xs
xsm
sm
md
lg

แท็กซี่จี้ผู้โดยสาร : ภัยอันธพาลต่อสังคม

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ภัยมืดหรือภัยที่มองไม่เห็น หรือไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นแก่ใครและเมื่อใด ประการหนึ่ง ซึ่งผู้คนในเมืองใหญ่ทุกคนอาจประสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 10 ล้านคน และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียน และวัยทำงานต้องเดินทางเป็นประจำในวันทำการ หรือแม้กระทั่งในวันหยุดบางคนก็เดินทาง

ในการเดินทางไปประกอบธุรกิจประจำวัน ผู้คนส่วนใหญ่จะอาศัยบริการรถสาธารณะ เริ่มตั้งแต่รถเมล์ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถแท็กซี่ ไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถตู้ทั้งที่ประจำเส้นทางและไม่ประจำเส้นทาง

ในจำนวนรถรับจ้างสาธารณะทุกประเภท รถแท็กซี่ซึ่งเป็นรถรับจ้างประเภทรถยนต์นั่ง และให้บริการไม่ประจำเส้นทางขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างผู้โดยสารกับคนขับ ส่วนค่าโดยสารเป็นไปตามที่กฎหมายบังคับ คือจ่ายตามมิเตอร์ แต่มีอยู่บ้างที่แหกคอกคิดค่าโดยสารเองในลักษณะขู่เข็ญบังคับ และมักจะเกิดขึ้นแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

นอกจากมีการคิดค่าโดยสารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายบังคับแล้ว มีอยู่บ่อยครั้งที่คนขับรถรับจ้างประเภทนี้ใช้อาวุธจี้ปลดทรัพย์ผู้โดยสาร และในบางรายเมื่อผู้โดยสารปฏิเสธต่อสู้ขัดขืนก็ลงมือทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ และบางรายถึงตายก็เคยมี

แต่ที่น่าเกลียดและน่ากลัวมากกว่านี้ เมื่อผู้โดยสารเป็นสุภาพสตรีบางรายถูกจี้บังคับไปข่มขืน และนำเอาทรัพย์สินไปด้วย บางรายถึงกับฆ่าตายและนำศพไปทิ้งก็มีปรากฏเป็นข่าวมาแล้ว และทุกครั้งที่มีการจับผู้กระทำผิดได้มักจะยอมรับว่าเคยทำในลักษณะนี้มาแล้ว ดังตัวอย่างที่ปรากฏ แท็กซี่รายหนึ่งจี้ผู้โดยสารและถูกจับได้ยอมรับว่าเคยจี้นักเรียนสาวได้เงินไปเพียง 200 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้านำเรื่องทำนองนี้มารวบรวมในแต่ละปีเชื่อว่ามีไม่น้อย แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวและไม่ได้รับความสนใจจะแก้ไขจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่การกระทำผิดกฎหมายอันเนื่องด้วยแท็กซี่มีบ่อย ทั้งที่คนขับจี้ผู้โดยสารเพื่อชิงทรัพย์ และคนขับแท็กซี่ถูกผู้โดยสารจี้ชิงทรัพย์

ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการปราบปราม และป้องกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้ด้วยเหตุผลในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. ประเทศไทยต้องการรายได้จากธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และการปล่อยให้รถรับจ้างก่อคดีจี้ปล้นผู้โดยสารให้ปรากฏเป็นข่าวบ่อยๆ จะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่ปลอดภัย และเป็นเหตุให้ประเทศคู่แข่งนำไปประโคมข่าวเพื่อทำลายตลาดการท่องเที่ยวของไทยได้

2. ในยุคที่ประเทศเผชิญกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ คนว่างงานเพิ่มขึ้น และแถมมีปัญหาเรื่องประชากรไทยตกเป็นทาสยาเสพติดเพิ่มขึ้น โอกาสที่คนว่างงานและคนติดยาเสพติดจะอาศัยอาชีพขับรถรับจ้างแล้วถือโอกาสจี้ปล้นผู้โดยสาร หรือเป็นผู้โดยสารแล้วจี้ปล้นคนขับแท็กซี่เกิดขึ้นได้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวในสัดส่วนของคนว่างงาน และคนติดยาเสพติดที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นทุกที

3. จากจำนวนรถแท็กซี่ที่ปรากฏตามข่าวมีอยู่ประมาณ 7 หมื่นคันทั่วกรุงเทพฯ และในจำนวนนี้คนขับที่มีใบขับขี่รถรับจ้างสาธารณะถูกต้องตามกฎหมายมีอยู่ประมาณ 2 หมื่นคนเท่านั้น นอกนั้นไม่มีใบขับขี่หรือมีใบขับขี่ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถรับจ้างได้

ถ้าตัวเลขที่ว่ามาถูกต้องและเป็นจริงตามข่าว ก็แปลว่ามีคนขับแท็กซี่ 2 หมื่นคนเท่านั้นที่มีใบขับขี่ถูกต้อง ส่วนที่เหลือขับรถผิดกฎหมาย จึงทำให้เกิดข้อกังขาว่า แล้วคนขับอีก 5 หมื่นคนที่เหลือหลุดรอดเงื้อมมือตำรวจที่ตั้งด่านตรวจรถซึ่งมีอยู่บ่อยๆ ได้อย่างไร และชวนให้สงสัยต่อไปว่า ถ้ามีการปล่อยปละละเลยให้คนขับที่ไม่มีใบขับขี่ถูกต้องขับรถรับจ้างได้ จะเท่ากับเปิดช่องให้พวกมิจฉาชีพไปเช่ารถจากผู้ประกอบการให้เช่ารถแล้วไปประกอบอาชญากรรมได้โดยสะดวกหรือไม่

เมื่อมีการยอมรับว่ามีคนขับไม่มีใบขับขี่ถูกต้อง และกลายเป็นช่องให้เกิดการประกอบอาชญากรรมได้ แนวทางแก้ไขและป้องกันควรจะดำเนินการอย่างไร

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนเห็นว่าถ้าจะแก้ไขและป้องกันปัญหานี้อย่างจริงจัง ก็จะต้องแก้ให้ตรงเหตุซึ่งพอจะอนุมานแนวทางได้ดังต่อไปนี้

1. ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้เช่ารถแท็กซี่ช่วยตรวจสอบใบขับขี่ และประวัติบุคคลโดยสังเขปก่อนให้เช่ารถไปขับ และหากพบว่าไม่มีคุณสมบัติก็ไม่ควรให้เช่า

แต่ถ้าขอความร่วมมือแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ควรหาทางออกเป็นกฎหมายควบคุมกิจการรถเช่าทั้งระบบ และเข้มงวดเป็นพิเศษในส่วนของรถแท็กซี่

2. ถ้าเป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคลคือผู้ขับเป็นเจ้าของเอง ก็จะต้องทำการตรวจสอบเมื่อนำรถไปต่อทะเบียนประจำปี และหากพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เช่น เจ้าของขับเอง แต่ไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะ ก็ควรจะงดการต่อทะเบียนจนกว่าจะมีใบขับขี่ที่ถูกต้องมาแสดง แต่ถ้าให้คนอื่นเช่าต่อก็ให้นำหลักเกณฑ์ข้อ 1 มาใช้โดยอนุโลม

3. ในการตั้งด่านตรวจทุกครั้งขอให้ตรวจใบขับขี่ ถ้าพบว่าไม่มีใบขับขี่ถูกต้องก็ให้ยึดรถ และปรับเจ้าของผู้ประกอบการให้เช่าในกรณีที่รถเป็นของผู้ประกอบการให้เช่า แต่ถ้าเป็นรถของคนขับเองก็ให้ยึดรถและทำการปรับตามกฎหมาย

จากแนวทางดังกล่าวข้างต้น เชื่อได้ว่าจะป้องกันรถรับจ้างประเภทส่ายตาหาเหยื่อได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่หมดไปก็พอจะให้ความอุ่นใจแก่ผู้โดยสารได้บ้าง

แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยมากกว่านี้ ผู้โดยสารก็จะต้องช่วยตัวเองในการเลือกรถรับจ้างด้วยการดูลักษณะท่าทางก่อนตกลงใช้บริการ และเมื่อขึ้นนั่งบนรถแล้วก็จะต้องจดเลขทะเบียนรถ พร้อม โทร.บอกปลายทางที่จะไปเกี่ยวกับเลขทะเบียนรถ สีรถ และยี่ห้อรถ รวมไปถึงจุดที่ขึ้นรถ และเส้นทางที่ต้องผ่านไปด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่รอปลายทางได้ทราบไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินการทางคดีได้ส่วนหนึ่งนอกเหนือจากปากคำของผู้โดยสารเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น