3200
ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดลักซ์ชัวรี่แบรนด์ในเอเชียบูมสุดในโลก คนจีนกำลังซื้อสูงสุดในเอเชีย ไทยตำแหน่งที่ตั้งและศักยภาพเยี่ยม คาดปีนี้แบรนด์ใหม่ตบเท้าลุยไทยอื้อ “เกษร” อัดงบกิจกรรมเพิ่มจากปีก่อนอีก 10% ตอกย้ำผู้นำลักซ์ชัวรี่ไลฟสไตล์ พร้อมฉลองครบ 10 ปี เสริมทัพแบรนด์ใหม่ มั่นใจดึงฐานทราฟฟิกโตได้อีก 5% ในสิ้นปีนี้
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองกรรมการผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเกษร เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดลักซ์ชัวรี่แบรนด์จากทั่วโลกเติบโตดีมาก โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียเติบโตสูงสุด ขณะที่ยุโรปซบเซาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนสหรัฐก็ชะลอตัวเช่นกัน ดังนั้นฐานลักซ์ชั่วรี่แบรนด์จึงมาเติบโตในเอเชียมากสุด โดยเฉพาะในจีน
ต่อปีแบรนด์ลักซ์ชัวรี่แบรนด์ที่เข้ามาบุกตลาด จะมีการขยายชอปไม่ต่ำกว่า 40-200 สาขา ขณะเดียวกันคนจีนถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก ส่วนไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแนวโน้มว่าอินเตอร์แบรนด์ทั้งหลายจะรุกเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้นเช่นกัน
สำรับเกษรพลาซ่า พบว่ายอดลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเกษรอยู่ที่ 12,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยว 70% จากปีก่อนอยูที่ 60% และคนไทย 30% ซึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวนี้ เป็นคนเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะคนจีน และไต้หวัน ที่พบว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก และจะมองหาสินค้าที่มีคุณค่าหรือเป็นชิ้นพิเศษที่มีราคาค่อนข้างสูง
ขณะที่ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยโดยรวมของผู้ใช้บริการภายในศูนย์ฯจะอยู่ที่ 20,000 บาทขึ้นไป จากช่วง 1 ปีก่อน อยู่ที่ 12,000 - 16,000 บาท ต่อคนต่อครั้ง
ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ของปี 2554 ที่ผ่านมา พบว่า ศูนย์การค้าเกษรมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 35% เทียบกับปี 2553 ที่ต้องหยุดไป 2 เดือนจากเหตุการณ์ชุมนุม ซึ่งสามารถแบ่งการเติบโตตามแต่ละกลุ่มได้ดังนี้ คือ กลุ่มอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์โต 34%, กลุ่มแบรนด์ชั้นนำของไทยโต 35%, กลุ่มความงามสุขภาพและไอทีโต 59% และกลุ่มนาฬิกาและเครื่องประดับโต 36% ส่วนปริมาณคนเข้าศูนย์ฯโต 15%
อย่างไรก็ตามในปีนี้ศูนย์การค้าเกษร จะฉลองครบรอบ 10 ปี ดังนั้นงบการจัดกิจกรรมและการตลาดจะใช้มากขึ้นจากปีก่อนอีก 10% โดยปีนี้จะมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นมากกว่าปีก่อน 2 กลยุทธ์หลัก คือ คัสโตเมอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ และ พาร์ทเนอร์ชิพ ในการจัดอีเวนต์ร่วมกัน ล่าสุดกับงานนิทรรศการศิลปะการตกแต่งหน้าปัดนาฬิกา โดยแบรนด์ “ยูลิส นาร์แดง” และบริษัท พี เอ็ม ที เดอะ
อาวร์ กลาส พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่น ลิมิเต็ด อิดิชั่น ฉลองครอบรอบ 230 ปี รัตนโกสินทร์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 - 27 มี.ค.นี้
รวมไปถึงยังมีแผนรีโนเวตขยายพื้นที่สะพานเชื่อมระหว่างสกายวอล์คมายังศูนย์ฯให้กว้างมากขึ้น เพื่อดึงปริมาณคนเข้าศูนย์ฯให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเจรจากับทางคู่ค้า คือ ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์ฯกว่า 100 ราย ที่มีแผนจะนำแบรนด์ใหม่ๆรวมแล้วเป็นสิบแบรนด์ที่จะนำเข้ามาเปิดในศูนย์ฯเพิ่ม แต่ทั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาการพูดคุย
ที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มใหญ่นั้น จะมีการทำแผนการตลาดเพื่อเพิ่มบริการในการดึงให้คนจีนเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าสิ้นปีนี้ปริมาณคนเข้าศูนย์ฯจะเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 15%
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ทางกลุ่มอยู่ระหว่างการเจรจากับทางอินเตอร์แบรนด์หลายแบรนด์ที่จะดึงเข้ามาเปิดชอปในไทย ซึ่งบางแบรนด์ก็เป็นแบรนด์ที่ยังไม่เคยเข้ามารุกตลาดไทยเลย หรือบางแบรนด์ก็เคยทำมาแล้วแต่จะดึงเข้ามาเปิดร้านแบบแฟลกชิปสโตร์ในไทย เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการลงทุน ซึ่งทางอินเตอร์แบรนด์ก็มีความสนใจมากเหมือนกัน เนื่องจากว่าเศรษฐกิจของเอเชียจากนี้มีความแข็งแกร่งขึ้น และไทยก็เป็นประเทศที่มีแนวโน้มดีด้วย
ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดลักซ์ชัวรี่แบรนด์ในเอเชียบูมสุดในโลก คนจีนกำลังซื้อสูงสุดในเอเชีย ไทยตำแหน่งที่ตั้งและศักยภาพเยี่ยม คาดปีนี้แบรนด์ใหม่ตบเท้าลุยไทยอื้อ “เกษร” อัดงบกิจกรรมเพิ่มจากปีก่อนอีก 10% ตอกย้ำผู้นำลักซ์ชัวรี่ไลฟสไตล์ พร้อมฉลองครบ 10 ปี เสริมทัพแบรนด์ใหม่ มั่นใจดึงฐานทราฟฟิกโตได้อีก 5% ในสิ้นปีนี้
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองกรรมการผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเกษร เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดลักซ์ชัวรี่แบรนด์จากทั่วโลกเติบโตดีมาก โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียเติบโตสูงสุด ขณะที่ยุโรปซบเซาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนสหรัฐก็ชะลอตัวเช่นกัน ดังนั้นฐานลักซ์ชั่วรี่แบรนด์จึงมาเติบโตในเอเชียมากสุด โดยเฉพาะในจีน
ต่อปีแบรนด์ลักซ์ชัวรี่แบรนด์ที่เข้ามาบุกตลาด จะมีการขยายชอปไม่ต่ำกว่า 40-200 สาขา ขณะเดียวกันคนจีนถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก ส่วนไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแนวโน้มว่าอินเตอร์แบรนด์ทั้งหลายจะรุกเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้นเช่นกัน
สำรับเกษรพลาซ่า พบว่ายอดลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเกษรอยู่ที่ 12,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยว 70% จากปีก่อนอยูที่ 60% และคนไทย 30% ซึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวนี้ เป็นคนเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะคนจีน และไต้หวัน ที่พบว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก และจะมองหาสินค้าที่มีคุณค่าหรือเป็นชิ้นพิเศษที่มีราคาค่อนข้างสูง
ขณะที่ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยโดยรวมของผู้ใช้บริการภายในศูนย์ฯจะอยู่ที่ 20,000 บาทขึ้นไป จากช่วง 1 ปีก่อน อยู่ที่ 12,000 - 16,000 บาท ต่อคนต่อครั้ง
ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ของปี 2554 ที่ผ่านมา พบว่า ศูนย์การค้าเกษรมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 35% เทียบกับปี 2553 ที่ต้องหยุดไป 2 เดือนจากเหตุการณ์ชุมนุม ซึ่งสามารถแบ่งการเติบโตตามแต่ละกลุ่มได้ดังนี้ คือ กลุ่มอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์โต 34%, กลุ่มแบรนด์ชั้นนำของไทยโต 35%, กลุ่มความงามสุขภาพและไอทีโต 59% และกลุ่มนาฬิกาและเครื่องประดับโต 36% ส่วนปริมาณคนเข้าศูนย์ฯโต 15%
อย่างไรก็ตามในปีนี้ศูนย์การค้าเกษร จะฉลองครบรอบ 10 ปี ดังนั้นงบการจัดกิจกรรมและการตลาดจะใช้มากขึ้นจากปีก่อนอีก 10% โดยปีนี้จะมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นมากกว่าปีก่อน 2 กลยุทธ์หลัก คือ คัสโตเมอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ และ พาร์ทเนอร์ชิพ ในการจัดอีเวนต์ร่วมกัน ล่าสุดกับงานนิทรรศการศิลปะการตกแต่งหน้าปัดนาฬิกา โดยแบรนด์ “ยูลิส นาร์แดง” และบริษัท พี เอ็ม ที เดอะ
อาวร์ กลาส พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่น ลิมิเต็ด อิดิชั่น ฉลองครอบรอบ 230 ปี รัตนโกสินทร์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 - 27 มี.ค.นี้
รวมไปถึงยังมีแผนรีโนเวตขยายพื้นที่สะพานเชื่อมระหว่างสกายวอล์คมายังศูนย์ฯให้กว้างมากขึ้น เพื่อดึงปริมาณคนเข้าศูนย์ฯให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเจรจากับทางคู่ค้า คือ ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์ฯกว่า 100 ราย ที่มีแผนจะนำแบรนด์ใหม่ๆรวมแล้วเป็นสิบแบรนด์ที่จะนำเข้ามาเปิดในศูนย์ฯเพิ่ม แต่ทั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาการพูดคุย
ที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มใหญ่นั้น จะมีการทำแผนการตลาดเพื่อเพิ่มบริการในการดึงให้คนจีนเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าสิ้นปีนี้ปริมาณคนเข้าศูนย์ฯจะเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 15%
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ทางกลุ่มอยู่ระหว่างการเจรจากับทางอินเตอร์แบรนด์หลายแบรนด์ที่จะดึงเข้ามาเปิดชอปในไทย ซึ่งบางแบรนด์ก็เป็นแบรนด์ที่ยังไม่เคยเข้ามารุกตลาดไทยเลย หรือบางแบรนด์ก็เคยทำมาแล้วแต่จะดึงเข้ามาเปิดร้านแบบแฟลกชิปสโตร์ในไทย เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการลงทุน ซึ่งทางอินเตอร์แบรนด์ก็มีความสนใจมากเหมือนกัน เนื่องจากว่าเศรษฐกิจของเอเชียจากนี้มีความแข็งแกร่งขึ้น และไทยก็เป็นประเทศที่มีแนวโน้มดีด้วย
