xs
xsm
sm
md
lg

เร่งล่ามือคาร์บอมบ์ พบรถต้องสงสัย4คันเข้าหาดใหญ่ เชื่อมโยงยะลา-คาดฝีมือโต๊ะเจ๊ะมะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน- จนท.เข้าเคลียร์ซากคาร์บอมบ์ รร.ลีการ์เดนส์พลาซ่า พบยังมีควันปะทุอยู่ "ผบ.ตร" ระบุคาร์บอมบ์หาดใหญ่-ยะลากลุ่มคนร้ายมีการเชื่อมโยงกัน สั่ง จนท.เร่งหาหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด แกะรอยไล่ล่าคนร้าย เตรียมทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาทตั้งด่านตรวจถาวรที่จะนะ ระทึกศูนย์วิทยุ สภ.หาดใหญ่ ลั่งล่ารถต้องสงสัยคาร์บอมบ์ 4 คันหลังพบเข้ามาในพื้นที่ หน่วยข่าวฟันธงฝีมือ "สาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ"

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ภายในโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 08.00 น.ของวานนี้ (1 เม.ย.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ลานจอดรถชั้นใต้ดินโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจสอบเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ จ.ยะลา

โดย ผบ.ตร.ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งหาหลักฐานในที่เกิดเหตุให้มากที่สุด โดยเฉพาะประเด็นรถยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นคาร์บอมบ์ ผบ.ตร.ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการเพื่อให้ทราบว่าเป็นรถประเภทอะไร เพราะจนถึงขณะนี้ยังระบุได้แค่เป็นรถยนต์เก๋ง ฮอนด้าเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นยังไม่สามารถตรวจสอบได้

"ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ในการรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ขณะนี้กำลังเร่งกันอยู่หลังที่เคลียร์พื้นที่ได้เมื่อเย็นวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ทุกฝ่ายกำลังเร่งมือกันตอนนี้ ดูอะไรให้มันแน่นอนก่อน แต่ว่าเป็นเหตุคาร์บอมแน่นอน"

สำหรับมาตรการป้องกันนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรึกษากันอยู่ว่าจะมีมาตรการอะไร แต่มีแน่นอน โดยเฉพาะโครงการจัดตั้งด่านตรวจถาวร บริเวณบ้านควนมีด อ.จะนะ จ.สงขลา มูลค่าประมาณ 40 กว่าล้านบาท โดยด่านถาวรดังกล่าวจะทำหน้าที่ 2 อย่างคือ 1.สกัดยาเสพติดที่จะไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.สกัดการเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และอ.เมืองสงขลา ของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ เนื่องจาก อ.จะนะ เป็น อำเภอเชื่อมระหว่าง อ.หาดใหญ่ และอ.เมืองสงขลา กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

**เข้าเคลียร์พื้นที่ชั้นใต้ดินได้บางส่วน

ทางด้านความคืบหน้าการเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินของโรงแรมลีการ์เด้น พลาซ่า ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดระเบิดคาร์บอมบ์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ "อีโอดี" สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้เพียง 3 ชั้น คือชั้นบี 1บี 2 และบี 3 เท่านั้นยังเหลือชั้นบี 4 และบี 5 ซึ่งอยู่ใต้สุดยังไม่สามารถลงไปเคลียร์พื้นที่ได้ เนื่องจากบริเวณชั้นใต้ดินยังมีกลุ่มควันพิษและไอความร้อนรวมทั้งสภาพอากาศที่มืดและมีซากรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม จากการเข้าเคลียร์พื้นที่จุดที่คาร์บอมบ์บริเวณชั้นบี 3 เจ้าหน้าที่สามารถเก็บวัตถุพยานซึ่งเป็นชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดได้บางส่วนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไฟและเครื่องไล่ควันเพื่อเตรียมลงไปเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นบี 4 และบี 5 อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าการเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินจะแล้วเสร็จภายในวันนี้หรือไม่

แต่มีการยืนยันว่าบริเวณชั้นใต้ดินไม่มีคาร์บอมบ์ลูกที่ 2 ตามที่ได้มีการตั้งข้อสงสัยแต่อย่างใด และในช่วงบ่าย พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการเคลียร์พื้นที่พร้อมกับลงไปดูร่องรอยความเสียหายภายในบริเวณชั้นล่างซึ่งเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้าด้วย

ทางด้านประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของรถทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในชั้นใต้ดินของโรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า ยังคงทยอยนำเอกสารครอบครองรถมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งขณะนี้มีกว่า 200 คันแล้ว

**เร่งตรวจกล้องวงจรปิดไล่ล่าคนร้าย

ขณะที่การหาเบาะแสคนร้ายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ก่อนที่คนร้ายจะขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ ที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดคาร์บอมบ์ เข้าไปจอดภายในโรงแรม ในช่วงเวลา 09.00-12.00 น. ซึ่งคาดว่ากล้องวงจรปิดน่าจะจับภาพความเคลื่อนไหวไว้ได้ ตามเส้นทางรอบบริเวณโดยรอบของโรงแรมลีการ์เด้นส์ พลาซ่า โดยเฉพาะถนนเสน่หานุสรณ์ ถนนประชาธิปัตย์ และถนนนิพัทธ์อุทิศ 3

ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าของโรงแรม ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่คาดว่าจะจับภาพรถยนต์และภาพของคนร้ายได้นั้น มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ยกเครื่องบันทึกภาพวงจรปิดของโรงแรมไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถทราบที่มาของรถยนต์คันดังกล่าวแล้วว่า เป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ ทะเบียน กค 6734 พัทลุง ซึ่งเป็นของนายธนสร เกื้อสุข อดีต ปลัด อบต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตและชิงรถ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ต.ค.54 ที่ผ่านมา

**วิทยุด่วนระวังรถยนต์ต้องสงสัย4คัน

ขณะเดียวกันเวลาประมาณ 14.00 น.ทางศูนย์วิทยุ สภ.หาดใหญ่ ได้วิทยุประสานกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ตรวจสอบและตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยอีก 4 คันอย่างละเอียด ประกอบด้วย 1.รถยนเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ไม่ระบุรุ่นและหมายเลขทะเบียน 2.รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ไม่ระบุรุ่นและหมายเลขทะเบียน 3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนด์ ไม่ระบุรุ่นและหมายเลขทะเบียน 4.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ไทเกอร์ สีขาว ไม่ระบุหมายเลขทะเบียน โดยพบเห็นรถยนต์ที่มีลักษณะคล้ายกับทั้ง 4 คันที่แจ้งมา ให้ทำการสกัดตรวจสอบและตรวจค้นอย่างละเอียดทันที

**ตร.คุมเข้มจับ2แม่ลูกต่างชาติสอบ

ข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่เดินทางเข้ามาในเมืองหาดใหญ่ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 6 ได้ควบคุมตัวนาง Johnson joyee mamic สัญชาติ ไลบีเรีย และ ด.ช.wilsom adel อายุ 14 ปี สัญชาติเซียร์ร่า ลีโอน ซึ่งเป็นลูกชายมาทำการสอบสวนหลังพบพิรุธขณะรอขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ พบว่า นาง Johnson มีหนังสือเดินเข้ามาในเมืองไทยถูกต้อง ด.ช.Wilsom adel หลบหนีเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมแจ้งข้อหา ด.ช.Wilson adel ในข้อหาเป็นคนต่างด้าว (สัญชาติเซียร์ร่า ลีโอน) เข้ามาในราชอาณาจักร ควบคุมตัวดำเนินคดี

**เผยเหยื่อคาร์บอมดับ3เจ็บ140

ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคณะ ได้ไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของสงขลาอย่างหนัก ทั้งในแง่ของความเสียหายจากทรัพย์สินและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ไม่สามารถประเมินความเสียหายได้หลังจากที่ต้องสูญเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงท่องเที่ยวสำคัญโดยเฉพาะสงกรานต์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 1 ของจังหวัด ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูพื้นที่อีกระยะหนึ่ง

สำหรับผู้เสียชีวิตมี 3 ศพ คือ 1.นางยุพิน พุทธิมา อายุ 38 ปี 2.MR.low tsian hock ชาวมาเลเซียเป็นสามีภรรยากัน ส่วนอีก 1 ศพเป็นชายไม่ทราบชื่อ ด้านผู้บาดเจ็บ 416 คนในจำนวนนี้ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ 140 คน ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ สำหรับนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้นทางจังหวัดได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของสัมภาระและอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศแล้ว

**ชดเชยเบื้องต้นศพละ25,000บาท

สำหรับการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นทางจังหวัดได้จ่ายเงินส่วนที่ 1 จ่ายเงินช่วยเหลือตามระเบียบของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในกรณีที่เสียชีวิตจ่ายค่าจัดการศพ เป็นเงิน 25,000 บาท และถ้าเป็นหัวหน้าครอบครัวจ่ายเพิ่มอีก 25,000 บาท กรณีได้รับบาดเจ็บรักษาตัวเกิน 3 วัน จ่าย 3,000 บาท บาดเจ็บเล็กน้อย จ่าย 2,000 บาท ส่วนที่ 2 จ่ายเงินช่วยเหลือตามระเบียบของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รายละ 2,000 บาท

นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังได้ขอความช่วยเหลือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวเช่นเดียวกับกรณีเกิดเหตุความมั่นคง ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของเอกสาร ในกรณีการช่วยเหลือด้านทรัพย์นั้น จังหวัดสงขลาได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อรับแจ้งความเสียหายทางด้านทรัพย์สิน บริเวณตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ

**ผบ.ตร.ชี้2เหตุคนร้ายมีการเชื่อมโยงกัน

ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ 2 จุดย่านการค้าลางใจเมืองยะลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 127 ราย กลับบ้านแล้ว 88 ราย ยังอยู่โรงพยาบาลอีก 29 ราย และเสียชีวิตอีก 10 ราย

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมหารือรับทราบการรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในเบื้องต้นเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ทั้งที่ อ.หาดใหญ่ และ ที่ จ.ยะลา เชื่อว่ามีการเชื่อมโยงกันของกลุ่มคนร้าย ซึ่งจากการายงานข้อมูลของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้น พอจะทราบกลุ่มของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้แล้ว อย่างไรก็ตามจะมีการเข้าประชุมหารือและวางมาตรการ เพื่อดูแลชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนให้มีความเข้มงวดมากขึ้น

**ฟันธง "สาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ"บอม์บยะลา

ส่วนความคืบหน้าด้านคดีนั้น ล่าสุดแหล่งข่าวจากชุดสืบสวนสอบสวน ศชต.ระบุว่า จากภาพวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพคนร้ายที่นำรถซุกระเบิดมาจอด แล้วเดินลงจากรถก่อนจะไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ที่มีชายวัยรุ่นมารับ ขับหลบหนีไปนั้น ประกอบกับหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มของนายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 3 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลยะลาที่ จส.476/2549 ในคดีความมั่นคง ซึ่งนายสาหูดิน เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในระดับสั่งการ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงของรถยนต์กระบะที่คนร้ายซุกระเบิดมาจอดเอาไว้ที่เชื่อว่าเป็นคันเดียวกันกับที่คนร้ายแต่งกายลอกเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจและนำไปก่อเหตุยิง ชรบ.ที่ ต.กาลอ อ.รามัน ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ อ.รามัน ที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูล และดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมอยู่ในขณะนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น