ASTVผู้จัดการรายวัน - ดีเอสไอรับคดีฉกยาซูโดเป็นคดีพิเศษ “เฉลิม” ลั่นจับหมดพบอาวุธแลกยาเสพติด เผยพบสารตั้งต้นผลิตยา แต่ออกฤทธิ์น้อยกว่าซูโดอีเฟดรีน พร้อมรับหน้าที่แทน “ปู” มอบโล่องค์กรป้องกันยาเสพติดดีเด่น โวไทยโชคดีพบที่มาสารตั้งต้น สั่งดีเอสไอสอบเข้ม ด้านสธ.ตรวจสอบพบรพ.มีปัญหายาซูโดฯชัดเจนเพิ่มอีก 2 แห่ง "รพ.เสริมงาม-หนองกี่" จากทั้งหมด 845 แห่ง เข้าข่ายต้องสงสัย 17 แห่ง
วานนี้ (26 มี.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ว่า ได้รับคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ไปผลิตยาเสพติด เป็นหนึ่งใน 4 คดีพิเศษแล้ว เบื้องต้นจากการสอบสวนและข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.พบว่ามีโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 1 คลีนิก 8 แห่ง และร้านขายยา 1 แห่งรวม 13 แห่ง มีความชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องว่าลักลอบนำไปผลิตยาเสพติดและเชื่อมโยงกับการตรวจยึดยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน จำนวน 1 ล้าน 2 แสนเม็ด ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบโรงพยาบาลรัฐ 11 แห่งและเอกชน 11 แห่ง ในจังหวัดลพบุรี สระบุรี ชลบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร นครปฐม กทม.เชียงใหม่ นครศรีธรรมราชมียอดการสั่งซื้อยาแก้หวัด ดังกล่าวที่สูงผิดปกติ โดยจะเร่งดำเนินการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจสอบพบว่าโรงพยาบาลดังกล่าวมีความผิด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ,เจ้าของคลีนิก และเภสัชกร ผู้สั่งซื้อยาจะต้องถูกดำเนิคดีเว้นแต่มีพยานหลักฐานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย 4 ฉบับ คือผิดตาม พ.ร.บ.ยา ,พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท,พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และประมวลกฏหมายอาญา ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2551 สามารถตรวจยึดยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ได้ทั้งหมด 48 ล้านเม็ด โดยแบ่งเป็นการลักลอบนำเข้า ร้อยละ 80 และอีกร้อยละ 20 เป็นการหลุดออกจากระบบสาธารณสุข เมื่อเวลา 10.20 น.
**เฉลิมโวไทยโชคดีพบที่มาสารตั้งต้น
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอ นำกรณีสารซูโดอีเฟดรีน เป็นคดีพิเศษว่า จำเป็น เนื่องจากเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และมีการทำอย่างเป็นกระบวนการประสานกันอย่างเป็นระบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปมใหม่ในเรื่องอาวุธสงครามแลกกับยาเสพติด รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรให้เห็นผลเป็นรูปธรรม รองนายกฯ กล่าวว่า เราก็จับให้หมด ซึ่งกรณีของซูโดอีเฟดรีน ถือว่าประเทศไทยโชคดี เพราะเมื่อเรารู้แหล่งที่มา ก็เลยทำให้สกัดง่าย เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการขึ้นทะเบียนยาซูโดอีเฟดรีนให้เทียบเท่ากับยามอร์ฟีนที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทจะสามารถควบคุมได้หรือไม่ เพราะที่ออกข่าวว่าสามารถผลิตยาเสพติดได้ก็เหมือนเป็นการชี้โพง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามันจะดีขึ้น และที่ดีเอสไอทำตนว่าสามารถแก้ปัญหาได้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ทำไปทำมาจะกลายเป็นกระบวนการเดียวกันหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนว่ารู้กัน เพราะโครงข่ายนี้เป็นโครงข่ายที่ใหญ่มาก วันนี้ถือว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว
เมื่อถามว่า นอกจากซูโดอีเฟดรีน แล้วยังมีสารตัวอื่นที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มี แต่ไม่อันตรายเท่าซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเมื่อก่อนนำมาจากที่อื่น แต่ตอนหลังมักง่าย เอาออกมาจากโรงพยาบาลเลย แต่ได้สอบถาม นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข แล้ว ยาตัวอื่นไม่น่ากลัว ตอนนี้ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้ครบถ้วนก่อนเพื่อที่จะนำมาเป็นบทสรุป ไม่อยากพูดมาก เพราะไม่มีความรู้เรื่องแพทย์ แต่ตนทำหน้าที่สกัดกั้นและปราบปราม อย่างไรก็ตาม ก็ดีใจที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ว่า 1.ปิดชายแดน โดยมีทางกองทัพบกมาช่วยก็สามารถปิดได้เยอะแล้ว 2.สกัดสารตั้งต้น ซึ่งพอรู้ว่าสารตั้งต้นออกจากบ้านเราก็ทำให้สกัดได้ง่ายขึ้น เมื่อไม่มีสารตั้งต้นก็ทำให้ไม่มียาเสพติดเข้ามา อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปเมื่อเข้าสู่คดีพิเศษแล้วทางดีเอสไอก็จะไปตรวจสอบทั้งหมดว่ายังมียาตัวอื่นอีกหรือไม่ เพราะมีอำนาจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อช่องว่างมีเยอะไม่สามารถควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจะทำอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องค่อยๆ แก้ไปดีกว่าไม่รู้เลย
“ไม่งั้นป่านนี้ผมก็คงจะงมโข่งนึกว่ามาจากเกาหลีไปมาเลฯผ่านกัมพูชาเข้าไทย ไอหยา นี่ออกจากโรงงานเลย ก็ยืนยันว่าการปราบปารมจะดีขึ้นแน่นอน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**เฉลิมมอบโล่แทน”ปู”
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคล และองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยม และดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2554จำนวน 134 ราย จัดโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับมูลนิธิป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีดารานักแสดงในฐานะศิลปินต้นแบบของเยาวชนในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดเข้ารับรางวัลจำนวน 3 คน ได้แก่ รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ น้ำฝน พัชรินทร์ จัดกระบวนพล และอั๋น วิทยา วสุไกรไพศาล
**ตรวจทั่วประเทศผิดปกติ17แห่ง
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีปัญหายาแก้หวัดสูตรผสมซูอีเฟดรีนหายไปจาก รพ.ว่า จากการตรวจสอบบัญชียาฯ ใน รพ.จำนวน 845 แห่ง เบื้องต้นพบว่ามีความผิดปกติ 17 แห่ง โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามทราบรายงานเป็นทางการจำนวน 10 แห่ง พบว่า ไม่มีความผิดปกติ 4 แห่ง ได้แก่ รพ.อภัยภูเบศร์ และ รพ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รพ.ปัตตานี และรพ.ปากช่องนานา จ.นครราชสีมา ส่วนกรณีที่พบความผิดปกติชัดเจนแต่ต้องรอสอบสวนทางวินัยบุคคลที่เกี่ยวข้อง 7 คน ใน 6 แห่ง ได้แก่ รพ.อุดรธานี รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ รพ.ฮอด รพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่และรพ.ภูสิงค์ จ.ศรีษะเกษ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า อีก 7 แห่งได้รับรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการมายังส่วนกลางแล้วแต่จะต้องรอรายงานอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง แบ่งเป็น ไม่มีปัญหา 4 แห่ง คือ รพ.กาฬสินธุ์ รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินาราย จ.กาฬสินธุ์ รพ.พุทไธสงค์ จ.บุรีรัมย์ และรพ.ปากชม จ.เลย โดยจากรายงานระบุว่ายอดบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)สูงกว่าบัญชียาของโรงพยาบาล คล้ายกับกรณีที่รพ.ดอยหล่อ โดยมีการสั่งซื้อยาเข้ามาในบัญชีของ รพ. แต่ถูกนำออกไปก่อนที่จะลงบัญชียาของโรงพยาบาล ทำให้บัญชียาโรงพยาบาลมียอดต่ำกว่าของอย.กว่า 1 แสนเม็ด , และพบมีปัญหาชัดเจน 2 แห่ง ได้แก่ รพ.เสริมงาม จ.ลำปาง และรพ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งจะต้องรอรายงานอย่างเป็นทางการก่อน ส่วนอีก 1 แห่ง คือ รพ.สันทราย จ.เชียงใหม่ อยู่ในระหว่างการเร่งรัดการดำเนินการ
วานนี้ (26 มี.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ว่า ได้รับคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ไปผลิตยาเสพติด เป็นหนึ่งใน 4 คดีพิเศษแล้ว เบื้องต้นจากการสอบสวนและข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.พบว่ามีโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 1 คลีนิก 8 แห่ง และร้านขายยา 1 แห่งรวม 13 แห่ง มีความชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องว่าลักลอบนำไปผลิตยาเสพติดและเชื่อมโยงกับการตรวจยึดยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน จำนวน 1 ล้าน 2 แสนเม็ด ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบโรงพยาบาลรัฐ 11 แห่งและเอกชน 11 แห่ง ในจังหวัดลพบุรี สระบุรี ชลบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร นครปฐม กทม.เชียงใหม่ นครศรีธรรมราชมียอดการสั่งซื้อยาแก้หวัด ดังกล่าวที่สูงผิดปกติ โดยจะเร่งดำเนินการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจสอบพบว่าโรงพยาบาลดังกล่าวมีความผิด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ,เจ้าของคลีนิก และเภสัชกร ผู้สั่งซื้อยาจะต้องถูกดำเนิคดีเว้นแต่มีพยานหลักฐานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย 4 ฉบับ คือผิดตาม พ.ร.บ.ยา ,พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท,พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และประมวลกฏหมายอาญา ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2551 สามารถตรวจยึดยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ได้ทั้งหมด 48 ล้านเม็ด โดยแบ่งเป็นการลักลอบนำเข้า ร้อยละ 80 และอีกร้อยละ 20 เป็นการหลุดออกจากระบบสาธารณสุข เมื่อเวลา 10.20 น.
**เฉลิมโวไทยโชคดีพบที่มาสารตั้งต้น
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอ นำกรณีสารซูโดอีเฟดรีน เป็นคดีพิเศษว่า จำเป็น เนื่องจากเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และมีการทำอย่างเป็นกระบวนการประสานกันอย่างเป็นระบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปมใหม่ในเรื่องอาวุธสงครามแลกกับยาเสพติด รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรให้เห็นผลเป็นรูปธรรม รองนายกฯ กล่าวว่า เราก็จับให้หมด ซึ่งกรณีของซูโดอีเฟดรีน ถือว่าประเทศไทยโชคดี เพราะเมื่อเรารู้แหล่งที่มา ก็เลยทำให้สกัดง่าย เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการขึ้นทะเบียนยาซูโดอีเฟดรีนให้เทียบเท่ากับยามอร์ฟีนที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทจะสามารถควบคุมได้หรือไม่ เพราะที่ออกข่าวว่าสามารถผลิตยาเสพติดได้ก็เหมือนเป็นการชี้โพง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามันจะดีขึ้น และที่ดีเอสไอทำตนว่าสามารถแก้ปัญหาได้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ทำไปทำมาจะกลายเป็นกระบวนการเดียวกันหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนว่ารู้กัน เพราะโครงข่ายนี้เป็นโครงข่ายที่ใหญ่มาก วันนี้ถือว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว
เมื่อถามว่า นอกจากซูโดอีเฟดรีน แล้วยังมีสารตัวอื่นที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มี แต่ไม่อันตรายเท่าซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเมื่อก่อนนำมาจากที่อื่น แต่ตอนหลังมักง่าย เอาออกมาจากโรงพยาบาลเลย แต่ได้สอบถาม นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข แล้ว ยาตัวอื่นไม่น่ากลัว ตอนนี้ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้ครบถ้วนก่อนเพื่อที่จะนำมาเป็นบทสรุป ไม่อยากพูดมาก เพราะไม่มีความรู้เรื่องแพทย์ แต่ตนทำหน้าที่สกัดกั้นและปราบปราม อย่างไรก็ตาม ก็ดีใจที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ว่า 1.ปิดชายแดน โดยมีทางกองทัพบกมาช่วยก็สามารถปิดได้เยอะแล้ว 2.สกัดสารตั้งต้น ซึ่งพอรู้ว่าสารตั้งต้นออกจากบ้านเราก็ทำให้สกัดได้ง่ายขึ้น เมื่อไม่มีสารตั้งต้นก็ทำให้ไม่มียาเสพติดเข้ามา อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปเมื่อเข้าสู่คดีพิเศษแล้วทางดีเอสไอก็จะไปตรวจสอบทั้งหมดว่ายังมียาตัวอื่นอีกหรือไม่ เพราะมีอำนาจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อช่องว่างมีเยอะไม่สามารถควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจะทำอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องค่อยๆ แก้ไปดีกว่าไม่รู้เลย
“ไม่งั้นป่านนี้ผมก็คงจะงมโข่งนึกว่ามาจากเกาหลีไปมาเลฯผ่านกัมพูชาเข้าไทย ไอหยา นี่ออกจากโรงงานเลย ก็ยืนยันว่าการปราบปารมจะดีขึ้นแน่นอน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**เฉลิมมอบโล่แทน”ปู”
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคล และองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยม และดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2554จำนวน 134 ราย จัดโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับมูลนิธิป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีดารานักแสดงในฐานะศิลปินต้นแบบของเยาวชนในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดเข้ารับรางวัลจำนวน 3 คน ได้แก่ รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ น้ำฝน พัชรินทร์ จัดกระบวนพล และอั๋น วิทยา วสุไกรไพศาล
**ตรวจทั่วประเทศผิดปกติ17แห่ง
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีปัญหายาแก้หวัดสูตรผสมซูอีเฟดรีนหายไปจาก รพ.ว่า จากการตรวจสอบบัญชียาฯ ใน รพ.จำนวน 845 แห่ง เบื้องต้นพบว่ามีความผิดปกติ 17 แห่ง โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามทราบรายงานเป็นทางการจำนวน 10 แห่ง พบว่า ไม่มีความผิดปกติ 4 แห่ง ได้แก่ รพ.อภัยภูเบศร์ และ รพ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รพ.ปัตตานี และรพ.ปากช่องนานา จ.นครราชสีมา ส่วนกรณีที่พบความผิดปกติชัดเจนแต่ต้องรอสอบสวนทางวินัยบุคคลที่เกี่ยวข้อง 7 คน ใน 6 แห่ง ได้แก่ รพ.อุดรธานี รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ รพ.ฮอด รพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่และรพ.ภูสิงค์ จ.ศรีษะเกษ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า อีก 7 แห่งได้รับรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการมายังส่วนกลางแล้วแต่จะต้องรอรายงานอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง แบ่งเป็น ไม่มีปัญหา 4 แห่ง คือ รพ.กาฬสินธุ์ รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินาราย จ.กาฬสินธุ์ รพ.พุทไธสงค์ จ.บุรีรัมย์ และรพ.ปากชม จ.เลย โดยจากรายงานระบุว่ายอดบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)สูงกว่าบัญชียาของโรงพยาบาล คล้ายกับกรณีที่รพ.ดอยหล่อ โดยมีการสั่งซื้อยาเข้ามาในบัญชีของ รพ. แต่ถูกนำออกไปก่อนที่จะลงบัญชียาของโรงพยาบาล ทำให้บัญชียาโรงพยาบาลมียอดต่ำกว่าของอย.กว่า 1 แสนเม็ด , และพบมีปัญหาชัดเจน 2 แห่ง ได้แก่ รพ.เสริมงาม จ.ลำปาง และรพ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งจะต้องรอรายงานอย่างเป็นทางการก่อน ส่วนอีก 1 แห่ง คือ รพ.สันทราย จ.เชียงใหม่ อยู่ในระหว่างการเร่งรัดการดำเนินการ