วานนี้ ( 8 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรรค ร่วมกันปล่อยขบวนรถของถูกสู้แพงทั้งแผ่นดิน ซึ่งทางพรรคจัดโครงการให้ประชาชนซื้อของถูกในสินค้า 6 รายการ ประกอบด้วย ข้าวถุง ราคาถุงละ 99 บาท ไข่ไก่ ขนาดใหญ่ฟองละ 2 บาท น้ำมันปาล์ม 1 ลิตร ราคา 40 บาท บะหมี่สำเร็จรูปแพ็กละ4.50 บาท น้ำตาลทราย ก.ก.ละ 20 บาท และน้ำปลาขวดละ 15 บาท ซึ่งคาราวานสินค้าราคาถูกของพรรคประชาธิปัตย์ จะตระเวนไปตามเขตต่างๆ ทั่วทุกเขตในกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มมีการกระจายสินค้าไปสู่ประชาชน ในราคาต้นทุนในบางพื้นที่ไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา และในการประชุมส.ส.พรรคสัปดาห์หน้า จะมีการแจ้งส.ส.ทั้งหมด เพื่อขยายโครงการไปยังต่างจังหวัดด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงการ "ของถูกสู้แพงทั้งแผ่นดิน" เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และต้องการกระตุ้นให้รัฐบาลได้ตระหนักว่า การแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณถึง 1,600 ล้านบาท ตามโครงการโชว์ห่วยช่วยชาติ หรือ ร้านถูกใจ รวมทั้งโครงการธงฟ้าด้วย เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยังเป็นการนำเอาเงินภาษีประชาชนไปทำให้ราคาสินค้าบางส่วนลดลง และมีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้
พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องการแสดงให้เห็นว่า ถ้าเอาใจใส่ปัญหาอย่างจริงจัง ก็ สามารถที่จะซื้อสินค้าได้ในราคาต้นทุนที่สามารถนำมาขายให้กับประชาชนในราคาที่ยุติธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันปาล์ม น้ำปลา น้ำตาล ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น โดยพรรคซื้อมาในราคาต้นทุน และจำหน่ายกับประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และกระตุ้นให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหา โดยไม่จำเป็นต้องใช้ภาษีอากรของประชาชน
ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลต้องกลับไปทบทวนโครงสร้างต้นทุนการผลิตทั้งหมด จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าโครงการของถูกสู้แพงทั้งแผ่นดิน ของพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะไม่สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง แต่เชื่อว่าจะบรรเทาความเดือดร้อนให้กัประชาชนได้ โดยพื้นที่ที่จะมีการจำหน่ายสินค้า จะมุ่งไปที่ประชาชนที่มีความยากจน เพื่อนำของถูกไปให้ประชาชน
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นความตั้งใจของ ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้หาวิธีช่วยลดค่าครองชีพในเรื่องของแพงทั้งแผ่นดินให้กับประชาชน แม้ว่าสินค้าที่มีอาจจะไม่เพียงพอต่อประชาชนทุกคน แต่สะท้อนให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องประชาชน อยากสะท้อนให้รัฐบาลเห็นว่า แนวทางการบริหารที่ไม่ต้องใช้งบประมาณหลักพันล้าน เพื่อนำสินค้าราคาถูกมาขายให้กับประชาชน ซึ่ง ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. สก.และ สข.ของพรรค จะนำสินค้าไปจำหน่าย ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานจากการเริ่มจำหน่ายสินค้าราคาถูก เมื่อวานนี้ ก็พบว่าสินค้าหมดในเวลาอันรวดเร็ว แสดงว่าประชาชนมีความเดือดร้อน มีความต้องการที่จะเข้าถึงสินค้าจำเป็นในราคาเป็นธรรม แต่ก็ต้องขออภัยล่วงหน้า สำหรับประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงโครงการนี้ แต่ตนหวังว่าการเคลื่อนไหวของพรรค จะช่วยขับเคลื่อนให้รัฐบาลตื่นเสียทีว่าพี่น้องประชาชนเดือดร้อนเรื่องนี้ และเพื่อให้รัฐบาลออกมานำเสนอวิธีการที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างเป็นระบบ
ส่วนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สำรวจตลาดนางเลิ้งนั้น ถ้ารัฐบาลยอมรับแล้วว่า ปัญหาสินค้าราคาแพงเป็นปัญหาใหญ่ มีการตรวจสอบเอาใจใส่ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ การดูต้นทุน เพราะเป็นนจุดสำคัญที่สุดในเรื่องปัญหาของแพง โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อค่าขนส่ง และกำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ที่จะลุกลามออกไป
ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีตรวจตลาด ก็หวังว่าจะไปดูของจริง แต่ถ้าไม่มีการทบทวนนโยบายด้านพลังงาน และโครงสร้างต้นทุน ก็คงแก้ปัญหาไม่ได้ จึงยืนยันว่า นโยบายพลังงานที่ผิดพลาด และการเอาใจใส่ในการแก้ปัญหาโครงสร้างต้นทุนมีความจำเป็นมากกว่าการทำโครงการเฉพาะหน้า เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมักใช้วิธีทำโครงการที่ใช้งบประมาณสูง แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากเดือนเม.ย. ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท มีผลบังคับใช้ใน 7 จังหวัด และการปรับค่าแรง 40 % มีผลทั่วประเทศ บวกกับราคาพลังงานที่สูงขึ้น จะมีผลกระทบมากขึ้นตามมา จากต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งปัญหาของแพง อัตราเงินเฟ้อก็จะสูงขึ้นอีก โดยเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยับขึ้นอีกจากเดือนที่แล้วที่อยู่ในอัตรา 3.45 % และจะมีการส่งต่อต้นทุนจากค่าแรงมายังผู้บริโภค รวมถึงนโยบายพลังงานที่มีค่าสูงอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เงินเฟ้อรุนแรงขึ้นตามมา ซึ่งจะกดดันต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะต้องเข้มงวดกวดขันนโยบายด้านการเงินเพิ่มขึ้น และธนาคารแห่งประเทศไทยก็คงหลีกเลี่ยงที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น และก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุนี้ จะทำให้รัฐบาลมีปัญหากับธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แม้ว่าเศรษฐกิจโดยธรรมชาติ จะต้องดีดตัวขึ้นจากภาวะน้ำท่วม แต่เมื่อพบกับปัญหาต้นทุน ปัญหาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักลงทุนขาดความมั่นใจก็น่าเป็นห่วง และเชื่อว่า จะกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปีนี้ด้วย แต่คงยังประเมินยากว่าจะกระทบมากน้อยแค่ไหน อย่างไร
ลอยที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้กรมอนามัยดำเนินการตรวจสอบและพัฒนาให้ได้คุณภาพมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง