เอเอฟพี/รอยเตอร์ - สถานการณ์ในอัฟกานิสถานยิ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำสงครามของสหรัฐฯมากขึ้นอีกเมื่อวานนี้(15) โดยกลุ่มตอลิบานประกาศเลิกการเจรจาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับฝ่ายอเมริกัน ขณะที่ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ของอัฟกานิสถานก็ออกคำสั่งให้ทหารอเมริกันถอนตัวออกไปจากที่มั่นระดับหมู่บ้าน และเรียกร้องให้นาโต้ส่งมอบอำนาจรักษาความปลอดภัยกันในปีหน้า ก่อนกำหนดเดิมซึ่งตกลงกันไว้ที่ปี 2014
การประกาศเหล่านี้ซึ่งออกมาจากกองกำลังนิยมอิสลามที่ทำการสู้รบกับทหารอเมริกันมา 10 ปี และจากคาร์ไซ ผู้เป็นพันธมิตรคนสำคัญที่สุดของวอชิงตันในกรุงคาบูล บังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเกิดเหตุการณ์ทหารสหรัฐฯผู้หนึ่งบุกยิงกราดชาวบ้านอัฟกันเสียชีวิตไป 16 คน โดยที่ก่อนหน้านั้นก็มีกรณีพฤติการณ์ของทหารต่างชาติหลายระลอกซึ่งทำให้ชาวอัฟกันโกรธแค้นไม่พอใจ
พัฒนาการในทางลบเช่นนี้กำลังบดบังช่วงเวลา 2 วันแห่งการเยือนอัฟกานิสถานของรัฐมนตรีกลาโหม เลียน เพเนตตา ของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งแต่แรกกำหนดจุดมุ่งหมายไว้ว่าจะหาทางผ่อนเพลาความแค้นเคืองจากกรณีการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์(11) และการเผาคัมภีร์อัลกุรอานแบบสะเพร่าไม่ตั้งใจของทหารอเมริกันในฐานทัพแห่งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว
กลุ่มตอลิบานไม่ได้อ้างอิงถึงการสังหารหมู่ล่าสุด หรือเหตุการณ์เผาคัมภีร์อัลกุรอาน ขณะที่ประกาศระงับการติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในกาตาร์ ในเรื่องเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ ซึ่งเห็นกันว่าเป็นการเจรจาที่จะนำไปสู่การหาทางออกทางการเมืองให้แก่สงครามในอัฟกานิสถาน ก่อนที่ทหารสหรัฐฯและชาติอื่นๆ จะถอนตัวออกไปในปี 2014
“สืบเนื่องจากการที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงจุดยืนอยู่เรื่อยๆ รัฐเอมิเรตอิสลาม (คำที่ตอลิบานใช้เรียกตนเอง) จึงถูกบังคับให้ต้องระงับการสนทนาทั้งหมดที่กระทำกับฝ่ายอเมริกัน” ตอลิบานระบุเช่นนี้ในเว็บไซต์ของตน
ขณะที่ในกรุงคาบูล เพเนตตาและคาร์ไซต่างให้รายละเอียดที่แตกต่างขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเจรจาหารือของทั้งสองฝ่าย ภายหลังที่ฝ่ายอเมริกันยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ มานี้จะไม่ทำให้กองทหารสู้รบของนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ถอนตัวออกไปก่อนกำหนดการที่วางไว้ในปี 2014
“เราพร้อมแล้วที่จะเข้ารับผิดชอบเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทั้งหมดตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย” ไอมัล ไฟซี โฆษกของคาร์ไซอ้างคำพูดของประธานาธิบดีที่บอกกับเพเนตตา “เราอยากจะให้กระบวนการนี้เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 2013 แทนที่จะเป็นปี 2014” เขากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ข้อเรียกร้องของคาร์ไซจะกระทบกระเทือนค่ายทหารอเมริกันมากน้อยแค่ไหน โดยที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯก็ได้ยุบเลิกที่มั่นจำนวนหนึ่งไปแล้ว เพื่อหันมารวมกำลังรักษาเมืองขนาดค่อนข้างใหญ่ให้ปลอดพ้นอำนาจอิทธิพลของตอลิบาน
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน พลโทเคอร์ติส สกาปาร์รอตติ ผู้บัญชาการทหารอาวุโสอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน แจกแจงว่า ได้นำตัวทหารอเมริกันคนที่ถูกกล่าวหาว่า สังหารพลเรือนอัฟกัน 16 ศพที่กันดาฮาร์ ไปควบคุมที่ประเทศคูเวตแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่า สามารถดำเนินการสอบสวนและพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม
หลังจากเกิดเหตุสังหารหมู่ ทั้งญาติของผู้เสียชีวิตและรัฐสภาอัฟกานิสถานเรียกร้องให้ส่งตัวทหารอเมริกันผู้ก่อเหตุให้ศาลอัฟกันพิจารณาคดี ขณะที่คาร์ไซ ต้องการให้กระบวนการไต่สวนเป็นไปอย่างเปิดเผย
เชกิบา ฮามิชิ สมาชิกรัฐสภาจากกันดาฮาร์ และเป็นหนึ่งในทีมสอบสวนของรัฐบาล ประณามการนำตัวทหารคนดังกล่าวออกนอกประเทศ พร้อมเตือนว่า การที่ไม่ยอมดำเนินคดีและลงโทษทหารนายนั้นในอัฟกานิสถานจะทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านสหรัฐฯ เหมือนที่เกิดขึ้นเดือนที่แล้วจากการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน
นอกจากนี้ สกาปาร์รอตติยังเผยว่า ล่ามอัฟกันซึ่งเป็นพนักงานสัญญาจ้างที่ขโมยรถปิกอัพมาจากทหารของกองกำลังสนับสนุนความมั่นคงนานาชาติ (ISAF) และขับฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในรันเวย์ของค่ายทหารแบสชันด้วยความเร็วสูง และพุ่งชนคันดินจนเกิดไฟลุกท่วม ขณะที่เครื่องบินของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กำลังร่อนลงจอดนั้น เสียชีวิตแล้วจากบาดแผลไฟไหม้ทั่วทั้งตัว
อย่างไรก็ดี สกาพาร์รอตติไม่เชื่อว่า ล่ามคนดังกล่าวรู้ว่า นายใหญ่เพนทากอนเดินทางมา เนื่องจากเป็นการเยือนเป็นเวลา 2 วันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
การประกาศเหล่านี้ซึ่งออกมาจากกองกำลังนิยมอิสลามที่ทำการสู้รบกับทหารอเมริกันมา 10 ปี และจากคาร์ไซ ผู้เป็นพันธมิตรคนสำคัญที่สุดของวอชิงตันในกรุงคาบูล บังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเกิดเหตุการณ์ทหารสหรัฐฯผู้หนึ่งบุกยิงกราดชาวบ้านอัฟกันเสียชีวิตไป 16 คน โดยที่ก่อนหน้านั้นก็มีกรณีพฤติการณ์ของทหารต่างชาติหลายระลอกซึ่งทำให้ชาวอัฟกันโกรธแค้นไม่พอใจ
พัฒนาการในทางลบเช่นนี้กำลังบดบังช่วงเวลา 2 วันแห่งการเยือนอัฟกานิสถานของรัฐมนตรีกลาโหม เลียน เพเนตตา ของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งแต่แรกกำหนดจุดมุ่งหมายไว้ว่าจะหาทางผ่อนเพลาความแค้นเคืองจากกรณีการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์(11) และการเผาคัมภีร์อัลกุรอานแบบสะเพร่าไม่ตั้งใจของทหารอเมริกันในฐานทัพแห่งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว
กลุ่มตอลิบานไม่ได้อ้างอิงถึงการสังหารหมู่ล่าสุด หรือเหตุการณ์เผาคัมภีร์อัลกุรอาน ขณะที่ประกาศระงับการติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในกาตาร์ ในเรื่องเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ ซึ่งเห็นกันว่าเป็นการเจรจาที่จะนำไปสู่การหาทางออกทางการเมืองให้แก่สงครามในอัฟกานิสถาน ก่อนที่ทหารสหรัฐฯและชาติอื่นๆ จะถอนตัวออกไปในปี 2014
“สืบเนื่องจากการที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงจุดยืนอยู่เรื่อยๆ รัฐเอมิเรตอิสลาม (คำที่ตอลิบานใช้เรียกตนเอง) จึงถูกบังคับให้ต้องระงับการสนทนาทั้งหมดที่กระทำกับฝ่ายอเมริกัน” ตอลิบานระบุเช่นนี้ในเว็บไซต์ของตน
ขณะที่ในกรุงคาบูล เพเนตตาและคาร์ไซต่างให้รายละเอียดที่แตกต่างขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเจรจาหารือของทั้งสองฝ่าย ภายหลังที่ฝ่ายอเมริกันยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ มานี้จะไม่ทำให้กองทหารสู้รบของนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ถอนตัวออกไปก่อนกำหนดการที่วางไว้ในปี 2014
“เราพร้อมแล้วที่จะเข้ารับผิดชอบเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทั้งหมดตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย” ไอมัล ไฟซี โฆษกของคาร์ไซอ้างคำพูดของประธานาธิบดีที่บอกกับเพเนตตา “เราอยากจะให้กระบวนการนี้เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 2013 แทนที่จะเป็นปี 2014” เขากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ข้อเรียกร้องของคาร์ไซจะกระทบกระเทือนค่ายทหารอเมริกันมากน้อยแค่ไหน โดยที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯก็ได้ยุบเลิกที่มั่นจำนวนหนึ่งไปแล้ว เพื่อหันมารวมกำลังรักษาเมืองขนาดค่อนข้างใหญ่ให้ปลอดพ้นอำนาจอิทธิพลของตอลิบาน
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน พลโทเคอร์ติส สกาปาร์รอตติ ผู้บัญชาการทหารอาวุโสอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน แจกแจงว่า ได้นำตัวทหารอเมริกันคนที่ถูกกล่าวหาว่า สังหารพลเรือนอัฟกัน 16 ศพที่กันดาฮาร์ ไปควบคุมที่ประเทศคูเวตแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่า สามารถดำเนินการสอบสวนและพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม
หลังจากเกิดเหตุสังหารหมู่ ทั้งญาติของผู้เสียชีวิตและรัฐสภาอัฟกานิสถานเรียกร้องให้ส่งตัวทหารอเมริกันผู้ก่อเหตุให้ศาลอัฟกันพิจารณาคดี ขณะที่คาร์ไซ ต้องการให้กระบวนการไต่สวนเป็นไปอย่างเปิดเผย
เชกิบา ฮามิชิ สมาชิกรัฐสภาจากกันดาฮาร์ และเป็นหนึ่งในทีมสอบสวนของรัฐบาล ประณามการนำตัวทหารคนดังกล่าวออกนอกประเทศ พร้อมเตือนว่า การที่ไม่ยอมดำเนินคดีและลงโทษทหารนายนั้นในอัฟกานิสถานจะทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านสหรัฐฯ เหมือนที่เกิดขึ้นเดือนที่แล้วจากการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน
นอกจากนี้ สกาปาร์รอตติยังเผยว่า ล่ามอัฟกันซึ่งเป็นพนักงานสัญญาจ้างที่ขโมยรถปิกอัพมาจากทหารของกองกำลังสนับสนุนความมั่นคงนานาชาติ (ISAF) และขับฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในรันเวย์ของค่ายทหารแบสชันด้วยความเร็วสูง และพุ่งชนคันดินจนเกิดไฟลุกท่วม ขณะที่เครื่องบินของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กำลังร่อนลงจอดนั้น เสียชีวิตแล้วจากบาดแผลไฟไหม้ทั่วทั้งตัว
อย่างไรก็ดี สกาพาร์รอตติไม่เชื่อว่า ล่ามคนดังกล่าวรู้ว่า นายใหญ่เพนทากอนเดินทางมา เนื่องจากเป็นการเยือนเป็นเวลา 2 วันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า