบฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯไปถวายเครื่องสังเค็ด งานพระราชทานเพลิงพระศพแด่พระสงฆ์ 36 รูป ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ลากลับ
ต่อมาพระสงฆ์อีก 36 รูป ขึ้นนั่งอาสนสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์สดับปกรณ์พระอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก กลับถัดมาเวลา 9.35 น.จึงได้มีการตั้งริ้วขบวนพระอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 4 เชิญพระโกศพระอัฐิ และพระสรีรางคารเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยวอสีวิกากาญจน์ โดยในริ้วขบวนนี้ใช้การเดินตามจังหวะกลอง ระยะทางประมาณ 1074 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคารประดิษฐานในพระวอสีวิกากาญจน์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จฯออกจากพระที่นั่งทรงธรรมโดยรถยนต์พระที่นั่งไปทรงรอรับ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จแทนพระองค์ตามพระโกศพระอัฐิเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ยาตราขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิ ส่วนพระสรีรางคารนั้นจะแยกเข้าสู่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูเกยหลังวัดเชิญพระผอบพระสรีรางคารพักไว้ที่พระศรีรัตนเจดีย์
ส่วนขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิได้เข้าประตูพิมานไชยศรี เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรอรับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิจากพระที่นั่งราเชนทรยาน เข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบกแว่นฟ้าทอง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เจ้าพนักงานภูษามาลาประดิษฐานพระโกศพระอัฐิเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ แล้วจึงเสด็จฯกลับ
นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาติ ให้นำพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ส่วนหนึ่งบรรจุลงในพระโกศทองคำลงยา เพื่อนำไปประดิษฐานไว้กับพระบรมพระอัฐิพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระอัฐิพระนาง เจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี(พระมารดา) ที่วังรื่นฤดี ถ.สุขุมวิท
นอกจากนี้ สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการพระราชพิธีในวันพุธที่ 11 เม.ย.55 ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ เวลา 16.30 น. ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
***บรรจุพระสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธฯ
พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ มอบหมายให้อาตมา เป็นผู้ทำหน้าที่ประสานงานในการจัดพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคาร กับทางสำนักพระราชวัง รวมทั้งให้ดูแลความเรียบร้อยในการจัดสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ เสาวภาประดิษฐาน สุสานหลวง วัดราชบพิธฯ เพื่อเตรียม การรับเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีบรรจุพระสรีรางคาร วันที่ 12 เมษายน เวลา 16.30 น. ทางเจ้าหน้าที่วัด รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้เข้ามาจัดตกแต่งสวน และทางเดินภายในสุสานหลวง อีกทั้งให้ช่างทาสีตกแต่งพระเจดีย์และพระปรางค์รอบสุสานหลวงให้สวยงาม โดยเฉพาะเสาวภาประดิษฐาน ซึ่งใช้เป็นที่บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ได้รับการบูรณะตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอย่างสวยงามสมพระเกียรติยิ่ง สำหรับบริเวณรั้ววัดราชบพิธฯ ประดับตกแต่งพู่ห้อยระย้าสีขาวดำแขวนไว้รอบวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนประตูทางเข้าวัด ฝั่งถนนราชบพิธ และพระอุโบสถ ทำความสะอาดและจัดตกแต่งเป็นอย่างดี
**เปิดให้ปชช.ชมพระเมรุ 11-17 เม.ย.
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนี้ กรมศิลปากร และสำนักนายกรัฐมนตรี จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมความงดงามของพระเมรุ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายนนี้ ทั้งนี้ หลังปิดการเข้าชมพระเมรุแล้วจะเปิดไฟรอบพระเมรุ จนถึงเวลา 22.00 น. เพื่อให้ประชาชนที่สัญจร เดินผ่านไปผ่านมาสามารถถ่ายรูปและชมพระเมรุโดยรอบในยามค่ำคืนได้
