นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับกรรมาธิการทางการค้าของสหภาพยุโรป (อียู) ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการรื้อฟื้นเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างอียูกับอาเซียนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้หยุดพักการเจรจาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งอียูยืนยันกับอาเซียนว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการทำ FTA กับอาเซียน แต่เห็นว่าควรดำเนินการเจรจาทำความตกลง FTA ในระดับทวิภาคีเป็นรายประเทศไปก่อน เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการทำความตกลงในระดับภูมิภาคกับอาเซียนต่อไป ซึ่งในส่วนของไทย ได้มีการหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในเจรจา FTA ไทย-อียูให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในยุโรป และพัฒนาการทางเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีอิทธิพลต่อการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งฝ่ายอียูยินดีกับความคืบหน้าของอาเซียนในการรวมตัวทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้เป็นกลไกสำคัญต่อเศรษฐกิจภูมิภาคเอชียตะวันออกต่อไป แม้ว่าอียูจะประสบปัญหาหนี้สาธารณะในช่วงที่ผ่านมา แต่การค้าระหว่างอาเซียนและอียูยังขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี และอียูยังคงเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของอาเซียนอันดับที่ 2 และเป็นผู้ลงทุนอันดับหนึ่งของอาเซียน
นอกจากนี้ อียูยังได้แจ้งว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้เสนอให้ประเทศสมาชิกพิจารณายกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทย โดยได้ประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทย และจะให้นำเข้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน อียูและอาเซียนยังเห็นพ้องที่จะให้ความสำคัญของระบบการค้าระหว่างประเทศภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) และสนับสนุนแนวทางที่จะทำให้การเจรจารอบโดฮาประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่ประเทศสมาชิกมีความพร้อม และจะสนับสนุนให้ประเทศลาวเข้าเป็นสมาชิก WTO ด้วย
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ ได้มีการจัดการประชุมร่วมกันระหว่างภาคเอกชนอาเซียนและสหภาพยุโรปครั้งที่ 2 คู่ขนานกันด้วย ซึ่งมีภาคเอกชนอาเซียนรวมทั้งภาคเอกชนไทยและอียู เจรจาหารือระหว่างกัน เพื่อวางรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนและอียู
ทั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในยุโรป และพัฒนาการทางเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีอิทธิพลต่อการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งฝ่ายอียูยินดีกับความคืบหน้าของอาเซียนในการรวมตัวทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้เป็นกลไกสำคัญต่อเศรษฐกิจภูมิภาคเอชียตะวันออกต่อไป แม้ว่าอียูจะประสบปัญหาหนี้สาธารณะในช่วงที่ผ่านมา แต่การค้าระหว่างอาเซียนและอียูยังขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี และอียูยังคงเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของอาเซียนอันดับที่ 2 และเป็นผู้ลงทุนอันดับหนึ่งของอาเซียน
นอกจากนี้ อียูยังได้แจ้งว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้เสนอให้ประเทศสมาชิกพิจารณายกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทย โดยได้ประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทย และจะให้นำเข้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน อียูและอาเซียนยังเห็นพ้องที่จะให้ความสำคัญของระบบการค้าระหว่างประเทศภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) และสนับสนุนแนวทางที่จะทำให้การเจรจารอบโดฮาประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่ประเทศสมาชิกมีความพร้อม และจะสนับสนุนให้ประเทศลาวเข้าเป็นสมาชิก WTO ด้วย
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ ได้มีการจัดการประชุมร่วมกันระหว่างภาคเอกชนอาเซียนและสหภาพยุโรปครั้งที่ 2 คู่ขนานกันด้วย ซึ่งมีภาคเอกชนอาเซียนรวมทั้งภาคเอกชนไทยและอียู เจรจาหารือระหว่างกัน เพื่อวางรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนและอียู
