ASTVผู้จัดการรายวัน-แถลงจับเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ เปิดเต้นท์รถบังหน้า ยึดยาบ้ากว่าล้านเม็ด ยาไอซ์ 20 กก. มูลค่า 400 ล้าน รถยนต์หรูนับ 10 คัน จ่อออกหมายจับที่เหลือมาดำเนินคดีและตามยึดทรัพย์ ขณะที่ พนักงานสอบสวน บช.ปส.หิ้ว 4 ตำรวจชุดปส.บก.น.3 อมของกลางยาเสพติด ขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมค้านประกัน
วานนี้(22 มี.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.)พร้อมด้วย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 แถลงผลการจับกุมนายปฐมทัศน์ จิระรัตนวงศ์ หรือ ตี๋ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/6 ถนนราชปรารภ แขวงและเขตราชเทวี กทม. ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 1,020,000 เม็ด ยาไอซ์ 20 กิโลกรัม รวมมูลค่าเกือบ 400 ล้านบาท สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ 20 เล่ม รถยนต์หรูกว่า 10 คัน และอาวุธปืนลูกซองยาวอีก 2 กระบอก
พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 ได้ทำการจับกุมตัวนายปฐมทัศน์ ในข้อหาเสพยาเสพติด จากนั้นได้สอบสวนขยายผลจนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีนายศุภวัฒน์ หรือบังเซฟ ขอนทอง อายุ 40 ปี เป็นนายทุนตัวการใหญ่ และเปิดเต้นท์รถบังหน้า เพื่อการลักลอบนำยาบ้าจำนวนมากมาจำหน่ายในเขตพื้นที่นครบาล โดยมีจุดพักยาเสพติดอยู่ที่บ้านเลขที่ 29/409-410 ถนนธัญญะ คลอง 7 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งตำรวจนครบาลได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวไม่พบผู้พักอาศัยอยู่ ซึ่งนายศุภวัฒน์ ไหวตัวทันหลบหนีไปได้ จากการตรวจค้นพบยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 20 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ พร้อมทั้งขยายผลต่อไปว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มใดอีกบ้าง
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีนายศุภวัฒน์ เป็นตัวการใหญ่และเปิดเต้นท์รถบังหน้า คาดว่าน่าจะลำเลียงยาเสพติดมาจากทางภาคเหนือ เพราะนายศุภวัฒน์และภรรยาเป็นชาวจังหวัดเชียงราย มีลูกน้องในขบวนการประมาณ 4 คน คือนายนพดล ศรีฤทธิ์ อายุ 29 ปี ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการติดต่อลูกค้า นายสุวิทย์ แหยมพรรนัย อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้า นายปฐมทัศน์ จิระรัตนวงศ์ ทำหน้าที่ดูต้นทางในขนส่งยาเสพติด ได้ค่าจ้างครั้งละ 4-5 หมื่นบาท และนายนารายณ์ ยุ้งศิริ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ฟอกเงินที่ได้มาจากการขายยาเสพติด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาที่ จังหวัดปทุมธานีไว้แล้ว และเตรียมขยายผลยึดทรัพย์ในจุดอื่นๆ อีก เพื่อดำเนินการตามความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยหลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาให้ บช.ปส.พร้อมทั้งเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
**ฝากขัง 4 ตร.อมของกลางยาเสพติด**
วันเดียวกันที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ พนักงานสอบสวน บช.ปส.ควบคุมตัว ร.ต.ท.เชิงชอบ ราชคม รอง สว.สส.กก.สส.บก.น.3 อายุ 48 ปี ด.ต.สมศักดิ์ ทิพย์รัศมีวงศ์ ผบ.หมู่งาน ป.สน.ประชาสำราญ อายุ 38 ปี จ.ส.ต.ภัทระ วรชาณันช์ ผบ.หมู่ สน.จรเข้น้อย อายุ 44 ปี ส.ต.ท.นพดล พันธุ์อารีย์ ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.3 อายุ 32 ปี และนายชวลิต กำเนิดขอนแก่น อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 2 เม.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอผลสอบประวัติอาชญากรผู้ต้องหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า ผู้ต้องหา 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของ บก.น.3 และผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งเป็นสายล่อซื้อยาเสพติด ได้ดำเนินการมิชอบโดยร่วมกันจับกุมผู้ค้ายาเสพติดพร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 305,200 เม็ด กับยาไอซ์ น้ำหนัก 5 กก.มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท แต่กลับไม่นำยาเสพติดของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยนำไปซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ส่วนตัวและไม่รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.และบช.ปส.ติดตามจับกุมได้ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน บก.น.3 เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลพิจารณาแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
วานนี้(22 มี.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.)พร้อมด้วย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 แถลงผลการจับกุมนายปฐมทัศน์ จิระรัตนวงศ์ หรือ ตี๋ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/6 ถนนราชปรารภ แขวงและเขตราชเทวี กทม. ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 1,020,000 เม็ด ยาไอซ์ 20 กิโลกรัม รวมมูลค่าเกือบ 400 ล้านบาท สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ 20 เล่ม รถยนต์หรูกว่า 10 คัน และอาวุธปืนลูกซองยาวอีก 2 กระบอก
พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 ได้ทำการจับกุมตัวนายปฐมทัศน์ ในข้อหาเสพยาเสพติด จากนั้นได้สอบสวนขยายผลจนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีนายศุภวัฒน์ หรือบังเซฟ ขอนทอง อายุ 40 ปี เป็นนายทุนตัวการใหญ่ และเปิดเต้นท์รถบังหน้า เพื่อการลักลอบนำยาบ้าจำนวนมากมาจำหน่ายในเขตพื้นที่นครบาล โดยมีจุดพักยาเสพติดอยู่ที่บ้านเลขที่ 29/409-410 ถนนธัญญะ คลอง 7 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งตำรวจนครบาลได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวไม่พบผู้พักอาศัยอยู่ ซึ่งนายศุภวัฒน์ ไหวตัวทันหลบหนีไปได้ จากการตรวจค้นพบยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 20 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ พร้อมทั้งขยายผลต่อไปว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มใดอีกบ้าง
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีนายศุภวัฒน์ เป็นตัวการใหญ่และเปิดเต้นท์รถบังหน้า คาดว่าน่าจะลำเลียงยาเสพติดมาจากทางภาคเหนือ เพราะนายศุภวัฒน์และภรรยาเป็นชาวจังหวัดเชียงราย มีลูกน้องในขบวนการประมาณ 4 คน คือนายนพดล ศรีฤทธิ์ อายุ 29 ปี ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการติดต่อลูกค้า นายสุวิทย์ แหยมพรรนัย อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้า นายปฐมทัศน์ จิระรัตนวงศ์ ทำหน้าที่ดูต้นทางในขนส่งยาเสพติด ได้ค่าจ้างครั้งละ 4-5 หมื่นบาท และนายนารายณ์ ยุ้งศิริ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ฟอกเงินที่ได้มาจากการขายยาเสพติด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาที่ จังหวัดปทุมธานีไว้แล้ว และเตรียมขยายผลยึดทรัพย์ในจุดอื่นๆ อีก เพื่อดำเนินการตามความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยหลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาให้ บช.ปส.พร้อมทั้งเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
**ฝากขัง 4 ตร.อมของกลางยาเสพติด**
วันเดียวกันที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ พนักงานสอบสวน บช.ปส.ควบคุมตัว ร.ต.ท.เชิงชอบ ราชคม รอง สว.สส.กก.สส.บก.น.3 อายุ 48 ปี ด.ต.สมศักดิ์ ทิพย์รัศมีวงศ์ ผบ.หมู่งาน ป.สน.ประชาสำราญ อายุ 38 ปี จ.ส.ต.ภัทระ วรชาณันช์ ผบ.หมู่ สน.จรเข้น้อย อายุ 44 ปี ส.ต.ท.นพดล พันธุ์อารีย์ ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.3 อายุ 32 ปี และนายชวลิต กำเนิดขอนแก่น อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 2 เม.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอผลสอบประวัติอาชญากรผู้ต้องหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า ผู้ต้องหา 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของ บก.น.3 และผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งเป็นสายล่อซื้อยาเสพติด ได้ดำเนินการมิชอบโดยร่วมกันจับกุมผู้ค้ายาเสพติดพร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 305,200 เม็ด กับยาไอซ์ น้ำหนัก 5 กก.มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท แต่กลับไม่นำยาเสพติดของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยนำไปซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ส่วนตัวและไม่รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.และบช.ปส.ติดตามจับกุมได้ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน บก.น.3 เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลพิจารณาแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง