ธุรกิจข้าวกระอัก เอกชนโอดครวญ ยอดขายต่ำเป้า ด้านตลาดส่งออกต่างประเทศสะดุด เจอเวียดนาม จีน อินเดีย ดั๊มราคาตีตลาด ลั่นหลังสงกรานต์ถ้ารัฐบาลปรับราคาอีก 10 บาทต่อถุงก็ดี แต่ธุรกิจส่งออกหนักอีก
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์, ธุรกิจข้าวสารตรามาบุญครอง, ธุรกิจโรงแรม และสนามกอล์ฟ กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจข้าวถุงในภาพรวมและในส่วนของข้าวถุงมาบุญครองอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง ซึ่งข้าวถุงมาบุญครองเองในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมานี้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และตลาดรวมยังมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
เนื่องจากผู้บริโภคยังชะลอการซื้อข้าวถุงเพราะยังมีข้าวถุงที่รับบริจาคในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา อีกทั้งปัญหาเรื่องการส่งออกข้าวเวลานี้ค่อนข้างมีปัญหา เพราะราคาข้าวของไทยเวลานี้สูงกว่าคู่แข่งในต่างประเทศอย่างมาก เช่น เวียดนาม อินเดีย และจีน มีการส่งออกข้าวราคาถูกเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้น จึงทำให้ข้าวไทยได้รับผลกระทบมีปริมาณการสั่งซื้อข้าวลดลง
"การปรับตัวของราคาข้าวของไทยที่สูงขึ้นยังเป็นผลมาจาก
นโยบายการรับจำนำราคาข้าวของรัฐบาลด้วย ซึ่งกระทบต่อการทำตลาดส่งออก โดยเฉพาะคู่แข่งจากประเทศเวียดนาม ที่แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลไทยเตรียมใช้นโยบายค่าเงินบาทอ่อนก็อาจสู้ไม่ได้กับเวียดนามที่มีค่าเงินดองอ่อนกว่าไทย " นายสุเวทย์กล่าว
สำหรับนโยบายของรัฐบาลที่จะปรับราคาข้าวหอมมะลิขึ้นอีก 10 บาทต่อถุง หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น หากทำได้จริงถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่งหากมองในด้านของการส่งออกข้าวก็อาจจะมีปัญหา เพราะปัจจุบันประเทศไทยเสียเปรียบคู่แข่งด้านการส่งออกข้าวอยู่แล้ว เพราะมีราคาขายที่แพงกว่า
นายสุเวทย์กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกนี้เติบโตดี ซึ่งปีนี้บริษัทได้ปรับรอบบัญชีตามปีปฏิทินปัจจุบัน คือ เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. ของทุกปี จากเดิมรอบบัญชีจะเริ่มที่เดือน ก.ค. และสิ้นสุดเดือนมิ.ย.ปี ซึ่งบริษัทต้องทำการตัดรอบบัญชีปี 2554 เพียง 6 เดือน คือ ก.ค.-ธ.ค.2554 ปีที่ผ่านมา โดยหลังปิดปีบัญชีดังกล่าวบริษัทมีรายได้เติบโตจากปี 2553 เป็นที่น่าพอใจด้วยตัวเลข 2 หลัก โดยธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุด คือ ธุรกิจข้าวมาบุญครอง สัดส่วน 30% รองลงมาคือศูนย์การค้า 30% ธุรกิจโรงแรม 20% ธุรกิจการเงิน , สนามกอล์ฟและอื่นๆ อีกประมาณ 20% แต่ธุรกิจศูนย์การค้าสร้างผลกำไรได้มากที่สุด
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์, ธุรกิจข้าวสารตรามาบุญครอง, ธุรกิจโรงแรม และสนามกอล์ฟ กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจข้าวถุงในภาพรวมและในส่วนของข้าวถุงมาบุญครองอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง ซึ่งข้าวถุงมาบุญครองเองในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมานี้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และตลาดรวมยังมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
เนื่องจากผู้บริโภคยังชะลอการซื้อข้าวถุงเพราะยังมีข้าวถุงที่รับบริจาคในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา อีกทั้งปัญหาเรื่องการส่งออกข้าวเวลานี้ค่อนข้างมีปัญหา เพราะราคาข้าวของไทยเวลานี้สูงกว่าคู่แข่งในต่างประเทศอย่างมาก เช่น เวียดนาม อินเดีย และจีน มีการส่งออกข้าวราคาถูกเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้น จึงทำให้ข้าวไทยได้รับผลกระทบมีปริมาณการสั่งซื้อข้าวลดลง
"การปรับตัวของราคาข้าวของไทยที่สูงขึ้นยังเป็นผลมาจาก
นโยบายการรับจำนำราคาข้าวของรัฐบาลด้วย ซึ่งกระทบต่อการทำตลาดส่งออก โดยเฉพาะคู่แข่งจากประเทศเวียดนาม ที่แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลไทยเตรียมใช้นโยบายค่าเงินบาทอ่อนก็อาจสู้ไม่ได้กับเวียดนามที่มีค่าเงินดองอ่อนกว่าไทย " นายสุเวทย์กล่าว
สำหรับนโยบายของรัฐบาลที่จะปรับราคาข้าวหอมมะลิขึ้นอีก 10 บาทต่อถุง หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น หากทำได้จริงถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่งหากมองในด้านของการส่งออกข้าวก็อาจจะมีปัญหา เพราะปัจจุบันประเทศไทยเสียเปรียบคู่แข่งด้านการส่งออกข้าวอยู่แล้ว เพราะมีราคาขายที่แพงกว่า
นายสุเวทย์กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกนี้เติบโตดี ซึ่งปีนี้บริษัทได้ปรับรอบบัญชีตามปีปฏิทินปัจจุบัน คือ เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. ของทุกปี จากเดิมรอบบัญชีจะเริ่มที่เดือน ก.ค. และสิ้นสุดเดือนมิ.ย.ปี ซึ่งบริษัทต้องทำการตัดรอบบัญชีปี 2554 เพียง 6 เดือน คือ ก.ค.-ธ.ค.2554 ปีที่ผ่านมา โดยหลังปิดปีบัญชีดังกล่าวบริษัทมีรายได้เติบโตจากปี 2553 เป็นที่น่าพอใจด้วยตัวเลข 2 หลัก โดยธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุด คือ ธุรกิจข้าวมาบุญครอง สัดส่วน 30% รองลงมาคือศูนย์การค้า 30% ธุรกิจโรงแรม 20% ธุรกิจการเงิน , สนามกอล์ฟและอื่นๆ อีกประมาณ 20% แต่ธุรกิจศูนย์การค้าสร้างผลกำไรได้มากที่สุด