โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
การเร่งผลักดันให้ฝ่ายความขัดแย้งทางการเมืองในแผ่นดินทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการปรองดองตามข้อเสนอในงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าฯ โดยคณะกรรมาธิการปรองดองฯ โดยมี “บิ๊กบัง” พล.อ. สนธิ บุญรัตนกลิน เป็นหัวหอกนั้นได้สร้างความร้าวฉานรอยใหม่ในสังคม เสี่ยงต่อวิกฤติรุนแรง แทนที่จะนำไปสู่ความสมานฉันท์
ข้อเสนอปรองดอง การตั้งประเด็น ถกเรื่องต้นเหตุ ถูกมองว่าได้มีการตั้งธงไว้ก่อน จากนั้นฝ่ายกรรมาธิการเสียงข้างมากได้เร่งสรุปแบบรวบรัด จากงานวิจัยแบบลวกๆ สุกเอาเผากิน แข่งกับเวลาหวังให้นักการเมืองมีคดีติดตัวชนักปักหลัง พ้นจากโทษอาญา
ข้อคัดค้าน การละเว้นข้อมูลเกี่ยวโยงเหตุการณ์สำคัญ เหตุร้ายต่างๆ การฆ่าทหาร ปล้นห้างสรรพสินค้า เผาบ้านเผาเมืองโดยการปลุกระดมของแกนนำชนเผ่าเสื้อแดงภายไต้คำบงการและอำนาจเงินของเหลี่ยมร้าย ถูกเพิกเฉยแบบไม่ใส่ใจใยดี
สรุปตามผลแล้ว ข้อเสนอให้ปรองดองแบบบังคับ ยัดเยียด อาศัยเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการ และส่งต่อให้เสียงข้างมากในสภาฯ 500 ละลายทรัพย์ ให้ผ่านนั้น นอกจากไม่เกิดความปรองดอง ยังจะก่อวิกฤติรอบใหม่เป็นการเผชิญหน้าของมวลชน
แน่นอน ถ้ามีประชาชนคัดค้านข้อเสนอ จะมีมวลชนเผ่าเสื้อแดงออกมาสำแดงพลังข่มขู่คุกคาม ใช้กำลังทำร้ายฝ่ายตรงข้ามด้วยความย่ามใจ ก่อการจลาจล เผาบ้านเผาเมืองเหมือนในเดือนเมษายน 2552 และเมษายน-พฤษภาคม 2553
ครั้งนี้เป็นฝ่ายรัฐบาลซีกอำนาจของเหลี่ยมร้าย มีตำรวจ อัยการ และตุลาการแดงบางส่วนเป็นกำลังหนุน ความฮึกเหิมย่อมต้องมีมากกว่ามิคสัญญี 2 ครั้งก่อนแน่นอน
การเร่งผ่านกฎหมายปรองดองอยู่ในช่วงเมษายน ก่อนสภาฯ ปิดสมัยประชุม เพื่อไม่ให้กลุ่มขี้คุกเดนตะราง อาชญากรในคราบนักการเมืองถูกดำเนินคดีโดยไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เพราะเป้าหมายของการปรองดองคือการนิรโทษกรรมให้เหลี่ยมร้ายชัดๆ
เครือข่ายอาชญากร ผีโม่แป้ง ทุรชนสารพัด ต้องคดีอาญาได้รับอานิสงค์ ปลอดจากโทษ จะได้เริงร่า มีอิสระในการก่อกรรมทำเข็ญปล้นสะดมบ้านเมืองรอบใหม่ เหลี่ยมร้ายได้รับประโยชน์เต็มๆ หลุดจากโทษ ได้ 4.6 หมื่นล้านบาทคืนเป็นของขวัญ
อะไรมันจะง่ายดาย สะดวกสบายปานนั้น? ถ้าทำสำเร็จ การปรองดองโดย “สนธิ บัง” เป็นหัวหอกจะเป็นการแปรสภาพรัฐไทยให้เป็นรัฐล้มเหลวแบบบูรณาการ ตกอยู่ภายไต้อิทธิพลอุ้งตีนเหลี่ยมร้าย โดยมีเครือข่ายกุมชะตากรรมบ้านเมืองจนวิบัติล่มจม
แก้ไขรัฐธรรมนูญ โละทิ้งศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ นิรโทษกรรมเหลี่ยมได้แล้ว จะเกิดระบบอนาธิปไตย กฎหมายสิ้นสภาพ บ้านเมืองไร้ขื่อแป อาชญากรการเมือง ชนเผ่าเสื้อแดงจะอหังการ เปลี่ยนรัฐไทยให้ “แดงทั้งแผ่นดิน”
เหลี่ยมร้ายและเครือข่ายผีโม่แป้งผยอง ลำพอง นึกว่าจะทำได้จริงๆ! ไม่เช่นนั้นคงไม่บีบให้ “สนธิ บัง” และทาสเงินในวงการต่างๆ ผลักดัน และดันทุรัง ให้แผนปรองดองบรรลุผล แบบหน้ามืดตามัว! ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะนำไปสู่การแตกหัก หลังจากการประลองพลัง
“บิ๊กบัง” น่าจะรู้ตัวว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงในการเป็นประธาน เพราะตัวเองเป็นสาเหตุหนึ่งของความขัดแย้ง! เป็นผู้เกี่ยวข้อง มีผลประโยชน์ ต้องการหาทางลง ยอมสยบปรองดองกับเหลี่ยมร้าย ถูกมองว่ารับงานเพื่อให้รอดจากการล้างแค้น
ใครก็รู้ว่าเหลี่ยมร้ายเป็นสุดยอดแห่งเจ้าคิด เจ้าแค้น จอมอาฆาต ไม่ต้องฝังหุ่น!
ช่วงนี้เหมาะเจาะให้พวกผีโม่แป้งแอบแฝงและเปิดเผย ได้ออกมาร่วมมือกันทำงานสำคัญให้เหลี่ยมร้ายอย่างมั่นใจว่าไม่มีใคร และอำนาจใดๆ กล้าขวาง! มีอำนาจรัฐ กลไกกฎหมายเกื้อหนุน ชาวบ้านธรรมดาหรือจะบังอาจต่อต้าน?!
ไม่คล่องคอเหมือนหยิบโรตีจุ่มแกงกะหรี่ ตักข้าวหมกแพะใส่ปากมั้ง ท่านบิ๊กบัง!? การอ้างเสียง 15 ล้านคนพร่ำเพรื่อ ใช้พลังโหด เถื่อน ถ่อยของชนเผ่าเสื้อแดงคุกคามผู้อื่นนั้น ทำไม่ได้ทุกครั้ง! ถึงจุดหนึ่งแล้ว ไม่มีใครกลัวใครหรอก
การชุมนุมสำแดงพลังด้วยเงินคนชั่วนั้น จะสู้ความรักชาติด้วยจิตสำนึกดีได้หรือ? ประวัติศาสตร์การต่อสู้ในหลายประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นสัจธรรมในสิ่งนี้โดยตลอด ธรรมะชนะอธรรมแน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็ว ตามระยะวิบากกรรมของบ้านเมือง!
โหราจารย์ หมอดู กูรู กูรู้ สู่รู้ ได้ทำนาย คาดเดา ตั้งแต่ปีก่อนว่าเมืองไทยจะเกิดวิกฤติการเมืองรุนแรง ฆ่าล้างผลาญ เป็นฉากสุดท้ายก่อนพ้นจากมิคสัญญี ยุคเข็ญ ก้าวสู่สังคมเปี่ยมด้วยธรรม หลังจากขบวนการชั่วร้ายถูกจัดการ! เพ้อฝันหรือ??
ทุกวันนี้มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดวิกฤติ การหักดิบ ยัดเยียดความปรองดอง โดยฝ่ายหนึ่งไม่เต็มใจ ปราศจากความเป็นธรรม ย่อมสร้างพลังแค้นเคืองต่อการผยองอำนาจ
ยิ่งได้ฟังคำพูดโดยสรุปของ พล อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมต. กลาโหม เพื่อนซี้เหลี่ยมร้ายด้วยแล้ว เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นความดันทุรัง ไม่ฟังเสียงข้างน้อย
โปรยหัวข่าวของ ASTVผู้จัดการบอกว่า “สุกำพล” ไม่มั่นใจแนวทางปรองดองของ “พล.อ.สนธิ” ตามผลวิจัยสถาบันพระปกเกล้าจะได้ผล แต่ยังอ้างว่าความปรองดองไม่จำเป็นต้องให้ทุกฝ่ายเห็นพ้อง แต่ต้องยึดตามเสียงส่วนใหญ่! การไม่เอาผิดคนเผาบ้าน เผาเมืองนั้น ต้องย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของปัญหา
ลืมคิดไปว่าเสียงส่วนใหญ่ หรือมติมหาชนนั้น ไม่ถูกต้องเสมอไป!
ขณะนี้ข้อสรุปของผีโม่แป้ง ทาสเงินเหลี่ยมร้ายในคณะ องค์กรต่างๆ บอกว่าการรัฐประหารโดย “บิ๊กบัง” เป็นการเริ่มต้นของปัญหา! ตัดตอนง่ายๆ! ไม่บอกว่าพฤติกรรมเหลี่ยมร้ายต่างหากที่ทำให้วิกฤติบ้านเมืองไร้ทางออกโดยวิถีปกติ ต้องใช้การรัฐประหาร
เหลี่ยมร้ายฝันหวาน คิดการใหญ่ จะพ้นโทษอาญาพร้อมเครือข่าย! นี่เป็นการเอาแต่ได้ ลืมบทท่องจำของตัวเองว่าทุกฝ่ายควรได้แบบ “win win” แต่การดันทุรัง กดหัวฝ่ายอื่นให้ยอมรับการปรองดองแบบข่มเขาโคขืนให้กินหญ้านั้น เป็น zero sum game
มีฝ่ายหนึ่งได้ อีกฝ่ายต้องยอมรับความสูญเสีย! แบบนี้ใครจะยอม?
เอาเถอะ! รอดูต่อไปว่าการดันทุรังจะลงเอยแบบไหน เลือดนองท้องช้างหรือจะมีใครต้องระหกระเหินไร้แผ่นดิน แถมยังต้องกระเตงคนอื่นๆ ตามไปด้วยทั้งโคตร!
ใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ ช่วงเวลาของวิกฤติ จลาจล เลือดตกยางออก เหมือนปี 2552-2553 แล้ว ปีนี้นางสงกรานต์ มีนามว่า กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำว้า หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร (นอนลืมตา) มาเหนือหลังมหิงส์ (กระบือ) เป็นพาหนะ
ไม่ใช่นารีหน้าขาวขี่หลังควายแดงนะ!
ทำนายว่าฝนต้นปีจะมีมาก กลางปีงามแต่ปลายปีน้อย เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในไร่นา จะเกิด กิมิชาติ คือ มีด้วงแมลงรบกวน ข้าวกล้า จะได้ผล ๑ ส่วน เสีย ๕ ส่วน บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม มีไฟกลางเมือง
นอกจากนี้ยังทำนายว่า “พระมหาษัตริย์จะรุ่งเรืองด้วยพระเดชานุภาพ และมีชัยชนะแก่ศัตรูทุกทิศทั้งปวง ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข”
คำทำนายจะแม่นยำหรือไม่ ต้องรอพิสูจน์! แต่อะไรๆ ทำไมดูประจวบเหมาะ โป๊ะเช๊ะ! หรือนั่นจะเป็นจุดจบของคนบาปหนา หยาบช้า สุมหัวอกด้วยไฟกิเลสตัณหา อวิชชา กล้าฝืนชะตากรรมจริงๆ? หลังจากย่ำยีบ้านเมืองจนเกือบวิบัติล่มจมหลายครั้ง