ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ตามความเข้าใจของปุถุชนอย่างผม การบวชเป็นพระในพุทธศาสนาคือการแสดงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม เพื่อกล่อมเกลาและอบรมจิตให้หลุดพ้นจากบ่วงกิเลส รู้แจ้งถึงธรรมชาติของสรรพสิ่งทั้งกาย เวทนา จิต และธรรม จนสามารถปล่อยวางตัวตนและจิตวิญญาณ ไม่ยึดติดกับเครื่องห่อหุ้มที่เป็นวัตถุ ไม่ยึดติดกับสังขารกายเนื้อ ไม่ยึดติดกับภาวะสุขสบายแห่งเวทนา ไม่ยึดติดอารมณ์ความคิด และไม่ยึดติดกับจิตวิญญาณ
แม้ผมทราบดีว่ามีพระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมเพียงจำนวนไม่มากที่บรรลุธรรมในระดับที่รู้แจ้งและปล่อยวางในสรรพสิ่งได้ แต่ผู้ใดก็ตามที่แสดงเจตจำนงค์เดินเข้าสู่วิถีแห่งความเป็นนักบวช ย่อมจำเป็นต้องแสดงรูปสัญญะทั้งกาย วาจา ใจ และวิถีปฏิบัติต่างๆ ที่มีความหมายบ่งบอกว่าอยู่ภายในมรรคาที่จะนำไปสู่เส้นทางแห่งการรู้แจ้งเช่นนั้น หาใช่ปฏิบัติในทางตรงกันข้าม อันจักนำไปสู่การเพิ่มพูนกิเลส และความงมงาย
เท่าที่ศึกษาประวัติของพระอริยะทั้งหลาย ผมพบแบบแผนการปฏิบัติร่วมของพระคุณเจ้าเหล่านั้นอันเป็นบรรทัดฐานที่บรรดาพระสงฆ์ในควรยึดถือเป็นแบบอย่าง นั่นคือความสมถะเรียบง่ายแห่งการครองตน การปฏิบัติตามธุดงควัตร 13 ประการอย่างเคร่งครัด อันได้แก่ การนุ่งห่มผ้าบังสุกุล การนุ่งห่มผ้าสามผืน การบิณฑบาต การบิณฑบาตไปโดยลำดับแถว การฉันจังหันมื้อเดียว การฉันในภาชนะเดียวคือฉันในบาตร การห้ามฉันภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลัง การอยู่ป่า การอยู่โคนต้นไม้ การอยู่อัพโภกาลิกังคะหรือการอยู่ที่แจ้ง การอยู่ป่าช้า การอยู่ในเสนาสนะตามีตามได้ และการนั่งเป็นวัตร
ธุดงควัตรนี้เป็นวัตรอันงดงามแสดงถึงความสมถะ ความมุ่งมั่นและความเพียรของผู้ปฏิบัติ อันเป็นการไม่เบียดเบียนสรรพชีวิตทั้งหลาย ไม่ยึดติดกับวัตถุ ไม่ยึดติดกับรูป รส กลิ่น เสียง ลดการอุปโภคและบริโภค เป็นการดำรงตนอยู่ในความสงบเงียบของป่าเขาและที่เปลี่ยวร้าง อันเหมาะแก่การฝึกจิต เจริญสมาธิ บำเพ็ญภาวนา อันนำมาซึ่งปัญญาแห่งการรู้แจ้ง ยิ่งปฏิบัติตามธุดงควัตรมากข้อเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ประตูแห่งการรู้แจ้งในธรรมเปิดออกมามากขึ้นเท่านั้น
แล้วธุดงค์ธรรมชัยอันเป็นโครงการที่ริเริ่มและดำเนินโดยวัดธรรมกายเป็นมรรคาเช่นใด ชื่อโครงการบอกว่าเป็นธุดงค์ แต่วิถีปฏิบัติกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับธุดงควัตร สิ่งที่ปรากฏในโครงการนี้คือ พระเดินเข้าเมือง เดินตามถนน อยู่ในเมืองหลวง เดินบนเสื่อสีแดงโรยดอกกุหลาบแดงเอาไว้ตลอดทาง จึงถือว่าเป็น “การธุดงค์บนกลีบกุหลาบ” ดูไปช่างอลังกาใหญ่โตมโหราฬ สมฐานะวัดธรรมกายซึ่งเป็นวัดที่อาจร่ำรวยที่สุดในโลกก็ว่าได้
ธุดงค์บนกลีบกุหลาบเป็นธุดงค์ที่ไม่มีทั้งความสมถะเรียบง่าย แต่เป็นความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่มีการระมัดระวังว่าการปฏิบัติจะสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนหรือไม่ จึงเป็นการปฏิบัติที่ทำให้ผู้คนเดือดร้อนไปทั้งเมือง ผู้คนในกรุงเทพซึ่งแต่ละวันก็เดือดร้อนจากรถติดเป็นประจำอยู่แล้ว ในวันที่โครงการธุดงค์บนกลีบกุหลาบเริ่มดำเนินการ ปรากฏว่ามีพระนับพันรูปเดินบนถนนผ่านใจกลางเมืองเป็นระยะทางนับสิบกิโลเมตร ทำให้ต้องปิดถนนหลายสายสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนไปทุกหัวระแหง
พระสงฆ์ที่แท้จริงในพระพุทธศาสนาย่อมไม่สร้างความเดือดร้อนแก่สรรพชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ มีแต่ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระหรือมารที่แอบแฝงเข้ามาเป็นพระเท่านั้นที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คน บาปได้เกิดขึ้นแล้ว
อันที่จริงผมไม่แปลกประหลาดใจมากนักกับวิถีการปฏิบัติเช่นนี้ของสำนักธรรมกาย เพราะโดยพื้นฐานของวิธีคิดและวิถีปฏิบัติที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ทางวัตถุ มีการสะสม สร้างวัตถุ หมกหมุ่นกับพิธีกรรมสร้างภาพแสดงออกที่ดูเกินเลยจากวิถีแห่งพุทธะ ดังนั้นหากธรรมกายจะทำกิจกรรมอะไร ก็ย่อมสืบเนื่องมาจากฐานเดิมหรือกรรมเดิมซึ่งก็คือ การเน้นความยิ่งใหญ่ อลังกาในการจัดฉากสร้างละครให้ผู้คนชม
สิ่งที่น่าขบขันแต่อาจหัวเราะไม่ออกมีอีกประการคือ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการธุดงค์ธรรมชัย แจ้งว่า โครงการฯได้กำหนดให้พระในโครงการถือธุดงค์ 2 ข้อ คือ ฉันมื้อเดียว และ อยู่ในที่พักที่เขาจัดให้โดยไม่เลือก หากถือ 2 ข้อ นี้แล้วเรียกว่าเป็นพระธุดงค์ คงต้องเรียกพระมากกว่าครึ่งประเทศไทยว่าเป็นพระธุดงค์กันทั้งนั้น และ หากดูธุดงควัตรทั้ง 13 ข้อ ที่มีไว้เพื่อให้พระได้สำรวมกายและจิต เพื่อเจริญสมาธิให้เข้มแข็ง การยึดถือวัตรเพียงสองข้อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโครงการฯกล่าวมาย่อมมิอาจทำให้บรรลุเป้าประสงค์ของธุดงควัตรได้ และคงมิอาจเรียกสิ่งที่ทำนี้ได้ว่าเป็นการธุดงค์แบบดั้งเดิม เป็นได้แต่เพียงธุดงค์บนกลีบกุหลาบเท่านั้นเอง
การอ้างว่าเดินตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาลที่ชาวเมืองเวสาลีเกิดภัยพิบัติ ชาวเมืองจึงอาราธนาพระพุทธเจ้าและพระสาวก 500 รูป เสด็จมาในเมือง โดยการรับและส่ง ชาวเมืองได้โปรยดอกไม้หลากสี วัดธรรมกายก็เลยเลียนแบบชาวเมืองเวสาลีบ้าง แต่คงมิได้เป็นไปโดยจิตบริสุทธิ์แห่งกุศลเช่นเดียวกับชาวเวสาลี เพราะดูประดักประเดิดไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามสิ่งที่ทำดูเหมือนเป็นการประดิษประดอย มีการจัดฉากสร้างภาพจนเกินงาม จึงเป็นการเลียนแบบที่ประหลาดพอๆกับการบอกว่าบริจาคเงินแล้วสามารถเฝ้าพระพุทธเจ้าได้นั่นแหละ
ภาพที่พระเดินบนเสื่อสีแดงและเหยียบย่ำดอกกุหลาบสีแดง มิได้เป็นภาพที่ก่อให้เกิดความศรัทธาแต่อย่างใด กลับทำให้ชาวพุทธจำนวนมากรวมทั้งผมด้วยเกิดอาการหดหู่ สังเวช และเศร้าหมอง และยิ่งเมื่อทราบว่ามีหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งเห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นการเชื่อมโยงของวิธีคิดของวัดธรรมกายกับรัฐบาลชุดนี้ว่าเป็นวิธีคิดเดียวกัน นั่นคือการเน้นสร้างภาพ เน้นความสวยงามของกระพี้ที่ห่อหุ้มความเน่าเหม็นของกิเลส และความกลวงที่ไร้แก่นสารสาระใดๆ
กรณีธรรมกาย มีแต่คำพูดที่กลวงเปล่าและหวานจนเลื่ยนของเจ้าสำนัก อันชักนำให้เกิดความลุ่มหลง มัวเมาและยึดติดกับกิเลส อีกทั้งวิถีแห่งการประดิษฐ์ประดอยในการแต่งกายซึ่งมีการใช้วัสดุราคาแพงเป็นเครื่องนุ่งห่มของบรรดาพระชนชั้นนำของสำนักนี้ก็เกินกว่าฐานานุรูปแห่งการเป็นสมณะที่ยึดถือความสมถะเป็นที่ตั้ง ดังนั้นทั้งคำสอนและวิถีการปฏิบัติหลายประการของสำนักนี้จึงดูช่างห่างไกลจากสภาวะของการเข้าถึงแก่นธรรมที่จักนำไปสู่ความพิสุทธิ์แห่งจิตได้
กรณีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีแต่คำพูดหลอกลวงให้ผู้คนจมอยู่ในความฝันลมๆแล้งๆ แก้ปัญหาใดก็ไม่ได้ คำมั่นสัญญาอันใหญ่โตว่าจะกระชากค่าครองชีพลง ท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยสิ่งที่ตรงกันข้าม ทั้งราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ราคาน้ำมัน กลับแพงขึ้นตามวันเวลาที่บริหารประเทศ ยิ่งรัฐบาลนี้อยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ค่าครองชีพของประชาชนในสังคมไทยสูงขึ้นมากเท่านั้น
บอกว่าจะสร้างความปรองดองแก่คนในประเทศ แต่กำลังจะลงเอยด้วยความขัดแย้งอันรุนแรงและอาจนำไปสู่การนองเลือดครั้งใหม่ บอกว่าจะนำความสงบสันติมาสู่ภาคใต้ ก็กลับมีการลอบวางระเบิดครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ยิ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่นานเท่าไรก็ยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางสังคมมีมากขึ้น และการสูญเสียชีวิตของผู้คนก็มากขึ้น อาจมองย้อนหลังอย่างคร่าวๆ กว่าพันชีวิตสูญเสียไปกับวิกฤติน้ำท่วมเพราะความไร้น้ำยาในการจัดการน้ำของรัฐบาล อีกหลายสิบคนเสียชีวิตจากระเบิด และจากไฟไหม้ นี่ยังไม่นับคนว่างงานที่อาจฆ่าตัวตายหลังจากตกงานอันเนื่องมาจากการขึ้นค่าแรง เป็น 300 บาท
เห็นแต่นายกรัฐมนตรีหญิงที่ดูเหมือนจะสวยขึ้นทุกวัน ทั้งเครื่องแต่งตัว เครื่องประดับประดา เอาความสวยงามของเปลือกนอกมาห่อหุ้มความไร้แก่นสารสาระและความล้มเหลวในการบริหารประเทศ รัฐบาลนี้จึงทำได้แค่ รัฐบาลบริหารจัดการความงาม (pretty management) ดุจเดียวกับสำนักธรรมกายที่เอาความใหญ่โตมโหฬารของวัตถุและพิธีกรรมมาบดบังความตื้นเขินของคำสอน
ธุดงค์บนกลีบกุหลาบคงไม่ทำให้พระผู้เดินเหยียบย่ำมันบรรลุธรรมได้ ฉันใด การบริหารจัดการความงามก็คงไม่สามารถทำให้คุณยิ่งลักษณ์แก้ปัญหาของประเทศได้ฉันนั้น
การบรรลุธรรมจักเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการปฏิบัติตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้อย่างเคร่งครัดและด้วยความเพียร ดังเช่นพระอริยะเจ้าหลายรูปได้ปฏิบัติให้เป็นดูเป็นตัวอย่างไว้แล้ว การยึดติดกับพิธีกรรมใหญ่โตเพื่ออวดโอ้สังคม หาใช่มรรคาแห่งธรรมที่นำไปสู่การหลุดพ้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเป็นวิถีแห่งมารที่เผาผลาญจิตให้รุ่มร้อนไปด้วยกิเลส แห่งความอยากมี อยากได้ และอยากเป็นเจ้าของ
ความวิปริตของสังคมไทยในปัจจุบันก็คือ วิถีแห่งมารมีอำนาจในการครอบงำและบดบังวิถีแห่งธรรมทั้งในการบริหารบ้านเมือง และศาสนา อันนำไปสู่การเกิดความวิบัติต่างๆ ขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงมากขึ้น
ความวิบัติต่างๆ จะลดลงได้ก็ต่อเมื่อ ผู้คนมีความกล้าหาญทางจิตใจอย่างเพียงพอในการสลัดมายาภาพและความลุ่มหลงเปลือกอันสวยงามอันเป็นวิถีแห่งมาร แล้วอันมายอมรับความจริง จากนั้นลงมือเปลี่ยนแปลงตนเองและร่วมกับผู้อื่นในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้นำวิถีแห่งธรรมมาเป็นมรรคาของการบริหารบ้านเมืองและศาสนา ซึ่งเป็นหนทางในการนำพาความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ทุกผู้คน