xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์รื้อบัญชีแนบท้ายกม.ต่างด้าวคุมเข้มค้าปลีกค้าส่ง-ปล่อยผี18ธุรกิจหลักทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ปรับบัญชีแนบท้ายกฎหมายต่างด้าว เสนอคุมเข้มธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ต้องขออนุญาตทุกประเภท พร้อมตัดธุรกิจซื้อขายสินค้าเกษตรในตลาดเอเฟต และธุรกิจหลักทรัพย์ 18 ประเภท พ้นการควบคุมให้กสล. และ กลต. ดูแล ส่วนอีก 5 ธุรกิจคงไว้ตามเดิม

นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทบทวนประเภทธุรกิจตามบัญชีแนบท้ายพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ประจำปี 2554 ว่า นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะที่ดูแลการปรับปรุงบัญชีแนบท้าย ได้รายงานผลการพิจารณาในเบื้องต้นว่าจะทำการปรับปรุงบัญชีแนบท้ายเฉพาะที่อยู่ในบัญชี 3
ส่วนบัญชี 1 และ 2 จะไม่มีการปรับปรุงแต่อย่างใด ซึ่งผลการปรับปรุงอยู่ระหว่างการนำเสนอให้คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพิจารณา และหากเห็นชอบก็จะเสนอให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พิจารณาเห็นชอบและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

โดยในการปรับปรุงบัญชีแนบท้าย ได้มีการเสนอ 9 ธุรกิจที่จะเห็นว่าควรปรับออก ได้แก่ 1.การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) เฉพาะกรณีที่ไม่มีการส่งมอบ หรือรับมอบสินค้าเกษตรจริง 2.การค้าปลีก 3.การค้าส่ง 4.การนำเที่ยว 5.คลังสินค้า 6.ประกันชีวิต 7.ประกันวินาศภัย 8.ธนาคารพาณิชย์ และ 9.หลักทรัพย์

ทั้งนี้ ผลจากการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่า จะคงไว้ตามบัญชีแนบท้ายเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มี 5 ธุรกิจ ได้แก่ การนำเที่ยว คลังสินค้า ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย และธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากหน่วยงานที่กำกับดูแล เห็นว่า กฎหมายที่มีอยู่อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง หรือกำลังปรับปรุงกฎหมาย จึงขอให้ใช้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวดูแลไปก่อน

สำหรับธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจค้าส่ง คงไว้ตามบัญชีแนบท้ายเดิม แต่จะปรับเงื่อนไขการขออนุญาตใหม่จากเดิมที่กำหนดไว้ว่า การค้าปลีกสินค้าทุกประเภทที่มีทุนขั้นต่ำรวมทั้งสิ้นน้อยกว่า 100 ล้านบาท หรือที่มีทุนขั้นต่ำของแต่ละร้านค้าน้อยกว่า 20 ล้านบาท และการค้าส่งสินค้าทุกประเภทที่มีทุนขั้นต่ำของแต่ละร้านค้าน้อยกว่า 100 ล้านบาท ต้องขออนุญาตปรับเป็นธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ทุกประเภท ต้องขออนุญาต

ส่วนการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) เฉพาะกรณีที่ไม่มีการส่งมอบ หรือรับมอบสินค้าเกษตรจริง และธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และธุรกิจภายใต้กฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน จำนวน 18 ธุรกิจ ให้เอาออกจากบัญชีแนบท้าย โดยการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
ให้คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (กสล.) กำกับดูแล เพราะการซื้อขายในตลาดเอเฟตไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย และหากต่างชาติเข้ามาซื้อขายจะช่วยให้ตลาดเอเฟตเติบโตขึ้น ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) กำกับดูแล เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการกำกับดูแลของภาครัฐ และส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ
และกลต. เองก็มั่นใจว่ามีมาตรการกำกับดูแลได้

“ถ้าคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเห็นชอบตามนี้ ก็จะเสนอให้รมว.พาณิชย์ พิจารณา จากนั้นก็จะไปเข้าครม. และแบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วน คือ ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบัญชีแนบท้าย กรณีที่ต้องปรับปรุงแก้ไขบัญชีแนบท้าย ซึ่งก็คือ ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และแก้กฎกระทรวงยกเว้น กรณีที่จะยกเว้นธุรกิจไม่ต้องมาขออนุญาต คือการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า และธุรกิจหลักทรัพย์”นายศิริวัฒน์กล่าว

สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และธุรกิจภายใต้กฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน จำนวน 18 ธุรกิจ ได้แก่ การค้าหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในหลักทรัพย์ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ การจัดการกองทุนรวม การจัดการกองทุนส่วนบุคคล รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

การจัดการเงินร่วมลงทุน การให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ การเป็นผู้ค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้า การเป็นที่ปรึกษาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า การเป็นผู้จัดการเงินทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ การเป็นผู้ดูแลและเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์หรือลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายล่วงหน้า การเป็นผู้รับฝากทรัพย์สินของกองทุนส่วนบุคคล การเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม การเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และการประกอบธุรกิจทรัสตี
กำลังโหลดความคิดเห็น