โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
คู่แฝด มีทั้งที่เหมือนกันและไม่เหมือนกัน
“อี๊ด-ยิ่งยง โอภากุล” กับ “แอ๊ด-ยืนยง โอภากุล” เป็น 2 พี่น้องฝาแฝด ที่แม้หน้าตาไม่เหมือนกันยังกับแกะ แต่ก็เหมือนกันชนิดที่หากมองผ่านๆแล้วอาจทำให้ใครหลายคนทักผิดฝาผิดตัวได้
ทั้งคู่คือฝาแฝดแห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต ที่เคยผลงานร่วมกันออกมา 2 ชุดคือ “พฤษภา”และ “นักสู้ภร”
มาวันนี้อี๊ดกับแอ๊ดมีผลงานออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ผลงานเพลงที่ทั้งคู่ทำร่วมกัน หากแต่เป็นผลงานเดี่ยวของแต่ละคน
เป็น 2 อัลบั้มที่มีความเหมือนและความต่างกันพอสมควร
ที่สำคัญคือเราได้เห็นวิวาทะผ่านบทเพลงที่แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นฝาแฝดกัน แต่ทั้ง 2 คนต่างก็มีทัศนคติ และจุดยืนทางความคิดที่แตกต่างกันไม่น้อย
อี๊ด-ทุยพันธุ์แท้
หลังออกอัลบั้มนักสู้ภูธรกับแอ๊ดแฝดน้อง น้าอี๊ดว่างเว้นจากการออกอัลบั้มไปหลายปี จนเมื่อปี พ.ศ. 2553 เขากลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม “ควายธนู” ที่มีบทเพลงอัดแน่นถึง 24 เพลง ใน 2 ซีดี
จากนั้นอี๊ดก็ได้รับนิคเนมจากแฟนเพลงว่า “อี๊ด ควายธนู”
ดูเหมือนอี๊ดกับควายจะถูกโฉลกกันไม่น้อย เพราะอีกประมาณปีกว่าๆเขาได้เดินหน้ามากับควายอีกครั้งในอัลบั้มล่าสุด “ทุยพันธุ์แท้” ที่หน้าปกเป็นรูปควายแดงมีนกเอี้ยงเกาะ
แน่นอนว่าหน้าปกควายแดงแบบนี้ด้านหนึ่งย่อมแสลงใจใครและใครอีกหลายคน แต่อีกด้านหนึ่งก็ย่อมสะใจใครและใครอีกหลายคนเช่นกัน
ทุยพันธุ์แท้เป็นผลงานเดี่ยวลำดับที่ 7 ของน้าอี๊ด โอภากุล งานนี้เขาเหมาทำเองเกือบหมดทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง เล่นดนตรี เรียบเรียง โปรดิวซ์ โดยมีโรจน์ ภควัน มาเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมและช่วยเล่นเบส คีย์บอร์ด ให้อีกแรง
ทุยพันธุ์แท้ มีทั้งหมด 12 เพลง เปิดตัวกันด้วยเพลง“ทุยพันธุ์แท้” เป็นร็อกสนุกๆสะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทย ว่าด้วยกฎหมายที่อ่อนและล้าสมัย ซึ่งน้าอี๊ดเขียนความในใจไว้ชัดเจนว่ากฎหมายบ้านเราควรปรับปรุงได้แล้ว ย้ำนะครับว่าน้าอี๊ดแกอยากให้แก้กฎหมาย ไม่ใช่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ในขณะที่ตัวผมเห็นต่างกับน้าแกนิดนึงว่ากฎหมายส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้นดีแล้ว แต่ไอ้คนบังคับใช้กฎหมายสีกากีนี่สิ ต้องแก้ต้องรื้อระบบกันขนานใหญ่เลยทีเดียว
ถัดมาเป็นเพลง “ขนมต้ม” เป็นร็อกโจ๊ะๆ ฟังผ่านๆเหมือนเป็นเพลงสดุดีสุดยอดมวยไทยนายขนมต้ม แต่ถ้าฟังให้ลึกนี่คือบทเพลงเตือนใจให้คนรักชาติ ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะในท่อนเนื้อร้อง พร้อมกับมีเนื้อร้องแสบๆคันๆอย่างเช่น “หลงลืมความเป็นไทยคลั่งไคล้คือต่างชาติ จะชาตินี้ ชาติไหน โง่งี่เง่าคือเจ้านาย ชาตินิยมไทยๆ แค่สหประชาชาติ จะชาตินี้ ชาติไหน นักการเมืองไม่จริงใจ ชาตินิยมไทยๆ ไม่เหลืออะไรซักชาติ”
ต่อกันด้วย “ดาวไฮเปอร์” มาในท่วงทำนองลูกทุ่งๆ เนื้อเพลงจิกกัด นช.เหลี่ยมร้ายได้แสบกึ๋นไม่เบา แถมยังหยิบโน่นมาผสมนี่ที่เกี่ยวกับนายเหลี่ยมร้ายได้อย่างน่าฟัง ดังตัวอย่าง “เดือนต่ำดาวตก นรกมีจริง ฉันทำทุกสิ่งเพื่อได้กลับมา...” ฟังแล้วแสบดีทีเดียว
ส่วน “ปูแดง” เพลงสนุกๆ ยิงไปยังนายกปูแดงทวงถามนโยบายต่างๆของเจ๊ปูแดงตามที่เคยสัญญิงสัญญาไว้ก่อนหาเสียง เนื้อเพลงนี้มีเนื้อหาง่ายๆ ใช้ภาษาง่ายๆ แบบแตะๆไม่ด่า ไม่เสียดสี ฟังเป็นกลางๆ แต่น่าแปลกที่บรรดาองครักษ์พิทักษ์ปูแดงในยูทูปออกอาการดิ้นพล่านกันเป็นควายถูกขี้เถ้าเลยทีเดียว
นอกจาก 4 เพลงเด่นในช่วงครึ่งแรกของอัลบั้มแล้วในชุดนี้ยังมีเพลงชวนฟัง อาทิ “คนจริง” เพลงช้าๆเนื้อหารันทดใจ, “ขงเบ้งอกหัก” ชื่อเพลงเดาไม่ยากว่าแอบด่าใคร ส่วนเนื้อเพลงนั้นว่าด้วยเรื่องของคนอกหักที่มีการนำภาษาในนิยายจีนกำลังภายในมาผสมผสานได้ดีทีเดียว,
“บัวมนุษย์”,”ดอกหญ้า” และ “ยุบหนอ พองหนอ” 3 เพลงเพราะกับเนื้อหาสอนใจมีปรัชญาแอบแฝง ออกแนวธรรมมะนิดๆ ส่วน “ควายจริงใจ” จะฟังเป็นเพลงรักที่ควายจริงใจอย่างฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ หรืออาจจะฟังแบบหูหาเรื่อง ตีความว่ามีนัยยะต้องการแดกใครก็ได้เหมือนกัน เพราะเนื้อร้องบางท่อนมันชวนให้คิดไม่น้อย ดังเช่น “แม้มันจะเหนื่อย แม้ฉันจะหนัก แต่เธอไม่รู้จักวิญญาณคน ให้แลกทั้งชีวิต สนตะพายตัวตน เพียงเพื่อเหตุผล ลาภยศสรรเสริญบารมี ควายยังมีศักดิ์ศรี แม้ไม่มีปัญญา ควายไถดำทำนา ไม่มีมารยาสาไถ...”
และนั่นก็ครือบทเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มทุยพันธุ์แท้ อัลบั้มที่โทนโดยรวมเป็นงานเพลงในสไตล์ร็อก,คันทรีร็อกสนุกๆ คั่นสลับอารมณ์ด้วยเพลงช้าๆ เนื้อเพลงใช้ภาษาง่ายๆ บางเพลงอาจฟังท่อๆไม่สละสลวย แต่ก็มีเนื้อหาพูดถึงเรื่องหลากหลายทั้งความรัก ปรัชญาคติธรรม การใช้ชีวิต บทเพลงรักชาติ
รวมไปถึงบทเพลงเสียดสีการเมืองที่แม้จะไม่ใช่หมัดฮุกหรือหมัดอัปเปอร์คัตต่อยหนักๆ แต่ก็เป็นหมัดแย็บที่คมคายใช้ได้ทีเดียว
แอ๊ด-กันชนหมา
จากแฝดพี่มาถึงงานเดี่ยวของแฝดน้อง ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว กันบ้าง
น้าแอ๊ดมากับอัลบั้มใหม่ในชื่อ “กันชนหมา” ที่หน้าปกเป็นรูปหัวใจครึ่งซีกซ้ายเป็นรูปหน้า ครึ่งซีกขวาเป็นรูปหน้าน้าแอ๊ด
กันชนหมา เป็นอัลบั้มที่น้าแอ๊ดพยายามจะฉีกหนีไปจากความเป็นคาราบาวอยู่พอตัว เพราะหลังจากการร่วมกันทำเพลงของน้าแอ๊ดกับน้าทิวา สาระจูฑะ และสหายดนตรี ในชุด “ซึม เศร้า เหงา แฮงก์”ในครั้งนั้น มันมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในงานเพลงของน้าแอ๊ดในชุดหลังๆอยู่พอตัว
อัลบั้มนี้หนึ่งในความพยายามสลัดกลิ่นคาราบาวก็คือ น้าแอ๊ดเลือกที่จะไม่ใช่วงคาราบาวมาแบ๊คอัพ หากแต่เลือกทีมสหายดนตรีที่มีคนของคาราบาวอยู่คนเดียวคือ “หมี คาราบาว”(ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ)ที่มารับหน้าที่เล่นเพดัล สตีลกับโดโบร ส่วนเพื่อนพ้องดนตรีคนอื่นก็มี “ป็อบ เดอะซัน” กีตาร์โซโล่, “อี๊ด ไวโอลิน”(สุวรรณ มโนษร) ยอดมือไวโอลินแห่งวง ลีลาวดี ควอร์เต็ท ที่ฝากฝีไม้ลายมือไว้กับนักร้องนักดนตรีมากมาย, “อ๊อด อ่างทอง” กลอง(โปรแกรม) เบส คีย์บอร์ด และที่เหลือรับเหมาโดยน้าแอ๊ด ทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ร้องนำ ร้องประสาน เล่นกีตาร์ ฮาร์โมนิก้า และโปรดิวซ์
กันชนหมา มีทั้งหมด 11 เพลง เปิดตัวด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มคือ “กันชนหมา” ดนตรีเป็นอะคูสติกฟังสบายในซาวนด์ย้อนยุค มีเสียงสไลด์เล่นคลอไปตลอด เนื้อหาติดเศร้านิดๆว่าด้วยหมาของน้าแอ๊ดถูกรถชน แต่นี่ถือเป็นความเก่งของแกที่สามารถหยิบเรื่องราวทั่วๆไปมาแต่งเป็นเพลงได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วหมาที่ถูกรถชนดันถูกเจ้าของรถใส่ความว่าผิด แถมยังขอค่ากันชนที่หมาวิ่งชนจนแตกอีกต่างหาก
“เป็นไปได้ไหม” เนื้อเพลงอนุรักษ์ โหยหาความงามในอดีต มีเสียงฮาร์โมนิก้า เป่าสร้างสีสันในหลายช่วงหลายตอน, “บ่อเยี่ยะโจ่ย” บทเพลงไทยในชื่อภาษาจีนหมายถึง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เนื้อเพลงก็ว่าตามนั้น เตือนใจแบบคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ว่าอย่าให้เราทุกข์กังวลต่อปัญหาต่างๆ
“ใจตามน้ำ” เพลงฟังสบาย ขึ้นต้นมาได้เท่มา เสียงไวโอลินหวานๆนำมาแล้วต่อด้วยเสียงผิวปากชวนฟัง ว่าด้วยหลังน้ำท่วม “น้ำไหลไป ใจไหลตาม โลกที่งดงาม อยู่ในใจคุณ” เพลงนี้เนื้อหามองโลกในแง่ดีผิดกับน้าแอ๊ดในสมัยหนุ่มๆเยอะเลย
“บาร์กู” เป็นอะคูสติกโจ๊ะๆ ที่บนเวทีคอนเสิร์ตสามารถเล่นไป 3 ช่าได้อย่างไม่ยากเย็น เสน่ห์ของเพลงนี้อยู่ที่การเล่าเรื่องและการเล่นคำ “บาเกียวไม่เกี่ยวนี่มันบาร์กู บาร์กูใครมาเบี้ยวมันต้องเกี่ยวกับกู บาร์กูก้บาร์กู ปาเกียวก็ปาเกียว มึงไม่มาเบี้ยว มันก็ไม่เกี่ยวกับกู”
เพลงนี้นอกจากจะเจ๋งแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านการเขียนเพลง การเล่นคำ และการหยิบยกเรื่องราวที่หลายๆคนมองผ่านมานำเสนอเป็นบทเพลงสนุกๆ ซึ่งในยุคหลังๆน้าแอ๊ดขาดแคลนบทเพลงแบบนี้อยู่มากหลาย
ด้าน “แทนที่เธอ” เพลงรักเนื้อหาค่อนข้างจืดถ้าเทียบกับฝีมือระดับน้าแอ๊ด ขณะที่เพลง “รับได้เปล่า”ในแทรคที่ 8 เพลงนี้ฟังไม่ค่อยเข้าพวกเท่าไหร่ แถมยังฟังเป็นบทเพลงเจ้าปัญหา เพราะเป็นการวิวาทะผ่านบทเพลง ที่แฝดน้องส่งสาส์นถึงแฝดพี่ในเรื่องความคิด ทัศนคติที่แตกต่าง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นการการเมืองนั่นเอง
ในท่อนจบน้าแอ๊ดเขียนเนื้อค่อนข้างแรงทีเดียว “เห็นว่าฉันเป็นใครในตาขวา หรือว่าฉันเป็นไอ้หมาในสายตาคุณ เห็นว่าฉันเป็นใครในตาซ้าย หรือเห็นฉันเป็นไอ้ควายในสายตาคุณ...”
สำหรับเพลงนี้เมื่อผมฟังจบ แล้วย้อนไปดูชื่อและปกอัลบั้มทุยพันธุ์แท้ เออมันมีเค้าหลายอยู่นะ
ส่วน“แสงทองส่องทาง”เป็นบทเพลงกลิ่นการเมือง ที่น้าแอ๊ดเลือกที่จะหยิบผลจากแก๊สน้ำตาห่ากระสุนปืนมานำเสนอ โดยไม่พยายามที่จะพูดถึงเหตุว่าเหตุการณ์นี้มันมีที่มาจากอะไร ใครถูกใครผิด ใครใช้กฎหมู่ไม่เคารพกฎหมาย ทำลายหลักนิติรัฐ และใครถูกเขาหลอกให้มาตายแทน
และนั่นก็เป็นบทเพลงส่วนใหญ่ใน “กันชนหมา” อัลบั้มชุดใหม่ของแอ๊ด คาราบาว ที่สามารถฉีกแนวดนตรีไปตามทางเดิมๆของคาราบาวและตัวเขาได้ดีทีเดียว เป็นงานสไตล์คันทรี-โฟล์คร็อก เน้นซุ่มเสียงแบบอะคูสติก ไม่ซับซ้อน มีเนื้อหาหลากหลาย ทั้งสนุกขำๆ เสียดสี หลอกด่า การเมือง ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
ด้านเนื้อเพลงเน้นการเล่าเรื่องและการบอกเล่าสถานการณ์ร่วมสมัยตามลูกเก่งและสไตล์ถนัดของน้าแอ๊ด ส่วนในเรื่องของภาษาอันสละสลวย การใช้สัมผัส ที่เคยเป็นจุดเด่นของน้าแอ๊ด ดูด้อยถอยลงไป ซึ่งโดยรวมแล้วนี่เป็นอัลบั้มที่เนื้อหาไม่หนัก ดนตรีฟังสบาย เพลินหู และค่อนข้างไหลรื่น นับเป็นอัลบั้มเหมาะสำหรับคนที่คิดถึงน้าแอ๊ดได้เป็นอย่างดี
***********************************************************
คอนเสิร์ต
มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ชวนชมฟรี คอนเสิร์ต “คุณธรรมนำปัญญา ครั้งที่ 4” ในวันอังคารที่ 27 มีนาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 13.00 - 14.30 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา) ภายในคอนเสิร์ตมีการแสดงจาก วงดร.แซ็กแชมเบอร์ออร์เคสตร้า, วงโฮป แฟมิลี่,วงสองวัย อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ โก้ มิสเตอร์แซกแมน ผู้สนใจ ติดต่อรับบัตรชมคอนเสิร์ตฟรี ได้ที่หมายเลข 02-884-8333 - 4
คู่แฝด มีทั้งที่เหมือนกันและไม่เหมือนกัน
“อี๊ด-ยิ่งยง โอภากุล” กับ “แอ๊ด-ยืนยง โอภากุล” เป็น 2 พี่น้องฝาแฝด ที่แม้หน้าตาไม่เหมือนกันยังกับแกะ แต่ก็เหมือนกันชนิดที่หากมองผ่านๆแล้วอาจทำให้ใครหลายคนทักผิดฝาผิดตัวได้
ทั้งคู่คือฝาแฝดแห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต ที่เคยผลงานร่วมกันออกมา 2 ชุดคือ “พฤษภา”และ “นักสู้ภร”
มาวันนี้อี๊ดกับแอ๊ดมีผลงานออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ผลงานเพลงที่ทั้งคู่ทำร่วมกัน หากแต่เป็นผลงานเดี่ยวของแต่ละคน
เป็น 2 อัลบั้มที่มีความเหมือนและความต่างกันพอสมควร
ที่สำคัญคือเราได้เห็นวิวาทะผ่านบทเพลงที่แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นฝาแฝดกัน แต่ทั้ง 2 คนต่างก็มีทัศนคติ และจุดยืนทางความคิดที่แตกต่างกันไม่น้อย
อี๊ด-ทุยพันธุ์แท้
หลังออกอัลบั้มนักสู้ภูธรกับแอ๊ดแฝดน้อง น้าอี๊ดว่างเว้นจากการออกอัลบั้มไปหลายปี จนเมื่อปี พ.ศ. 2553 เขากลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม “ควายธนู” ที่มีบทเพลงอัดแน่นถึง 24 เพลง ใน 2 ซีดี
จากนั้นอี๊ดก็ได้รับนิคเนมจากแฟนเพลงว่า “อี๊ด ควายธนู”
ดูเหมือนอี๊ดกับควายจะถูกโฉลกกันไม่น้อย เพราะอีกประมาณปีกว่าๆเขาได้เดินหน้ามากับควายอีกครั้งในอัลบั้มล่าสุด “ทุยพันธุ์แท้” ที่หน้าปกเป็นรูปควายแดงมีนกเอี้ยงเกาะ
แน่นอนว่าหน้าปกควายแดงแบบนี้ด้านหนึ่งย่อมแสลงใจใครและใครอีกหลายคน แต่อีกด้านหนึ่งก็ย่อมสะใจใครและใครอีกหลายคนเช่นกัน
ทุยพันธุ์แท้เป็นผลงานเดี่ยวลำดับที่ 7 ของน้าอี๊ด โอภากุล งานนี้เขาเหมาทำเองเกือบหมดทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง เล่นดนตรี เรียบเรียง โปรดิวซ์ โดยมีโรจน์ ภควัน มาเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมและช่วยเล่นเบส คีย์บอร์ด ให้อีกแรง
ทุยพันธุ์แท้ มีทั้งหมด 12 เพลง เปิดตัวกันด้วยเพลง“ทุยพันธุ์แท้” เป็นร็อกสนุกๆสะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทย ว่าด้วยกฎหมายที่อ่อนและล้าสมัย ซึ่งน้าอี๊ดเขียนความในใจไว้ชัดเจนว่ากฎหมายบ้านเราควรปรับปรุงได้แล้ว ย้ำนะครับว่าน้าอี๊ดแกอยากให้แก้กฎหมาย ไม่ใช่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ในขณะที่ตัวผมเห็นต่างกับน้าแกนิดนึงว่ากฎหมายส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้นดีแล้ว แต่ไอ้คนบังคับใช้กฎหมายสีกากีนี่สิ ต้องแก้ต้องรื้อระบบกันขนานใหญ่เลยทีเดียว
ถัดมาเป็นเพลง “ขนมต้ม” เป็นร็อกโจ๊ะๆ ฟังผ่านๆเหมือนเป็นเพลงสดุดีสุดยอดมวยไทยนายขนมต้ม แต่ถ้าฟังให้ลึกนี่คือบทเพลงเตือนใจให้คนรักชาติ ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะในท่อนเนื้อร้อง พร้อมกับมีเนื้อร้องแสบๆคันๆอย่างเช่น “หลงลืมความเป็นไทยคลั่งไคล้คือต่างชาติ จะชาตินี้ ชาติไหน โง่งี่เง่าคือเจ้านาย ชาตินิยมไทยๆ แค่สหประชาชาติ จะชาตินี้ ชาติไหน นักการเมืองไม่จริงใจ ชาตินิยมไทยๆ ไม่เหลืออะไรซักชาติ”
ต่อกันด้วย “ดาวไฮเปอร์” มาในท่วงทำนองลูกทุ่งๆ เนื้อเพลงจิกกัด นช.เหลี่ยมร้ายได้แสบกึ๋นไม่เบา แถมยังหยิบโน่นมาผสมนี่ที่เกี่ยวกับนายเหลี่ยมร้ายได้อย่างน่าฟัง ดังตัวอย่าง “เดือนต่ำดาวตก นรกมีจริง ฉันทำทุกสิ่งเพื่อได้กลับมา...” ฟังแล้วแสบดีทีเดียว
ส่วน “ปูแดง” เพลงสนุกๆ ยิงไปยังนายกปูแดงทวงถามนโยบายต่างๆของเจ๊ปูแดงตามที่เคยสัญญิงสัญญาไว้ก่อนหาเสียง เนื้อเพลงนี้มีเนื้อหาง่ายๆ ใช้ภาษาง่ายๆ แบบแตะๆไม่ด่า ไม่เสียดสี ฟังเป็นกลางๆ แต่น่าแปลกที่บรรดาองครักษ์พิทักษ์ปูแดงในยูทูปออกอาการดิ้นพล่านกันเป็นควายถูกขี้เถ้าเลยทีเดียว
นอกจาก 4 เพลงเด่นในช่วงครึ่งแรกของอัลบั้มแล้วในชุดนี้ยังมีเพลงชวนฟัง อาทิ “คนจริง” เพลงช้าๆเนื้อหารันทดใจ, “ขงเบ้งอกหัก” ชื่อเพลงเดาไม่ยากว่าแอบด่าใคร ส่วนเนื้อเพลงนั้นว่าด้วยเรื่องของคนอกหักที่มีการนำภาษาในนิยายจีนกำลังภายในมาผสมผสานได้ดีทีเดียว,
“บัวมนุษย์”,”ดอกหญ้า” และ “ยุบหนอ พองหนอ” 3 เพลงเพราะกับเนื้อหาสอนใจมีปรัชญาแอบแฝง ออกแนวธรรมมะนิดๆ ส่วน “ควายจริงใจ” จะฟังเป็นเพลงรักที่ควายจริงใจอย่างฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ หรืออาจจะฟังแบบหูหาเรื่อง ตีความว่ามีนัยยะต้องการแดกใครก็ได้เหมือนกัน เพราะเนื้อร้องบางท่อนมันชวนให้คิดไม่น้อย ดังเช่น “แม้มันจะเหนื่อย แม้ฉันจะหนัก แต่เธอไม่รู้จักวิญญาณคน ให้แลกทั้งชีวิต สนตะพายตัวตน เพียงเพื่อเหตุผล ลาภยศสรรเสริญบารมี ควายยังมีศักดิ์ศรี แม้ไม่มีปัญญา ควายไถดำทำนา ไม่มีมารยาสาไถ...”
และนั่นก็ครือบทเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มทุยพันธุ์แท้ อัลบั้มที่โทนโดยรวมเป็นงานเพลงในสไตล์ร็อก,คันทรีร็อกสนุกๆ คั่นสลับอารมณ์ด้วยเพลงช้าๆ เนื้อเพลงใช้ภาษาง่ายๆ บางเพลงอาจฟังท่อๆไม่สละสลวย แต่ก็มีเนื้อหาพูดถึงเรื่องหลากหลายทั้งความรัก ปรัชญาคติธรรม การใช้ชีวิต บทเพลงรักชาติ
รวมไปถึงบทเพลงเสียดสีการเมืองที่แม้จะไม่ใช่หมัดฮุกหรือหมัดอัปเปอร์คัตต่อยหนักๆ แต่ก็เป็นหมัดแย็บที่คมคายใช้ได้ทีเดียว
แอ๊ด-กันชนหมา
จากแฝดพี่มาถึงงานเดี่ยวของแฝดน้อง ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว กันบ้าง
น้าแอ๊ดมากับอัลบั้มใหม่ในชื่อ “กันชนหมา” ที่หน้าปกเป็นรูปหัวใจครึ่งซีกซ้ายเป็นรูปหน้า ครึ่งซีกขวาเป็นรูปหน้าน้าแอ๊ด
กันชนหมา เป็นอัลบั้มที่น้าแอ๊ดพยายามจะฉีกหนีไปจากความเป็นคาราบาวอยู่พอตัว เพราะหลังจากการร่วมกันทำเพลงของน้าแอ๊ดกับน้าทิวา สาระจูฑะ และสหายดนตรี ในชุด “ซึม เศร้า เหงา แฮงก์”ในครั้งนั้น มันมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในงานเพลงของน้าแอ๊ดในชุดหลังๆอยู่พอตัว
อัลบั้มนี้หนึ่งในความพยายามสลัดกลิ่นคาราบาวก็คือ น้าแอ๊ดเลือกที่จะไม่ใช่วงคาราบาวมาแบ๊คอัพ หากแต่เลือกทีมสหายดนตรีที่มีคนของคาราบาวอยู่คนเดียวคือ “หมี คาราบาว”(ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ)ที่มารับหน้าที่เล่นเพดัล สตีลกับโดโบร ส่วนเพื่อนพ้องดนตรีคนอื่นก็มี “ป็อบ เดอะซัน” กีตาร์โซโล่, “อี๊ด ไวโอลิน”(สุวรรณ มโนษร) ยอดมือไวโอลินแห่งวง ลีลาวดี ควอร์เต็ท ที่ฝากฝีไม้ลายมือไว้กับนักร้องนักดนตรีมากมาย, “อ๊อด อ่างทอง” กลอง(โปรแกรม) เบส คีย์บอร์ด และที่เหลือรับเหมาโดยน้าแอ๊ด ทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ร้องนำ ร้องประสาน เล่นกีตาร์ ฮาร์โมนิก้า และโปรดิวซ์
กันชนหมา มีทั้งหมด 11 เพลง เปิดตัวด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มคือ “กันชนหมา” ดนตรีเป็นอะคูสติกฟังสบายในซาวนด์ย้อนยุค มีเสียงสไลด์เล่นคลอไปตลอด เนื้อหาติดเศร้านิดๆว่าด้วยหมาของน้าแอ๊ดถูกรถชน แต่นี่ถือเป็นความเก่งของแกที่สามารถหยิบเรื่องราวทั่วๆไปมาแต่งเป็นเพลงได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วหมาที่ถูกรถชนดันถูกเจ้าของรถใส่ความว่าผิด แถมยังขอค่ากันชนที่หมาวิ่งชนจนแตกอีกต่างหาก
“เป็นไปได้ไหม” เนื้อเพลงอนุรักษ์ โหยหาความงามในอดีต มีเสียงฮาร์โมนิก้า เป่าสร้างสีสันในหลายช่วงหลายตอน, “บ่อเยี่ยะโจ่ย” บทเพลงไทยในชื่อภาษาจีนหมายถึง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เนื้อเพลงก็ว่าตามนั้น เตือนใจแบบคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ว่าอย่าให้เราทุกข์กังวลต่อปัญหาต่างๆ
“ใจตามน้ำ” เพลงฟังสบาย ขึ้นต้นมาได้เท่มา เสียงไวโอลินหวานๆนำมาแล้วต่อด้วยเสียงผิวปากชวนฟัง ว่าด้วยหลังน้ำท่วม “น้ำไหลไป ใจไหลตาม โลกที่งดงาม อยู่ในใจคุณ” เพลงนี้เนื้อหามองโลกในแง่ดีผิดกับน้าแอ๊ดในสมัยหนุ่มๆเยอะเลย
“บาร์กู” เป็นอะคูสติกโจ๊ะๆ ที่บนเวทีคอนเสิร์ตสามารถเล่นไป 3 ช่าได้อย่างไม่ยากเย็น เสน่ห์ของเพลงนี้อยู่ที่การเล่าเรื่องและการเล่นคำ “บาเกียวไม่เกี่ยวนี่มันบาร์กู บาร์กูใครมาเบี้ยวมันต้องเกี่ยวกับกู บาร์กูก้บาร์กู ปาเกียวก็ปาเกียว มึงไม่มาเบี้ยว มันก็ไม่เกี่ยวกับกู”
เพลงนี้นอกจากจะเจ๋งแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านการเขียนเพลง การเล่นคำ และการหยิบยกเรื่องราวที่หลายๆคนมองผ่านมานำเสนอเป็นบทเพลงสนุกๆ ซึ่งในยุคหลังๆน้าแอ๊ดขาดแคลนบทเพลงแบบนี้อยู่มากหลาย
ด้าน “แทนที่เธอ” เพลงรักเนื้อหาค่อนข้างจืดถ้าเทียบกับฝีมือระดับน้าแอ๊ด ขณะที่เพลง “รับได้เปล่า”ในแทรคที่ 8 เพลงนี้ฟังไม่ค่อยเข้าพวกเท่าไหร่ แถมยังฟังเป็นบทเพลงเจ้าปัญหา เพราะเป็นการวิวาทะผ่านบทเพลง ที่แฝดน้องส่งสาส์นถึงแฝดพี่ในเรื่องความคิด ทัศนคติที่แตกต่าง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นการการเมืองนั่นเอง
ในท่อนจบน้าแอ๊ดเขียนเนื้อค่อนข้างแรงทีเดียว “เห็นว่าฉันเป็นใครในตาขวา หรือว่าฉันเป็นไอ้หมาในสายตาคุณ เห็นว่าฉันเป็นใครในตาซ้าย หรือเห็นฉันเป็นไอ้ควายในสายตาคุณ...”
สำหรับเพลงนี้เมื่อผมฟังจบ แล้วย้อนไปดูชื่อและปกอัลบั้มทุยพันธุ์แท้ เออมันมีเค้าหลายอยู่นะ
ส่วน“แสงทองส่องทาง”เป็นบทเพลงกลิ่นการเมือง ที่น้าแอ๊ดเลือกที่จะหยิบผลจากแก๊สน้ำตาห่ากระสุนปืนมานำเสนอ โดยไม่พยายามที่จะพูดถึงเหตุว่าเหตุการณ์นี้มันมีที่มาจากอะไร ใครถูกใครผิด ใครใช้กฎหมู่ไม่เคารพกฎหมาย ทำลายหลักนิติรัฐ และใครถูกเขาหลอกให้มาตายแทน
และนั่นก็เป็นบทเพลงส่วนใหญ่ใน “กันชนหมา” อัลบั้มชุดใหม่ของแอ๊ด คาราบาว ที่สามารถฉีกแนวดนตรีไปตามทางเดิมๆของคาราบาวและตัวเขาได้ดีทีเดียว เป็นงานสไตล์คันทรี-โฟล์คร็อก เน้นซุ่มเสียงแบบอะคูสติก ไม่ซับซ้อน มีเนื้อหาหลากหลาย ทั้งสนุกขำๆ เสียดสี หลอกด่า การเมือง ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
ด้านเนื้อเพลงเน้นการเล่าเรื่องและการบอกเล่าสถานการณ์ร่วมสมัยตามลูกเก่งและสไตล์ถนัดของน้าแอ๊ด ส่วนในเรื่องของภาษาอันสละสลวย การใช้สัมผัส ที่เคยเป็นจุดเด่นของน้าแอ๊ด ดูด้อยถอยลงไป ซึ่งโดยรวมแล้วนี่เป็นอัลบั้มที่เนื้อหาไม่หนัก ดนตรีฟังสบาย เพลินหู และค่อนข้างไหลรื่น นับเป็นอัลบั้มเหมาะสำหรับคนที่คิดถึงน้าแอ๊ดได้เป็นอย่างดี
***********************************************************
คอนเสิร์ต
มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ชวนชมฟรี คอนเสิร์ต “คุณธรรมนำปัญญา ครั้งที่ 4” ในวันอังคารที่ 27 มีนาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 13.00 - 14.30 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา) ภายในคอนเสิร์ตมีการแสดงจาก วงดร.แซ็กแชมเบอร์ออร์เคสตร้า, วงโฮป แฟมิลี่,วงสองวัย อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ โก้ มิสเตอร์แซกแมน ผู้สนใจ ติดต่อรับบัตรชมคอนเสิร์ตฟรี ได้ที่หมายเลข 02-884-8333 - 4
