ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลสั่งประหารชีวิตหนุ่มขี้คุก ซ้อมเหยื่อ ฆ่าโหด ชิงมือถือราคา 500 บาท ก่อนทิ้งศพลงคลองแสนแสบ คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ศาลปราณีคงจำคุกตลอดชีวิต
วานนี้ (13 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายประวิทย์ หรือ ดิน มะลิวัลย์ อายุ 30 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้นทำลายศพ
คดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2553 เวลากลางคืน ขณะที่นายวิชัย หรือ หนุ่ม ทิพันธ์ อายุ 42 ปี ผู้ตาย กำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่ศาลาหลังวัดกลาง ท้าย ซ.ลาดพร้าว 32 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จำเลยได้เข้าไปข่มขู่เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย ราคา 500 บาท แต่ผู้ตายไม่ยอมลุกเดินหนี จำเลยยังตามไปพูดข่มขู่ซ้ำ และใช้กำลังชกต่อย กระทืบที่ศีรษะ ลำตัวของผู้ตายจนหมดสติ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไป จากนั้นลากร่างผู้ตายไปทิ้งลงในคลองแสนแสบ ก่อนหลบหนีไป จนกระทั่งวันที่ 15 พ.ย.2553 มีผู้พบศพผู้ตายลอยติดอยู่ที่ท้าย ซ.รามคำแหง 81 ส่วนจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ติดตามจับกุมแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้ว ฝ่ายโจทก์ นายมาน บู่เรือ ประจักษ์พยาน ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่จำเลยเข้าไปข่มขู่ และทำร้ายนานหลายนาที แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ อีกทั้งพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ของจำเลยย่านใกล้เคียงด้วย ข้อเท็จจริงจึงรับฟังโดยปราศจากว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาทรัพย์ หรือเพื่อปกปิดความผิดของตนที่กระทำไว้ อันเป็นบทหนักสุด วางโทษประหารชีวิต คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ก่อเหตุในคดีนี้ นายประวิทย์ จำเลยเพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
วานนี้ (13 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายประวิทย์ หรือ ดิน มะลิวัลย์ อายุ 30 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้นทำลายศพ
คดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2553 เวลากลางคืน ขณะที่นายวิชัย หรือ หนุ่ม ทิพันธ์ อายุ 42 ปี ผู้ตาย กำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่ศาลาหลังวัดกลาง ท้าย ซ.ลาดพร้าว 32 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จำเลยได้เข้าไปข่มขู่เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย ราคา 500 บาท แต่ผู้ตายไม่ยอมลุกเดินหนี จำเลยยังตามไปพูดข่มขู่ซ้ำ และใช้กำลังชกต่อย กระทืบที่ศีรษะ ลำตัวของผู้ตายจนหมดสติ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไป จากนั้นลากร่างผู้ตายไปทิ้งลงในคลองแสนแสบ ก่อนหลบหนีไป จนกระทั่งวันที่ 15 พ.ย.2553 มีผู้พบศพผู้ตายลอยติดอยู่ที่ท้าย ซ.รามคำแหง 81 ส่วนจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ติดตามจับกุมแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้ว ฝ่ายโจทก์ นายมาน บู่เรือ ประจักษ์พยาน ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่จำเลยเข้าไปข่มขู่ และทำร้ายนานหลายนาที แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ อีกทั้งพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ของจำเลยย่านใกล้เคียงด้วย ข้อเท็จจริงจึงรับฟังโดยปราศจากว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาทรัพย์ หรือเพื่อปกปิดความผิดของตนที่กระทำไว้ อันเป็นบทหนักสุด วางโทษประหารชีวิต คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ก่อเหตุในคดีนี้ นายประวิทย์ จำเลยเพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
