ASTVผู้จัดการรายวัน- ตะลึง! พบแผงยาแก้หวัดร่วม 5 ล้านเม็ดทิ้งป่าข้างทางสันกำแพง “ธาริต” คาดผลสอบเบื้องต้นได้ภายในเม.ย.นี้ ด้าน “พสิษฐ์” มอบหลักฐานลับซูโดฯให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อ ขณะที่ผอ.โรงพยาบาลพิจิตร ขึ้นโรงพักแจ้งจับเภสัชฯ ขโมยยา 27 รายการ มูลค่าเกือบ 5 แสน กล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัด พร้อมเตรียมตั้งกรรมตรวจสต็อกครั้งใหญ่ หวั่น “ซูโดฯ” หายด้วย
วานนี้ (28มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อหารือกรณีการสนธิกำลังร่วมกันในเรื่องการปราบปรามกรณีปัญหายาแก้หมัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน พร้อมเข้าพบ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟู และเยียวยาด้านยาเสพติด เพื่อหารือถึงรายละเอียดในการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดยนายพสิษฐ์ ได้มอบหลักฐานเป็นเอกสารลับในซองสีน้ำตาล ให้แก่นายธาริต นำไปสอบสวนเพิ่มเติม
**ลั่นได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายในเมษาฯ
นายธาริต กล่าวว่า ได้หารือ 2 เรื่อง คือ การหารือถึงการทำงานร่วมกันในอนาคต เนื่องจากขณะนี้ได้มีเพิ่มประกาศแนบท้ายพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อีก 9 รายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหาร ยา เครื่องสำอาง และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งหลังจากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดีเอสไอจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อรับเป็นคดีพิเศษเหมือนที่ผ่านมา ส่วนเรื่องที่สอง เป็นการหารือในเรื่องของการสนธิกำลัง ในการทำงานร่วมกันในการจับกุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ซึ่งต่อไปจะทำงานประสานกันทั้งหมดในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องคดีที่อยู่ระหว่างสอบสวนนั้นไม่ขอพูด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขอให้รอเวลา เชื่อว่าภายในเดือนเมษายนจะมีความชัดเจนขึ้น แต่ไม่สามารถระบุรายละเอียดได้
“เบื้องต้นบอกได้แค่ว่าเป็นคนกลาง หรือที่เรียกว่า ช็อปปิ้งยา ทราบว่าเป็นใคร อย่างไร และมีเครือข่ายกี่คนโดยดีเอสไอมีเครื่องมือติดตาม อยู่ระหว่างเชื่อมโยงทั้งเส้นทางของเงิน การโทรศัพท์ติดต่อ ขอเวลาดำเนินการก่อน” นายธาริต กล่าว
**”พสิษฐ์”ยันหลักฐานมัดโยงขรก.ระดับสูงสธ.
ด้าน นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ได้ให้หลักฐานเป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนสนิทข้าราชการระดับสูง ซึ่งถือเป็นการมอบหลักฐานอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยหลักฐานดังกล่าวได้มาจากข้อมูลการสืบสวนในส่วนของโรงพยาบาล(รพ.) ทั้ง 6 แห่ง ซึ่งได้ ณ จุดเกิดเหตุ แบบไม่ทันตั้งตัว โดยในส่วนของคนสนิทข้าราชการระดับสูงนั้นได้มาจากรพ.2 แห่งจาก 6 แห่งที่เคยเป็นข่าวแล้ว แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าแห่งใดบ้าง ในส่วนของคณะทำงานของตนมีหน้าที่สืบสวนข้อมูลต่างๆ เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนรพ.ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก 8 แห่ง ซึ่งบางแห่งยังมีความไม่ชัดเจนในแง่ตัวเลขการเบิกจ่ายไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน เมื่อได้แล้วก็จะมอบให้แก่ทางดีเอสไอเช่นกัน
" ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอรัฐมนตรีสธ.ต่อไป รวมทั้งจะรายงานตรง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งทำสำเนาข้อมูลถึงพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรายงานต่ออธิบดีดีเอสไอไอด้วย" นายพสิษฐ์ กล่าว
**ผบ.ตร.พร้อมร่วมมือดีเอสไอ**
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)เปิดเผยถึงกระแสข่าวตำรวจบางท้องที่ ไม่ให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการทำคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ไปผลิตยาเสพติด หลังบอร์ดคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของส่วนรวม เนื่องจากสารซูโดอีเฟดรีนเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ส., ปปง. หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเรารู้ต้องดำเนินการ ซึ่งเรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือจึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตนคงไม่ต้องสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องทำอยู่แล้ว และเชื่อว่าทุกคนต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ แม้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเป็นคดีพิเศษ โดยในส่วนของตำรวจหากพบการกระทำผิดก็สามารถดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีได้
**ตะลึง! แผงยาแก้หวัดร่วม 5 ล้านเม็ด
พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผู้บังคับการตำรรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่(รองผบก.) พ.ต.อ.เอกชัย พิมลศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันกำแพง (ผกก.สภ.สันกำแพง))นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปยังที่ดินรกร้าง ในพื้นที่บ้านน้อย หมู่ 11 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่าพบแผงยาแก้หวัดที่มีส่วนประกอบของสารซูโดอีเฟรดีนถูกนำมาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่ลึกจากถนนสายเชียงใหม่-แม่ออนประมาณ 200 เมตร พบแผงยาแก้หวัดยี่ห้อต่างๆ ซึ่งถูกแก้เม็ดยาออกแล้ว รวมทั้งกล่องบรรจุภัณฑ์และขวดยาจำนวนมาก ถูกนำมาทิ้งไว้รวม 2 จุด โดยจุดแรกมีปริมาณแผงยาแก้หวัดที่นำมาทิ้งไว้ประมาณ 25 ถุงดำ ขณะที่จุดที่สอง ซึ่งอยู่เลยจากจุดแรกประมาณ 20 เมตรพบแผงยาแก้หวัดถูกทิ้งไว้ประมาณ 14 ถุงดำ ทั้งนี้ แผงยาที่ถูกทิ้งไว้ในจุดที่สองส่วนใหญ่ถูกตัดทำลายและบดย่อยแล้ว ต่างกับในจุดแรกที่แผงยาส่วนใหญ่ยังคงสภาพเดิมค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันยังพบบัตรควบคุมการบรรจุ ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด บี.เอ็มฟาร์มาซี 235 ถนนลาดพร้าว 48 กทม. 10310 ในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
“เบื้องต้นคาดว่ามียาแก้หวัดประมาณ 15-17 ชนิด ที่ถูกนำมาแกะเอาเม็ดยาออกไป โดยทั้งหมดเป็นยาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟรดีนเป็นส่วนประกอบ รวมยาแก้หวัดที่ถูกแกะออกไปแล้วประมาณ 3-5 ล้านเม็ด” พล.ต.ต.ชำนาญกล่าว
***DSI รับคดีเภสัชฯ “สมชาย”เป็นคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกรชำนาญการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ลักขโมยยาลดน้ำมูกสูตรซูโดอีเฟรดีนไปจากคลังยาของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีนั้น นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานรวบรวมคดีพิเศษ สำนักคดีความมั่นคง ดี เอส ไอ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก 2 นาย เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ต.ประเสริฐ ธรรมชัย สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี และ พ.ต.ท.มนัส อัดโดดดร พนักงานรสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อขอรับสำนวนการโดยรับคดีนี้เอาเป็นคดีพิเศษมี โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี กาฬสินธุ์ และ จังหวัดศรีษะเกษ ส่วนในภาคเหนือมี ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุตรดิตถ์ จากนี้ก็จะเริ่มทำการสอบสวนสืบสวนต่อเนื่อง จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง โดยที่จะมีการประชุมร่วมกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 2 เม.ย. 2555
**ตร.กาฬสินธุ์คุมเข้มผู้ต้องหาหวั่นถูกตัดตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีสารซูโดอีเฟดรีนหายจากโรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 3.5 แสนกว่าเม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดียังคงเร่งสรุปสำนวนที่สมบูรณ์เพื่อส่งให้ ดีเอสไอ หลังจากรับเป็นคดีพิเศษ
ล่าสุด พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย เปิดเผยว่า สารซูโดอีเฟดรีน ที่หายจากโรงพยาบาลหลายแห่งได้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด โดยเฉพาะ ดีเอสไอ ได้เน้นการเจาะหาเครือข่ายแหล่งปล่อยยาและเครือข่ายผลิตยาบ้า ซึ่งเรื่องนี้เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสย ผู้ต้องหาเริ่มให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ยังซัดทอดแหล่งปล่อยยาที่จังหวัดร้อยเอ็ด จึงทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะถูกตัดตอน เพื่อไม่ให้สาวไปถึงขบวนการใหญ่
**ผู้ว่าฯศรีสะเกษจี้สสจ.เร่งตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้กล่าวถึงกรณียาแก้ไข้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 250,000 เม็ด ว่า ขณะนี้ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ นพ.ประวิ อ่ำพันธุ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษเสนอมาเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซึ่งตนได้เร่งรัดให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษกำชับให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลการตรวจสอบให้ทราบโดยด่วนที่สุด เพื่อที่จะได้รายงานผลการดำเนินการตรวจสอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขทราบต่อไป
*แจ้งจับเภสัชฯรพ.พิจิตร ขโมยยา
วานนี้ (28 มี.ค.) นายประจวบ มงคลศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร ให้จับดำเนินคดี น.ส.อรุณี ประเคนทอง เจ้าพนักงานเภสัชกรรมชำนาญงาน กลุ่มงานเภสัชกรรม ซึ่งมีหน้าที่ดูแลห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก
ทั้งนี้ ระบุว่า เมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 24 มีนาคม 2555 กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลบันทึกภาพหลักฐานไว้ได้ชัดเจน ว่า น.ส.อรุณี ได้ทำการลักลอบนำยารักษาโรคออกจากอาคารผู้ป่วยนอก รวมรายการยาทั้งสิ้น 27 รายการ คิดเป็นมูลค่า 489,196 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ขณะจะนำยาดังกล่าวใส่รถเก๋งส่วนตัว เบื้องต้น ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำและลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อจะตรวจสต๊อกยาครั้งใหญ่ ภายในโรงพยาบาลพิจิตร เพราะจากการเกิดเหตุดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลงว่า “ยาซูโดรอีเฟดรีน” อาจมีการสูญหายจากโรงพยาบาลพิจิตรไปด้วยก็ได้
วานนี้ (28มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อหารือกรณีการสนธิกำลังร่วมกันในเรื่องการปราบปรามกรณีปัญหายาแก้หมัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน พร้อมเข้าพบ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟู และเยียวยาด้านยาเสพติด เพื่อหารือถึงรายละเอียดในการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดยนายพสิษฐ์ ได้มอบหลักฐานเป็นเอกสารลับในซองสีน้ำตาล ให้แก่นายธาริต นำไปสอบสวนเพิ่มเติม
**ลั่นได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายในเมษาฯ
นายธาริต กล่าวว่า ได้หารือ 2 เรื่อง คือ การหารือถึงการทำงานร่วมกันในอนาคต เนื่องจากขณะนี้ได้มีเพิ่มประกาศแนบท้ายพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อีก 9 รายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหาร ยา เครื่องสำอาง และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งหลังจากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดีเอสไอจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อรับเป็นคดีพิเศษเหมือนที่ผ่านมา ส่วนเรื่องที่สอง เป็นการหารือในเรื่องของการสนธิกำลัง ในการทำงานร่วมกันในการจับกุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ซึ่งต่อไปจะทำงานประสานกันทั้งหมดในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องคดีที่อยู่ระหว่างสอบสวนนั้นไม่ขอพูด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขอให้รอเวลา เชื่อว่าภายในเดือนเมษายนจะมีความชัดเจนขึ้น แต่ไม่สามารถระบุรายละเอียดได้
“เบื้องต้นบอกได้แค่ว่าเป็นคนกลาง หรือที่เรียกว่า ช็อปปิ้งยา ทราบว่าเป็นใคร อย่างไร และมีเครือข่ายกี่คนโดยดีเอสไอมีเครื่องมือติดตาม อยู่ระหว่างเชื่อมโยงทั้งเส้นทางของเงิน การโทรศัพท์ติดต่อ ขอเวลาดำเนินการก่อน” นายธาริต กล่าว
**”พสิษฐ์”ยันหลักฐานมัดโยงขรก.ระดับสูงสธ.
ด้าน นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ได้ให้หลักฐานเป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนสนิทข้าราชการระดับสูง ซึ่งถือเป็นการมอบหลักฐานอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยหลักฐานดังกล่าวได้มาจากข้อมูลการสืบสวนในส่วนของโรงพยาบาล(รพ.) ทั้ง 6 แห่ง ซึ่งได้ ณ จุดเกิดเหตุ แบบไม่ทันตั้งตัว โดยในส่วนของคนสนิทข้าราชการระดับสูงนั้นได้มาจากรพ.2 แห่งจาก 6 แห่งที่เคยเป็นข่าวแล้ว แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าแห่งใดบ้าง ในส่วนของคณะทำงานของตนมีหน้าที่สืบสวนข้อมูลต่างๆ เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนรพ.ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก 8 แห่ง ซึ่งบางแห่งยังมีความไม่ชัดเจนในแง่ตัวเลขการเบิกจ่ายไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน เมื่อได้แล้วก็จะมอบให้แก่ทางดีเอสไอเช่นกัน
" ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอรัฐมนตรีสธ.ต่อไป รวมทั้งจะรายงานตรง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งทำสำเนาข้อมูลถึงพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรายงานต่ออธิบดีดีเอสไอไอด้วย" นายพสิษฐ์ กล่าว
**ผบ.ตร.พร้อมร่วมมือดีเอสไอ**
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)เปิดเผยถึงกระแสข่าวตำรวจบางท้องที่ ไม่ให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการทำคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ไปผลิตยาเสพติด หลังบอร์ดคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของส่วนรวม เนื่องจากสารซูโดอีเฟดรีนเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ส., ปปง. หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเรารู้ต้องดำเนินการ ซึ่งเรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือจึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตนคงไม่ต้องสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องทำอยู่แล้ว และเชื่อว่าทุกคนต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ แม้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเป็นคดีพิเศษ โดยในส่วนของตำรวจหากพบการกระทำผิดก็สามารถดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีได้
**ตะลึง! แผงยาแก้หวัดร่วม 5 ล้านเม็ด
พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผู้บังคับการตำรรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่(รองผบก.) พ.ต.อ.เอกชัย พิมลศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันกำแพง (ผกก.สภ.สันกำแพง))นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปยังที่ดินรกร้าง ในพื้นที่บ้านน้อย หมู่ 11 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่าพบแผงยาแก้หวัดที่มีส่วนประกอบของสารซูโดอีเฟรดีนถูกนำมาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่ลึกจากถนนสายเชียงใหม่-แม่ออนประมาณ 200 เมตร พบแผงยาแก้หวัดยี่ห้อต่างๆ ซึ่งถูกแก้เม็ดยาออกแล้ว รวมทั้งกล่องบรรจุภัณฑ์และขวดยาจำนวนมาก ถูกนำมาทิ้งไว้รวม 2 จุด โดยจุดแรกมีปริมาณแผงยาแก้หวัดที่นำมาทิ้งไว้ประมาณ 25 ถุงดำ ขณะที่จุดที่สอง ซึ่งอยู่เลยจากจุดแรกประมาณ 20 เมตรพบแผงยาแก้หวัดถูกทิ้งไว้ประมาณ 14 ถุงดำ ทั้งนี้ แผงยาที่ถูกทิ้งไว้ในจุดที่สองส่วนใหญ่ถูกตัดทำลายและบดย่อยแล้ว ต่างกับในจุดแรกที่แผงยาส่วนใหญ่ยังคงสภาพเดิมค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันยังพบบัตรควบคุมการบรรจุ ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด บี.เอ็มฟาร์มาซี 235 ถนนลาดพร้าว 48 กทม. 10310 ในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
“เบื้องต้นคาดว่ามียาแก้หวัดประมาณ 15-17 ชนิด ที่ถูกนำมาแกะเอาเม็ดยาออกไป โดยทั้งหมดเป็นยาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟรดีนเป็นส่วนประกอบ รวมยาแก้หวัดที่ถูกแกะออกไปแล้วประมาณ 3-5 ล้านเม็ด” พล.ต.ต.ชำนาญกล่าว
***DSI รับคดีเภสัชฯ “สมชาย”เป็นคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกรชำนาญการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ลักขโมยยาลดน้ำมูกสูตรซูโดอีเฟรดีนไปจากคลังยาของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีนั้น นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานรวบรวมคดีพิเศษ สำนักคดีความมั่นคง ดี เอส ไอ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก 2 นาย เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ต.ประเสริฐ ธรรมชัย สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี และ พ.ต.ท.มนัส อัดโดดดร พนักงานรสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อขอรับสำนวนการโดยรับคดีนี้เอาเป็นคดีพิเศษมี โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี กาฬสินธุ์ และ จังหวัดศรีษะเกษ ส่วนในภาคเหนือมี ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุตรดิตถ์ จากนี้ก็จะเริ่มทำการสอบสวนสืบสวนต่อเนื่อง จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง โดยที่จะมีการประชุมร่วมกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 2 เม.ย. 2555
**ตร.กาฬสินธุ์คุมเข้มผู้ต้องหาหวั่นถูกตัดตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีสารซูโดอีเฟดรีนหายจากโรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 3.5 แสนกว่าเม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดียังคงเร่งสรุปสำนวนที่สมบูรณ์เพื่อส่งให้ ดีเอสไอ หลังจากรับเป็นคดีพิเศษ
ล่าสุด พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย เปิดเผยว่า สารซูโดอีเฟดรีน ที่หายจากโรงพยาบาลหลายแห่งได้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด โดยเฉพาะ ดีเอสไอ ได้เน้นการเจาะหาเครือข่ายแหล่งปล่อยยาและเครือข่ายผลิตยาบ้า ซึ่งเรื่องนี้เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสย ผู้ต้องหาเริ่มให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ยังซัดทอดแหล่งปล่อยยาที่จังหวัดร้อยเอ็ด จึงทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะถูกตัดตอน เพื่อไม่ให้สาวไปถึงขบวนการใหญ่
**ผู้ว่าฯศรีสะเกษจี้สสจ.เร่งตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้กล่าวถึงกรณียาแก้ไข้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 250,000 เม็ด ว่า ขณะนี้ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ นพ.ประวิ อ่ำพันธุ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษเสนอมาเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซึ่งตนได้เร่งรัดให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษกำชับให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลการตรวจสอบให้ทราบโดยด่วนที่สุด เพื่อที่จะได้รายงานผลการดำเนินการตรวจสอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขทราบต่อไป
*แจ้งจับเภสัชฯรพ.พิจิตร ขโมยยา
วานนี้ (28 มี.ค.) นายประจวบ มงคลศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร ให้จับดำเนินคดี น.ส.อรุณี ประเคนทอง เจ้าพนักงานเภสัชกรรมชำนาญงาน กลุ่มงานเภสัชกรรม ซึ่งมีหน้าที่ดูแลห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก
ทั้งนี้ ระบุว่า เมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 24 มีนาคม 2555 กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลบันทึกภาพหลักฐานไว้ได้ชัดเจน ว่า น.ส.อรุณี ได้ทำการลักลอบนำยารักษาโรคออกจากอาคารผู้ป่วยนอก รวมรายการยาทั้งสิ้น 27 รายการ คิดเป็นมูลค่า 489,196 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ขณะจะนำยาดังกล่าวใส่รถเก๋งส่วนตัว เบื้องต้น ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำและลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อจะตรวจสต๊อกยาครั้งใหญ่ ภายในโรงพยาบาลพิจิตร เพราะจากการเกิดเหตุดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลงว่า “ยาซูโดรอีเฟดรีน” อาจมีการสูญหายจากโรงพยาบาลพิจิตรไปด้วยก็ได้