xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว”ยี้สูตร“มาร์ค” โผล่“ฮ่องกง”ชูปรองดองคนที่ควรได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“แม้ว”โผล่ ฮ่องกง ไม่รับ“สูตรมาร์ค” ลั่นปรองดอง ไม่ใช่คืนให้เฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องคืนความเป็นธรรม ก็ต้องคืนให้กับทุกคนที่อยู่ในข่ายที่ควรจะได้ “มาร์ค” ซัดพท.อย่าสับขาหลอกปชช. ยันหากนิรโทษฯต้องสูตร 2 ต่อ 1 มาร์ค-แม้ว-เทือก

วานนี้(8 เม.ย.55)นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวถึงความพยายามในการเดินหน้าสร้างความปรองดองในปัจจุบัน ว่า ความเหลื่ยมล้ำที่มากเกินไปในปัจจุบัน ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เป็นหัวใจของปัญหาทั้งหลาย ทั้งปัญหาสุขภาพ ปัญหาสังคม ปัญหาการเมือง ปัญหาทุจริต ซึ่งจากการรวบรวมตัวเลขเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ที่นำไปสู่การเกิดปัญหาต่างๆ ตามมานั้น พบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก ขณะที่ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุดก็คือ ประเทศญี่ปุ่น กับประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ขณะที่ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำในเรื่องดังกล่าวมากเช่นกัน เพราะเป็นประเทศที่ขาดความเป็นธรรมมานานจนประชาชนคุ้นเคยและชาชิน ทำให้ขาดจิตสำนึกของความเป็นธรรมไป คือ การเคารพศักดิ์ศรีคุณค่าของความเป็นคนที่เท่าเทียมกันไปแล้ว ทั้งนี้ เพราะสังคมไทย เป็นสังคมทางดิ่ง เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนมีอำนาจข้างบนกับคนไม่มีอำนาจข้างล่าง เพราะฉะนั้น จึงขาดศีลธรรมพื้นฐาน คือ การเคารพศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคน

ส่วนคิดว่าการปฏิรูปกับการปรองดองเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ นพ.ประเวศ กล่าวว่า ไม่ คำว่าปรองดองที่กำลังพูดๆ กันอยู่ในเวลานี้ ซึ่งเมื่อพูดๆ กัน กลับทำให้ทะเลาะกันมากขึ้น เป็นเพราะเวลาที่มีความขัดแย้งกัน มักจะไปตั้งเป้าหมายกันไว้ต่ำๆ ก่อน เช่นในกรณีที่ตนเองขอยกตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี้ มีความขัดแย้งเรื่องว่าจะสร้างหรือไม่สร้างสะพานที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน และได้มีการเชิญตนเองให้เข้าไปตัดสิน ตนเองจึงบอกไปว่าเดี๋ยวก่อน หยุดก่อน มาตั้งคำถามกันใหม่ว่า เราเป็นคนเมืองกาญจนบุรีด้วยกัน เราอยากให้ลูกหลานของเราอยู่ร่วมกันด้วยความสุขใช่หรือไม่ ซึ่งเมื่อทุกคนบอกว่าใช่ ก็แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายคิดเห็นตรงกันและมีเป้าหมายร่วมกัน จึงค่อยๆ คิดในประเด็นปลีกย่อยอื่นๆ ไอ้เรื่องจะสร้างหรือไม่สร้างนั้น เอาไว้คิดกันทีหลังก็ได้ เพราะเมื่อคิดถึงในภาพรวมได้แล้ว ประเด็นปลีกย่อยแค่นั้นก็จะสามารถตกลงกันได้ ซึ่งหลักการที่จะนำไปสู่ความปรองดองในประเทศนั้น ก็มีหลักการไม่ได้แตกต่างจากกรณีดังกล่าว เพราะที่สำคัญคืออย่าพรวดพราดเข้าไปสู่ประเด็น อาทิ จะเอาหรือไม่เอาแบบนั้น ซึ่งตนเองก็ได้พยายามพูดจนปากเปียกปากแฉะเท่าไหร่ก็ไม่มีคนเข้าใจ เพราะคนไทยชอบผลสำเร็จรูป ไม่ชอบกระบวนการ

เพราะฉะนั้นจะปรองดองได้ต้องชูประเด็นให้มันสูงเอาไว้ก่อน เช่น เราเป็นคนไทยด้วยกันเราอยากให้ลูกหลานอยู่ในดินแดนแห่งนี้ร่วมกันด้วยความสุขใช่หรือไม่ ซึ่งเมื่อทุกคนบอกว่าใช่ ก็คงจะไม่ทะเลาะกัน จากนั้นจึงค่อยคิดและถามกันว่า การที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความสุขจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น การจะต้องมีเศรษฐกิจ มีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ซึ่งควรจะต้องถือเป็นหลักสำคัญ เพราะคนยากจนไม่มีอะไรจะกิน มันไม่ได้ เราจึงต้องเอาหลักการอันนี้เป็นจุดมุ่งหมายก่อน

**แม้วเสนอคืนความเป็นธรรมทุกฝ่ายอีก

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพิ่งเดินทางกลับจากฮ่องกง และได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดถึงเรื่องการสร้างความปรองดองให้บ้านเมือง ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน การสร้างความปรองดองเป็นวิธีดีที่สุด ที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุดในการยุติปัญหาความขัดแย้ง เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม เพื่ออะไร ที่ผ่านมา เป็นฝ่ายถูกกระทำจากการยึดอำนาจ หากจะคืนความเป็นธรรมก็ต้องคืนให้กับทุกคนที่อยู่ในข่ายที่ควรจะได้ ไม่ใช่คืนให้เฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดเรื่องการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม.

**มาร์ดซัดพท.อย่าสับขาหลอกปชช.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประขาธิปัตย์ เกี่ยวกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยอ้างความปรองดองของรัฐบาลว่า พรรคคัดค้านการนิรโทษกรรมคนโกง และรัฐบาลจะอ้างสภา หรือสถาบันพระปกเกล้าไม่ได้ เนื่องจากทางสถาบันฯบอกชัดเจนว่า ขั้นตอนที่จะต้องทำต่อไปคือ การเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็น เพื่อให้ตกผลึกในการหาทางออกร่วมกัน และถ้าไม่มีเจตนาที่จะทำเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตนก็อภิปรายในสภาแล้วว่า ให้นิรโทษกรรมทุกคน ยกเว้น 3 คน แบบ 2 ต่อ 1 อย่างที่ว่า คือ ตนกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะไปต่อสู้คดีในศาล

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ศาลตัดสินแล้วก็ต้องยอมรับผิดไป เท่ากับคนอื่นได้หมด และบ้านเมืองสงบก็ดี แต่ถ้าเสนออย่างนี้แล้วรัฐบาลก็ยังไม่เอาอีก บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องได้ ก็ไม่ใช่เรื่องปรองดอง แต่เป็นการแก้ปัญหาส่วนตัว เพื่อให้หลุดจากคดีทุจริต ซึ่งตนขอเตือน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ว่า อย่าสร้างความสับสน หลอกประชาชน ต้องไปดูว่าสถาบันพระปกเกล้า ยืนยันอย่างไร แม้กระทั่งรายงานของกรรมาธิการฯต้องมีการปรับแก้อย่างไร

เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาตามใจชอบ หยิบกฎหมายในกระเป๋าขึ้นมาก็ต้องบอกตรงๆว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายยงยุทธ ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากในตอนที่มีการหาเสียง นายยงยุทธ พูดกับประชาชนทั้งประเทศผ่านโทรทัศน์ถ่ายทอดสดว่า ไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม และการเอาเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทไปคืนให้พ.ต.ท.ทักษิณ

**พระปกเกล้าไม่ถอนกระทบเชื่อมั่น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ทางสถาบันพระปกเกล้า ก็ต้องยืนยันจุดยืนของตัวเอง เพราะมีการออกแถลงการณ์ไปแล้ว ต้องเดินหน้าตามแถลงการณ์นั้น เพราะสภาสถาบันฯ ได้ฟังแถลงการณ์คำต่อคำ ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ หากไม่ดำเนินการอะไรเลย ก็จะกระทบต่อความเชื่อถืออย่างรุนแรงต่อตัวสถาบันฯ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การถอนงานวิจัยหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ทางสถาบันฯ ต้องการจะบอกว่า ถ้าไม่เอาข้อเสนอที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิไปทำกระบวนการรับฟังความเห็นทั่วประเทศ ใช้เวลาอย่างน้อยถึงสิ้นปี ก็ไม่ใช่แนวทางปรองดอง แต่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งสถาบันฯไม่ได้เสนอเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่เสนอเพื่อให้เกิคดวามปรองดอง และตนไม่คิดว่าจะมีการจัดทำกระบวนการรับฟังความเห็นบังหน้า แล้วเดินหน้าตามเป้าหมายของตัวเอง เพราะทุกฝ่ายจับตาดูอยู่ ถ้ารัฐบาลทำก็ชัดเจนว่า ทำตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่การปรองดอง แต่ถ้าอยากปรองดองจริง ต้องไปฟังคนเสื้อแดง ครอบครัวเจ้าหน้าที่ที่สูญเสีย ฟังประชาชนทั่วไป ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย

ส่วนที่มีข่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะทอดเวลาออกไปก่อนที่จะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในเดือนกันยายนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหรือไม่ แต่คงไม่ใช่เรื่องการทอดเวลา เพราะเป็นเรื่องของการทำกระบวนการจนสังคมตกผลึก แต่ถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านี้ อย่าว่าแต่เป็นเดือนกันยายนเลย จะเป็นปีหน้าหรือปีไหน ก็ไม่ควรที่จะทำ และกระบวนการรับฟังความเห็น ต้องมีความถูกต้อง ชอบธรรม มีข้อเสนอที่สังคมยอมรับได้ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น นี่จึงเรียกว่า ปรองดอง

**แขวะปูทำมึนไม่รู้พท.เตรียม นิรโทษ

นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกอนาถใจและแปลกใจที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แต่ตีกรรเชียงทำมึนไปวันๆ ทั้งที่ประชาชนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพรรคเพื่อไทย ในการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้กลับบ้านมาอย่างเท่ๆ พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยแสดงความเห็นตลอดมาว่า ถ้ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องการเห็นการปรองดองแท้จริงอย่างเป็นรูปธรรม และไม่นำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ ต้องมีความจริงใจและเปิดเผยถึงรายละเอียดและแนวทางการที่จะเดินหน้าไปสู่การปรองดอง ไม่ใช่ไปมุบมิบหลบๆ ซ่อนๆ สร้างความหวาดระแวงให้กับสังคมว่าจะช่วยเหลือคนๆ เดียวหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะหรือไม่

"ถ้าคนขนาดเป็นนายกฯ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบและไม่มีความเห็นในเรื่องสำคัญต่ออนาคตของประเทศชาติ อย่างนี้ก็เลิกหวังเห็นการปรองดองได้เลย เพราะดูเหมือนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะถนัดไปทางเปิดงานตัดริบบิ้นและทำขนมเบื้องมากกว่า ตั้งแต่เป็นนายกฯมายังไม่เห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงภาวะผู้นำใดๆ ให้คนไทยได้เห็นเลยว่าจะนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข ยิ่งอ้างว่าเอาเวลาไปแก้ของแพงและปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องเร่งด่วน ถ้าทำได้จริงๆ ก็จะขออนุโมทนาเพราะในขณะที่ลูกพรรคของท่านเร่งช่วยเหลือนายใหญ่อย่างเร่งด่วนทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการแต่พี่น้องประชาชนชาวไทยกำลังจะตายเพราะของแพงทั้งแผ่นดิน" นายสกลธีกล่าว

**ภท.บอกพ.ร.บ.นิรโทษไม่ใช่เวลา

นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.เพื่อไทยจะล่ารายชื่อเพื่อเสนอออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า หากพรรคเพื่อจะออกพ.ร.บ.เพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ตนเห็นว่าไม่ควรนำเสนอเพราะรู้อยู่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง อยากให้ทอดเวลาออกไป ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไม่จบ ก็ไม่รู้ว่าจะเร่งร้อนอะไรหนักหนา เพื่อไทยควรจะยึดบ้านเมืองเป็นหลักก่อน ทำไมต้องรีบเร่งเพื่อคนๆเดียว ทั้งที่วันนี้เราประสบปัญหาทั้งเรื่องภาคใต้ ข้าวยากหมากแพง อยากให้แก้ตรงนี้ก่อน

"นายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ) ก็ให้สัมภาษณ์เองทุกวันว่าไม่รีบร้อนอะไร แล้วทำไมพวกบริวารต้องรีบร้อนด้วย รอให้สมเหตุสมผลกว่านี้ดีกว่า ส่วนพรรคภท.จะสนับสนุนหรือไม่นั้นต้องหารือกันภายในพรรคก่อน และยังไม่เห็นตัวร่างฯ แต่่ส่วนตัวเห็นว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะเร่งออกตอนนี้"

ด้านนายเรืองศักดิ์ งามสมภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่รัฐบาลพิจารณาหลังจากที่รับเรื่องจากสภาไปแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร จะออกเป็นพ.ร.บ.นิรโทษหรือไม่อยู่ที่ครม.แต่เห็นว่าควรจะออกมาแบบกลางๆ ส่วนใครจะได้อานิสงส์ก็ว่ากันไป

**เพื่อไทยสานต่อปรองดองเพื่อนาย

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะมีการพิจารณากรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ ได้ส่งรายงานการสร้างความปรองดองมาให้รัฐบาลพิจารณา เชื่อว่า ส.ส.ในพรรคจะมีการสอบถาม นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างหลากหลายต่อกรณีการดำเนินการกับรายงานดังกล่าวทั้งในเรื่องข้อเสนอการ จัดเวทีสานเสวนาเพื่อสร้างความปรองดอง การออกกฎหมายสร้างความปรองดอง ซึ่งในส่วนตัวเห็นด้วยกับ นายยงยุทธ ที่เสนอว่าไม่ควรจัดเวทีสานเสวนาอีกแล้ว และจากการสอบถามความเห็น ส.ส.ในพรรคส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันว่าไม่ควรเสียเวลาเปิดเวทีสานเสวนาอีก

เนื่องจากรายงานการปรองดองดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งถือว่าน่าจะเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนตามที่ฝ่ายค้านต้องการยื้อเวลา อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคว่าจะมีความเห็นอย่างไร

สำหรับขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการคือ การเสนอกฎหมายเพื่อสร้างความปรองดอง เช่น กฎหมายการนิรโทษกรรม หรืออาจใช้ชื่ออื่นก็ได้ หลักการคือ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันหมด ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครคนใด โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คาดว่า จะเสนอต่อสภาฯได้ในการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย.โดยระหว่าง 2-3 เดือนนี้จะให้ ส.ส.ลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ถึงความจำเป็นในการออกกฎหมายปรองดอง มั่นใจว่า ชาวบ้านเข้าใจถึงสถานการณ์ความจำเป็น
หากต้องล่าชื่อ ส.ส.เสนอกฎหมาย ตนพร้อมลงชื่อเป็นคนแรก ทั้งนี้ไม่ใช่การใช้เสียงข้างมากลากไป แต่เราต้องเคารพเสียงข้างมากในการตัดสิน เรามีความชอบธรรมในการดำเนินการเพราะเรื่องได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภามาแล้ว รัฐบาลต้องกล้าหาญเสนอกฎหมาย ต้องกล้านำไปปฏิบัติ ไม่ใช่เก็บไว้เฉยๆ เพราะประชาชนอยากให้เกิดความปรองดอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ทำพิมพ์เขียวร่าง พ.ร.บ.ปรองดองในเบื้องต้น เสร็จแล้ว มีทั้งหมด 7 มาตรา รวมถึงการปลดล็อคบ้านเลขที่ 109 นายพร้อมพงศ์ ตอบว่า ไม่จริง ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการร่างกฎหมายเลย ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่มีการตั้งธงไว้ก่อน เป็นการปล่อยข่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น