ASTVผู้จัดการรายวัน-ดีเอสไอเตรียมเรียกผู้บริหารโรงพยาบาล 3 แห่ง เข้าสอบปากคำคดียาแก้หวัดหายออกจากระบบ เผยหากหลักฐานชัด พัวพันยาเสพติดพร้อมแจ้งข้อหาเพิ่ม ด้าน สธ.บุกตรวจโรงงานผลิตยาซูโดฯสูตรเดี่ยวย่านลาดพร้าว พบลอบส่ง รพ.สยามราษฏร์เชียงใหม่ และสัมพันธ์คลินิก ขณะที่ สสจ.สุรินทร์ ชี้ห้ามขายยาหวัดซูโดฯไม่กระทบผู้ป่วย
วานนี้(10 เม.ย.)นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบ เพื่อนำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดว่า ที่ประชุมได้หารือเพื่อหาแนวทางดำเนินทางกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน เนื่องจากคดีดังกล่าวมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เบื้องต้นได้ข้อสรุปสำนวนคดีบางส่วนที่พบว่ามีความชัดเจนในการกระทำความผิด 3 โรงพยาบาล ประกอบด้วย รพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี , รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถดำเนินคดีได้ทันที โดยเบื้องต้นจะเรียกผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดที่ถูกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยแล้ว มาสอบข้อมูลเพิ่มเติม หากพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พรบ.ยา และ พรบ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
"ขณะนี้ยังพบข้อมูลความผิดปกติของอีกหลาย รพ. ซึ่งมีทั้ง รพ.รัฐ เอกชน และคลินิก ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยสถานพยาบาลที่เข้าข่ายถูกดำเนินคดียาเสพติดจะต้องครอบครองซูโดอีเฟดรีนตั้งแต่ 80-100 เม็ดขึ้นไป ในส่วน รพ.ศูนย์อุดรฯ ค่อนข้างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการผลิตยาเสพติด เนื่องจากล็อตนัมเบอร์ยาแก้หวัดจาก รพ.ศูนย์อุดร ไปพบอยู่ในสันกำแพง แต่จะสอบสวนจนได้หลักฐานที่แน่นหนาก่อนจึงจะแจ้งข้อหาในคดียาเสพติด"
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนได้เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้พบความเชื่อมโยงระหว่างรพ.ต่าง ๆ แล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อไป
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้กลุ่มประชาชนปฏิวัติองค์กรอิสระทุจริตเงินแผ่นดิน นำโดยนายนพพล อภินันท์ เดินทางเข้าพบอธิบดีดีเอสไอ เพื่อเร่งรัดให้มีการตรวจสอบคดีกล่าว เนื่องจากถือเป็นความเสียหายต่อประชาชนโดยตรง รวมถึงมีความกังวลกรณีที่มีผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปเกี่ยวข้องในการได้รับผลประโยชน์จากขบวนการดังกล่าว
**บุกตรวจโรงงานย่านลาดพร้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่า การกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด สธ.พร้อมด้วยคณะทำงานฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานมิลาโน ใน ซ.ลาดพร้าว 94 ซึ่งเป็น 1ใน 4 โรงงานที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. ให้สามารถผลิตยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวได้
โดยนายพสิษฐ์ กล่าวภายหลังการเข้าพบนายนราธิป ไทรสมบูรณ์ ผู้จัดการโรงงานมิลาโน ว่า ที่มาตรวจสอบโรงงานนี้เนื่องจากพบว่ากรณีพบยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวหายไปจากรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และที่สัมพันธ์คลินิก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นั้น มีการสั่งซื้อยามาจากโรงงานแห่งนี้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่ามีการสั่งซื้อจริงหรือไม่ โดยผลจากการตรวจสอบทางโรงงานมิลาโนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและพบว่ามี เอกสารการสั่งซื้อยามาจาก รพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่จริง มีเอกสารยืนยันชัดเจน ขณะเดียวกันยังพบว่ามีลายเซ็นรับจากทาง รพ.สยามราษฏร์เชียงใหม่ ซึ่งทางคณะทำงานฯจะตรวจสอบไปยัง รพ.ด้วยว่าลายเซ็นดังกล่าวจริงหรือไม่ หรือว่ามีการปลอมแปลง
**ลอบส่ง รพ.สยามราษฏร์เชียงใหม่ฯ
ที่ปรึกษา รมว.สธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีของสัมพันธ์คลินิกพบว่ามีการสั่งซื้อจากโรงงานมิลาโนจริง จำนวนประมาณ 40,000 เม็ด และยังมีการสั่งซื้อจากบริษัทอื่นด้วย ซึ่งการมาตรวจสอบข้อมูลครั้งนี้ ยังพบข้อมูลที่ชัดเจนด้วยว่า ตัวแทนขายยาที่ ขายยาให้กับรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ และสัมพันธ์คลินิกเป็นคนเดียวกัน ซึ่งอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาซูโดอีเฟดรีนหายหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องมีการตรวจสอบเชิงลึก อาทิ กรณีตรวจสอบตัวแทนขายยาว่า มีมีเครือข่ายอยู่ที่อื่น หรือไม่ อย่างไรก็ตามทางคณะทำงานฯจะส่งข้อมูลการตรวจสอบครั้งนี้ให้กับ นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ ) รับทราบ
**มึนพบบ.มิลาโน ไม่ได้ใบอนุญาตผลิต
แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับบริษัท มิลาโน ที่นายพิสิษฐ์ พร้อมคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบนั้น ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้อายัดและสั่งห้ามบริษัทดังกล่าวผลิตและส่งยาสูตรเดี่ยวและสูตรผสม จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จว่าไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่พบในรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และที่สัมพันธ์คลินิก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จึงจะยึดอนุญาต แต่ขณะนี้ห้ามดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ณ ปัจจุบัน จะเหลือเพียง 3 บริษัท จาก 4 บริษัทที่ทางอย.อนุญาตให้ผลิตยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยว ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยน ฟาร์มาซูติคัล จำกัด บริษัท เบญจโอสถ จำกัด และบริษัท เมดดิซีน ซัพพลายจำกัด
แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวว่า จริงๆแล้วขั้นตอนการผลิตของบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากอย. จะมีขั้นตอนยุ่งยากมาก เนื่องจากตัวนี้เป็นตัวเดี่ยว และจัดเป็นกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 โดยก่อนจะผลิตก็ต้องแจ้งมายังอย.ก่อนล่วงหน้า 7 วัน และเมื่อจะผลิต และผลิตได้เท่าใดก็ต้องรายงานมายังอย. และจัดส่งให้ทางรพ.ตามจำนวนที่รายงานกับอย.หรือไม่ ตรงนี้อย.จะทราบหมด แต่จะไม่มีตัวแทนหรือบริษัทอื่นใดทำหน้าที่ส่งให้กับรพ. จะอนุญาตเพียงบริษัทที่ผลิตเป็นผู้จัดส่งให้รพ.เท่านั้น ซึ่งการผลิตและจัดส่งโดยรวมต้องทำรายงานให้ อย.ทราบทุกเดือน และยังต้องทำรายงานประจำปีด้วย
วานนี้(10 เม.ย.)นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบ เพื่อนำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดว่า ที่ประชุมได้หารือเพื่อหาแนวทางดำเนินทางกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน เนื่องจากคดีดังกล่าวมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เบื้องต้นได้ข้อสรุปสำนวนคดีบางส่วนที่พบว่ามีความชัดเจนในการกระทำความผิด 3 โรงพยาบาล ประกอบด้วย รพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี , รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถดำเนินคดีได้ทันที โดยเบื้องต้นจะเรียกผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดที่ถูกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยแล้ว มาสอบข้อมูลเพิ่มเติม หากพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พรบ.ยา และ พรบ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
"ขณะนี้ยังพบข้อมูลความผิดปกติของอีกหลาย รพ. ซึ่งมีทั้ง รพ.รัฐ เอกชน และคลินิก ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยสถานพยาบาลที่เข้าข่ายถูกดำเนินคดียาเสพติดจะต้องครอบครองซูโดอีเฟดรีนตั้งแต่ 80-100 เม็ดขึ้นไป ในส่วน รพ.ศูนย์อุดรฯ ค่อนข้างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการผลิตยาเสพติด เนื่องจากล็อตนัมเบอร์ยาแก้หวัดจาก รพ.ศูนย์อุดร ไปพบอยู่ในสันกำแพง แต่จะสอบสวนจนได้หลักฐานที่แน่นหนาก่อนจึงจะแจ้งข้อหาในคดียาเสพติด"
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนได้เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้พบความเชื่อมโยงระหว่างรพ.ต่าง ๆ แล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อไป
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้กลุ่มประชาชนปฏิวัติองค์กรอิสระทุจริตเงินแผ่นดิน นำโดยนายนพพล อภินันท์ เดินทางเข้าพบอธิบดีดีเอสไอ เพื่อเร่งรัดให้มีการตรวจสอบคดีกล่าว เนื่องจากถือเป็นความเสียหายต่อประชาชนโดยตรง รวมถึงมีความกังวลกรณีที่มีผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปเกี่ยวข้องในการได้รับผลประโยชน์จากขบวนการดังกล่าว
**บุกตรวจโรงงานย่านลาดพร้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่า การกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด สธ.พร้อมด้วยคณะทำงานฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานมิลาโน ใน ซ.ลาดพร้าว 94 ซึ่งเป็น 1ใน 4 โรงงานที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. ให้สามารถผลิตยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวได้
โดยนายพสิษฐ์ กล่าวภายหลังการเข้าพบนายนราธิป ไทรสมบูรณ์ ผู้จัดการโรงงานมิลาโน ว่า ที่มาตรวจสอบโรงงานนี้เนื่องจากพบว่ากรณีพบยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวหายไปจากรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และที่สัมพันธ์คลินิก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นั้น มีการสั่งซื้อยามาจากโรงงานแห่งนี้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่ามีการสั่งซื้อจริงหรือไม่ โดยผลจากการตรวจสอบทางโรงงานมิลาโนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและพบว่ามี เอกสารการสั่งซื้อยามาจาก รพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่จริง มีเอกสารยืนยันชัดเจน ขณะเดียวกันยังพบว่ามีลายเซ็นรับจากทาง รพ.สยามราษฏร์เชียงใหม่ ซึ่งทางคณะทำงานฯจะตรวจสอบไปยัง รพ.ด้วยว่าลายเซ็นดังกล่าวจริงหรือไม่ หรือว่ามีการปลอมแปลง
**ลอบส่ง รพ.สยามราษฏร์เชียงใหม่ฯ
ที่ปรึกษา รมว.สธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีของสัมพันธ์คลินิกพบว่ามีการสั่งซื้อจากโรงงานมิลาโนจริง จำนวนประมาณ 40,000 เม็ด และยังมีการสั่งซื้อจากบริษัทอื่นด้วย ซึ่งการมาตรวจสอบข้อมูลครั้งนี้ ยังพบข้อมูลที่ชัดเจนด้วยว่า ตัวแทนขายยาที่ ขายยาให้กับรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ และสัมพันธ์คลินิกเป็นคนเดียวกัน ซึ่งอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาซูโดอีเฟดรีนหายหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องมีการตรวจสอบเชิงลึก อาทิ กรณีตรวจสอบตัวแทนขายยาว่า มีมีเครือข่ายอยู่ที่อื่น หรือไม่ อย่างไรก็ตามทางคณะทำงานฯจะส่งข้อมูลการตรวจสอบครั้งนี้ให้กับ นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ ) รับทราบ
**มึนพบบ.มิลาโน ไม่ได้ใบอนุญาตผลิต
แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับบริษัท มิลาโน ที่นายพิสิษฐ์ พร้อมคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบนั้น ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้อายัดและสั่งห้ามบริษัทดังกล่าวผลิตและส่งยาสูตรเดี่ยวและสูตรผสม จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จว่าไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่พบในรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และที่สัมพันธ์คลินิก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จึงจะยึดอนุญาต แต่ขณะนี้ห้ามดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ณ ปัจจุบัน จะเหลือเพียง 3 บริษัท จาก 4 บริษัทที่ทางอย.อนุญาตให้ผลิตยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยว ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยน ฟาร์มาซูติคัล จำกัด บริษัท เบญจโอสถ จำกัด และบริษัท เมดดิซีน ซัพพลายจำกัด
แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวว่า จริงๆแล้วขั้นตอนการผลิตของบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากอย. จะมีขั้นตอนยุ่งยากมาก เนื่องจากตัวนี้เป็นตัวเดี่ยว และจัดเป็นกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 โดยก่อนจะผลิตก็ต้องแจ้งมายังอย.ก่อนล่วงหน้า 7 วัน และเมื่อจะผลิต และผลิตได้เท่าใดก็ต้องรายงานมายังอย. และจัดส่งให้ทางรพ.ตามจำนวนที่รายงานกับอย.หรือไม่ ตรงนี้อย.จะทราบหมด แต่จะไม่มีตัวแทนหรือบริษัทอื่นใดทำหน้าที่ส่งให้กับรพ. จะอนุญาตเพียงบริษัทที่ผลิตเป็นผู้จัดส่งให้รพ.เท่านั้น ซึ่งการผลิตและจัดส่งโดยรวมต้องทำรายงานให้ อย.ทราบทุกเดือน และยังต้องทำรายงานประจำปีด้วย