ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงอุตสาหกรรมคาดต้องยืดเวลาสรุปปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ออกไปอีก 4 เดือนจากสิ้นสุด 15 มี.ค.55 นี้เหตุยังหาข้อยุติไม่ได้เร่งรับฟังความเห็นอีกครั้ง พร้อมเตรียมดันรถยนต์ไฟฟ้าเป็น Product Champion ตัวใหม่ต่อจากอีโคคาร์ และกระบะ
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบยังไม่ได้ข้อสรุปคาดว่าต้องยืดเวลาในการรับฟังความเห็นจากส่วนต่างๆ อีก 4 เดือนจากเดิมที่จะสิ้นสุด 15 มี.ค. 55 นี้เป็นกลางก.ค. 55 อย่างไรก็ตามการตัดสินใจก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นสำคัญ
“ เราคงจะต้องรับฟังความเห็นและต่อจากนั้นต้องเสนอครม.เห็นชอบแนวทาง ซึ่งเป็นเรื่องที่คลังจะดำเนินการเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงตอบไม่ได้ว่าข้อสรุปจะได้ชัดเจนเมื่อใดแน่ “ รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
ทั้งนี้ ปัญหาความล่าช้าที่ยังไม่สามารถสรุปโครงสร้างภาษีฯได้ เนื่องจากหลักการจะเน้นการใช้พลังงานทดแทนและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ระดับการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม และมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งพบว่าขนาดเครื่องยนต์ ขนาดของรถ ที่แต่ละค่ายไม่เท่ากันทำให้อัตราการปล่อยมลพิษต่างกันจึงทำให้ยังหาอัตราภาษีฯที่เหมาะสมไม่ได้ซึ่งทั้งหมดจะได้หารือเพื่อให้ความเห็นตรงกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการร่วมเดินทางไปกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปพบนักลงทุนญี่ปุ่นพบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ไทยหลายบริษัทซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเอง มีแนวคิดที่จะกำหนดให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะส่งเสริมการลงทุนหรือ Product Championต่อจากรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล(อีโคคาร์)และรถกระบะที่อดีตได้กำหนดเป็น Product Champion ไปแล้ว
“ผมคิดว่าอีกประมาณ 3 ปีจากนี้ก็คงจะเห็นนโยบายในเรื่องการส่งเสริมการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าที่กำหนดกรอบชัดเจนขึ้นโดยจุดนี้คงต้องรอให้อีโคคาร์เดินไประยะหนึ่งก่อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทรนด์ในอนาคตอยู่แล้วซึ่งการส่งเสริมฯไม่ยากจุดแรกคงจะต้องมองไปที่การดึงการลงทุนอุตสาหกรรมแบตเตอร์รี่ก่อน”รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบยังไม่ได้ข้อสรุปคาดว่าต้องยืดเวลาในการรับฟังความเห็นจากส่วนต่างๆ อีก 4 เดือนจากเดิมที่จะสิ้นสุด 15 มี.ค. 55 นี้เป็นกลางก.ค. 55 อย่างไรก็ตามการตัดสินใจก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นสำคัญ
“ เราคงจะต้องรับฟังความเห็นและต่อจากนั้นต้องเสนอครม.เห็นชอบแนวทาง ซึ่งเป็นเรื่องที่คลังจะดำเนินการเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงตอบไม่ได้ว่าข้อสรุปจะได้ชัดเจนเมื่อใดแน่ “ รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
ทั้งนี้ ปัญหาความล่าช้าที่ยังไม่สามารถสรุปโครงสร้างภาษีฯได้ เนื่องจากหลักการจะเน้นการใช้พลังงานทดแทนและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ระดับการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม และมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งพบว่าขนาดเครื่องยนต์ ขนาดของรถ ที่แต่ละค่ายไม่เท่ากันทำให้อัตราการปล่อยมลพิษต่างกันจึงทำให้ยังหาอัตราภาษีฯที่เหมาะสมไม่ได้ซึ่งทั้งหมดจะได้หารือเพื่อให้ความเห็นตรงกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการร่วมเดินทางไปกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปพบนักลงทุนญี่ปุ่นพบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ไทยหลายบริษัทซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเอง มีแนวคิดที่จะกำหนดให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะส่งเสริมการลงทุนหรือ Product Championต่อจากรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล(อีโคคาร์)และรถกระบะที่อดีตได้กำหนดเป็น Product Champion ไปแล้ว
“ผมคิดว่าอีกประมาณ 3 ปีจากนี้ก็คงจะเห็นนโยบายในเรื่องการส่งเสริมการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าที่กำหนดกรอบชัดเจนขึ้นโดยจุดนี้คงต้องรอให้อีโคคาร์เดินไประยะหนึ่งก่อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทรนด์ในอนาคตอยู่แล้วซึ่งการส่งเสริมฯไม่ยากจุดแรกคงจะต้องมองไปที่การดึงการลงทุนอุตสาหกรรมแบตเตอร์รี่ก่อน”รมว.อุตสาหกรรมกล่าว