การปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯและปริมณฑลในระยะเร่งด่วน หรือ"ยุทธการ 315" ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของหน่วยงานหลักของชาติ ประกอบด้วย กองทัพบก(บก.ทบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โดยมีการจัดสรรกำลังรวม 184 ชุด กระจายลงไปยังชุมชนเป้าหมายในกรุงเทพมหานคร 2,003 แห่ง และอีก 18 อำเภอในพื้นที่ 5 จังหวัดปริมณฑล ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย ทำหน้าที่กำกับและสั่งการในระดับนโยบาย และมีกองอำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่กรุงเทพและจังหวัดปริมณฑล หรือ กอ.ฉก.ปส.315 ที่มี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิงปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผอ.ฉก.ปส.315 พร้อมทั้งมีส่วนข่าวและยุทธการกลาง และชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วเป็นกำลัง สนับสนุน
"ยุทธการ315" เป็นการปฏิบัติการในพื้นที่ชุมชน ไม่ได้มุ่งเน้นที่การปราบปราม แต่จะเน้นการสร้างความอุ่นใจให้แก่ประชาชน โดยลดปัจจัยเสี่ยง สถานบันเทิง แหล่งมั่วสุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบสถานศึกษา จำนวน 1,180 แห่ง และจุดที่เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน เน้นดำเนินการด้านจิตวิทยามวลชน แต่หากพบผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในชุมชน โดยจะมุ่งเน้นที่การชักชวนผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพ ติดให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาแบบสมัครใจ เป็นอันดับแรก พร้อมติดตามช่วยเหลือดูแลผู้ผ่านการบำบัด ให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนได้ตามปกติสุข นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนในชุมชนแล้ว ก็ยังมีชุดที่ดำเนินการสืบสวนหาข่าว เพื่อขยายผลจับกุม และยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด ที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อป้องกันมิให้ยาเสพติดหวนกลับมาอีก
นั่นคือยุทธศาสตร์คร่าวๆของ"ยุทธการ 315" พูดให้เข้าใใจง่ายกว่านั้น คือการส่งชุดปฏิบัติการลงไป"เคาะประตูบ้าน" นั่งถกนั่งคุยถึงปัญหายาเสพติดในชุมชน บ้านไหนมีผู้เสพติดก็จะดำเนินการบำบัดรักษาให้ อีกทั้งเป็นการสแกนพื้นที่ไปในตัวว่า บ้านไหนค้า บ้านไหนขายก็ต้องดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไป
ปฏิบัติการตาม"ยุทธการ315" ได้เริ่มลงมือปฏิบัติไปแล้ว ให้เป็นเรื่องบังเอิญที่การเปิดยุทธการดังกล่าว มาตรงกับช่วงหาเสียงเลือกตั้งพอดิบพอดี เรื่องนี้ จึงทำให้ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตมีนบุรี หนองจอก พรรคเพื่อไทย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว พรรคเพื่อไทย นายสิงห์ทอง บัวชุม ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว วังทองหลาง พรรคเพื่อไทย เข้าร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ตามยุทธการ 315 ว่า ยุทธการดังกล่าว มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง? อันสืบเนื่องมาจาก นักการเมืองดังกล่าว รู้สึกตกใจ เมื่อเห็น"รถฮัมวี่"ของทหารเข้าไปในชุมชนต่างๆ!
เรื่องดังกล่าวพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ชี้แจงไว้ว่า การนำรถฮัมวี่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่เป็นยุทธวิธีของทหารในการเข้าพื้นที่ เช่นเดียวกับที่ตำรวจมีรถคุมขังผู้ต้องหาเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งจะทำการชี้แจงให้นักการเมืองและประชาชนได้ทราบต่อไป
พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.กก.สส.บก.น.1 ซึ่งเพิ่งจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ ได้ของกลางเป็นยาบ้า 786,000 เม็ด มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท บวกกับเงินสดอีกจำนวน 3,002,000 บาท บอกว่า "แผนยุทธการ 315" ถือว่าช่วยในการปราบปรามยาเสพติดได้มาก เพราะกำลังตำรวจก็ไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับภารกิจที่ต้องทำอยู่ในขณะนี้ แต่เมื่อมีแผนนี้เข้ามา ก็มีหลายฝ่ายที่จะเข้ามาช่วยกันปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะทหารก็สามารถเข้ามาช่วยได้ หากไม่มีแผนนี้เข้ามาช่วย ก็คิดว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติด จะอาศัยช่วงที่มีการชุมนุม การเลือกตั้ง หรือมีเหตุความวุ่นวาย กระทำความผิดได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแผนยุทธการ 315 แล้ว แต่ขบบวนการค้ายาเสพติด ยังคงอาศัยช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ดำเนินการ ขนถ่าย ส่งมอบ และค้าขายกันยิ่งกว่าปกติ โดยแก๊งค้าบยาเสพติดเชื่อว่า ช่วงนี้อาจเป็นช่วงที่กำลังตำรวจ ไม่สามารถดูแลทั่วถึงได้ เพราะต้องจัดกำลังไปคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในการหาเสียงเลือกตั้งนั่นเอง จึงเป็นโอกาสอันงานของแก๊งค้ายาเสพติดที่จะอาศัยช่องโหว่ดังกล่าว ลำเลียงยาเสพติดส่งมอบให้กัน ทว่าแผนการชั่วร้ายจของแก๊งค่ายาเสพติด กลับไม่รอดพ้นการสกรีนของ"ยุทธการ 315"ไปได้
ว่าไปแล้วในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดได้จำนวนมาก แม้ทั้งหมด จะไม่เกี่ยวข้องกับ"ยุทธการ 315 ก็ตาม นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ขบวนการค้ายาเสพติด ได้อาศัยช่องโหว่ในช่วงนี้ออกปฏิบัติการอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนของกก.สส.บก.น.1 จับกุมจับกุม นายอนิวรรตน์ แซ่หลิว อายุ 40 ปี ได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 786,000 เม็ด มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เงินสดอีกจำนวน 3,002,000 บาท
คดีนี้ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง จนกระทั่งได้มารับโครงการใหญ่ถึง 40 ล้านบาท แต่ขาดทุนเป็นหนี้กว่าล้านบาท หลังจากนั้นเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็ได้แนะนำให้ตนรู้จักนายเล็ก หรือ กู๋เล็ก หรือ อาเล็ก ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล รูปร่างผอม ผิวคล้ำ สูงประมาณ 165-170 ซม.ไว้ผมรองทรงสูง โดยนายเล็กจ้างให้ตนดูแลเรื่องธุรกรรมการเงินให้ ด้วยการคอยรวบรวมเงินที่โอนเข้าบัญชีมารวมเป็นก้อนใหญ่ก่อน แล้วขนไปให้นายเล็ก ที่ จ.เชียงราย ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาบ้า ซึ่งเมื่อนำเงินไปให้แล้ว นายเล็ก ก็จะแบ่งให้ตนเป็นเปอร์เซ็นต์ ล้านละ 2 หมื่นบาท โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ ตนทำมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ซึ่งครั้งใหญ่สุดเป็นเงินสด 10 ล้านบาท ได้ส่วนแบ่งมา 2 แสนบาท
"หลังจากเริ่มรู้ว่าเงินทั้งหมดที่ถูกโอนเข้ามาเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาบ้านั้น นายเล็ก ก็เริ่มให้ผมเข้ามาดูแลกระจายยาบ้าในโซน จ.อยุธยา และ กทม.โดยให้นำเงินขึ้นไปส่งให้ทุกๆ 5 ล้านบาท จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ ทั้งนี้ ผมไม่สามารถจะโกงหรือหักหลังด้วยการเชิดเงินนายเล็กไปได้ เพราะนายเล็กจะส่งคนมาเฝ้าลูกเมียผมไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ผมหักหลัง" ผู้ต้องหารายนี้ระบุ
ปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติด ไม่มีการละเว้นว่าใครเป็นใคร หรือชนชั้นไหน แม้แต่ลูกนักการเมืองที่กำลังจะลงสมัครรับเลือกตั้งในหนนี้ ยังต้องตกเป็นทาสของแก๊งค้ายาเสพติด โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กฤดากร ณ อยุธยา สว.อก.สน.จรเข้น้อย รรท.สว.สส.สน.ห้วยขวาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ห้วยขวาง ร่วมกันจับกุม น.ส.ทานตะวัน อุดมธนานันท์ อายุ 25 ปี และ นายสรธร หรือ กร ณ สงขลา อายุ 34 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 63 กรัม และเครื่องซิลล์พลาสติก 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถคอนโดซิตี้โฮม ภายใน ซ.รัชดาภิเษก 10 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. คดีนี้นายสรธรรับสารภาพว่า สั่งซื้อยามาจากเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในเรือนจำ โดยทำได้มาประมาณ 6 เดือน ก่อนจะถูกจับกุม ซึ่งนายสรธรเป็นบุตรชายของนายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ผู้สมัคร ส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 94 ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และภายหลังนายสรธรถูกจับกุม นายประจักาชัย ก้ได้ลาออกจากการเป็นผู้สมัครส.ส.ทันที
ถัดมาเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผบ.ตร. ผอ.ฉก.ปส.315 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 5 นาย เข้าตรวจค้นภายในห้องพักเลขที่ 707 อาคารนิวเพลส ซอยลาดพร้าว130 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ตามแผนยุทธการ 315 พบนายมานิตย์ แซ่หว่าง หรือใจ ชนะภัย อายุ 35 ปี และน.ส.กวิตา คำหาญ อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 278,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่ถูกยัดเอาไว้ใต้เตียงนอน และยังพบเงินสดอีกจำนวน 28,500 บาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยพล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. แถลงผลการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ กทม. ตามแผนยุทธการ 315 ในช่วงวันที่ 24 พ.ค.-6 มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมดำเนินมาตรการเคาะประตูบ้านเพื่อรับทราบปัญหายาเสพติด จำนวน 10,024 หลังคาเรือน โดยนำผู้เสพเข้าสู่ระบบสมัครใจบำบัดจำนวน 63 คน
ผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นชุมชนที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติดจำนวน 481 แห่ง สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 3,143 ราย ผู้ต้องหา 3,167 ราย เป็นคดีผลิตยาเสพติด 1 ราย จำหน่ายยาเสพติด 286 ราย ครอบครองยาเสพติด 543 ราย คดีเสพยาเสพติด 2,310 ราย ได้ของกลางยาบ้า 1,125,158 เม็ด ยาไอซ์ 1.2 ก.ก. กัญชา 342 ห่อ พืชกระท่อม 10 ก.ก. ยากระตุ้นประสาท 29,130 เม็ด ทั้งนี้ ยังสามารถจับนักค้ายารายสำคัญ 1 รายในพื้นที่ สน.ลาดพร้าวได้เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) พร้อมทั้งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 ราย คดีครอบครองอาวุธปืน 4 ราย พร้อมอาวุธปืน 4 กระบอก และเครื่องกระสุน 10 นัด
แม้แผนยุทธการ 315 จะสามารถปราบปรามยาเสพติดอย่างได้ผลมากหรือน้อยตามสถานการณ์ แต่ก็ไม่วายที่จะถูกนักการเมืองหวาดระแวง ว่าจะมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองแอบแฝงอยู่ ในทางกลับกัน ใครที่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองมากกว่า หากตั้งใจ หาเสียงด้วยความบริสุทธิ์จริงใจ ใยต้องแคร์กับแผนยุทธการ 315 เล่า!?!