รวบครบเซต! แก๊งปล้นร้านทองแสงทองสุก กวาดไปกว่า 30 บาท รับเดิมทีจะเข้าปล้นร้านทองข้างเคียง ไปดูลาดเลาแล้ว 3 ครั้งแต่เห็นตำรวจเฝ้าอยู่จึงเปลี่ยนแผนเข้าปล้นร้านดังกล่าวแทน อ้างได้ทองไปแค่ 13 บาท โดยให้ “ไอ้โย” หัวหน้าแก๊งนำทองไปขายได้เงินมากว่าแสนบาท ฝากเข้าบัญชีแฟนสาวแล้วนำมาแบ่งกัน เผยเหตุยิงสองผัวเมียเจ้าของร้านเพราะขัดขืนคำสั่ง
วันนี้ (29 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รรท.ผบก.น.8 พร้อมด้วย กก.สส.บก.น.8 และฝ่ายสืบสวนสน.สมเด็จเจ้าพระยา แถลงการจับกุมผู้ต้องหาปล้นทรัพย์ร้านทองแสงทองสุก โดยได้ทองรูปพรรณรวมกว่า 30 บาท เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายโยธิน หรือโย แซ่กัง อายุ 25 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป น.ส.ณัฐวรรษ หรือตูน ตั้งศิริกุลพร อายุ 19 ปี แฟนสาวของนายโยธิน นายศตวรรษ หรือแบงก์ มีไม้ดี อายุ 20 ปี อาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และนายธีระพล หรือพี แสงหิรัญ อายุ 19 ปี พร้อมของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีแดง-ขาว ป้ายทะเบียน สมท 35 กทม. ปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนอีก 3 นัด สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ และบัตรเอทีเอ็ม
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อกใช้ปืนบุกเข้าชิงทรัพย์ร้านทองแสงทองสุก เลขที่ 326 ถนนท่าดินแดง แขวงและเขตคลองสาน กทม. โดยคนร้ายยิงนายไพวุฒิ ปริสุทธิพงศ์ เจ้าของร้าน 2 นัด กระสุนปืนเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายและแก้มซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส และนางปราณี ปริสุทธิพงศ์ ภรรยาเจ้าของร้าน ถูกยิงบริเวณเหนือเข่าซ้ายบาดเจ็บเช่นกัน โดยคนร้ายใช้ปืนยิงกระจกตู้โชว์กวาดเอาทองรูปพรรณไปประมาณ 30 บาท มูลค่าประมาณ 750,000 บาท และยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ไม่ให้ติดตาม จากนั้นได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป หลังตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีย่านชุมชนหนองใหญ่ ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองน่าจะพักอยู่ในชุมชน เพราะจากที่สังเกตเห็นว่าร่ำรวยผิดปกติ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนพบว่านายโยได้นำทองรูปพรรณที่ปล้นมาได้ไปขายที่ร้านรับซื้อทองแห่งหนึ่งย่านบางแค ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหลักฐานจึงขออนุมัติหมายศาลจับกุมนายธีระพล และนายศตวรรษได้ที่บริเวณชุมชนดังกล่าว ส่วนนายโยธิน และน.ส.ณัฐวรรษ ได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ แต่หนีไม่รอดถูกจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ในวันก่อเหตุ ตนเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ และใช้ปืนยิงเจ้าของร้านทองบาดเจ็บ ส่วนนายศตวรรษเป็นคนนั่งซ้อนท้าย และนายโยธินเป็นคนคอยดูต้นทาง และเป็นคนวางแผนการทั้งหมด โดยสาเหตุที่ต้องยิงเจ้าของร้าน เพราะขัดขืนคำสั่ง นอกจากนี้ นายโยธินหัวหน้าแก๊งได้วางแผนในการปล้นร่วมกับนายศตวรรษมาเป็นอย่างดี ในการที่จะก่อเหตุ โดยจะลงมือปล้นร้านทองโรจนสิน ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านเกิดเหตุ และได้ไปดูลาดเลาแล้ว 3 ครั้ง ช่วงหกโมงเย็นตั้งแต่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค. แต่มีตำรวจเฝ้าอยู่จึงเปลี่ยนแผน และเปลี่ยนให้นายศตวรรษเป็นคนใช้ปืนปล้นร้านดังกล่าวเช้าวันรุ่งแทน โดยอาศัยจังหวะที่ไม่มีตำรวจอยู่ได้ทำการก่อเหตุซึ่งการเข้าปล้นร้านทองแสงทองสุกผู้ต้องหาอ้างว่าได้ไปเพียง 13 บาทเท่านั้น โดยได้ให้นายโยธินนำไปขายได้เงินสดมากว่าแสนบาท และได้นำเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ณัฐวรรษ (แฟนสาว) และนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะ ร่วมกันพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ชี้ภาพคนร้ายจี้แบงก์กสิกรฯ ชัด แต่กันน็อกปิดหน้า
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วินัย กล่าวถึงความคืบหน้าคนร้ายชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย หน้าห้างโรบินสัน สาขารัชดาฯ ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีภาพคนร้ายปรากฏอยู่บนหน้าจอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เทปมาแล้ว และกำลังทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ โดยภาพที่บันทึกได้นั้นค่อนข้างชัดเจน แต่ตัวคนร้ายนั้นใส่หมวกกันน็อกปกปิดใบหน้าจึงไม่สามารถเห็นใบหน้าที่ชัดเจนได้
วันนี้ (29 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รรท.ผบก.น.8 พร้อมด้วย กก.สส.บก.น.8 และฝ่ายสืบสวนสน.สมเด็จเจ้าพระยา แถลงการจับกุมผู้ต้องหาปล้นทรัพย์ร้านทองแสงทองสุก โดยได้ทองรูปพรรณรวมกว่า 30 บาท เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายโยธิน หรือโย แซ่กัง อายุ 25 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป น.ส.ณัฐวรรษ หรือตูน ตั้งศิริกุลพร อายุ 19 ปี แฟนสาวของนายโยธิน นายศตวรรษ หรือแบงก์ มีไม้ดี อายุ 20 ปี อาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และนายธีระพล หรือพี แสงหิรัญ อายุ 19 ปี พร้อมของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีแดง-ขาว ป้ายทะเบียน สมท 35 กทม. ปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนอีก 3 นัด สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ และบัตรเอทีเอ็ม
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อกใช้ปืนบุกเข้าชิงทรัพย์ร้านทองแสงทองสุก เลขที่ 326 ถนนท่าดินแดง แขวงและเขตคลองสาน กทม. โดยคนร้ายยิงนายไพวุฒิ ปริสุทธิพงศ์ เจ้าของร้าน 2 นัด กระสุนปืนเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายและแก้มซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส และนางปราณี ปริสุทธิพงศ์ ภรรยาเจ้าของร้าน ถูกยิงบริเวณเหนือเข่าซ้ายบาดเจ็บเช่นกัน โดยคนร้ายใช้ปืนยิงกระจกตู้โชว์กวาดเอาทองรูปพรรณไปประมาณ 30 บาท มูลค่าประมาณ 750,000 บาท และยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ไม่ให้ติดตาม จากนั้นได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป หลังตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีย่านชุมชนหนองใหญ่ ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองน่าจะพักอยู่ในชุมชน เพราะจากที่สังเกตเห็นว่าร่ำรวยผิดปกติ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนพบว่านายโยได้นำทองรูปพรรณที่ปล้นมาได้ไปขายที่ร้านรับซื้อทองแห่งหนึ่งย่านบางแค ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหลักฐานจึงขออนุมัติหมายศาลจับกุมนายธีระพล และนายศตวรรษได้ที่บริเวณชุมชนดังกล่าว ส่วนนายโยธิน และน.ส.ณัฐวรรษ ได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ แต่หนีไม่รอดถูกจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ในวันก่อเหตุ ตนเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ และใช้ปืนยิงเจ้าของร้านทองบาดเจ็บ ส่วนนายศตวรรษเป็นคนนั่งซ้อนท้าย และนายโยธินเป็นคนคอยดูต้นทาง และเป็นคนวางแผนการทั้งหมด โดยสาเหตุที่ต้องยิงเจ้าของร้าน เพราะขัดขืนคำสั่ง นอกจากนี้ นายโยธินหัวหน้าแก๊งได้วางแผนในการปล้นร่วมกับนายศตวรรษมาเป็นอย่างดี ในการที่จะก่อเหตุ โดยจะลงมือปล้นร้านทองโรจนสิน ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านเกิดเหตุ และได้ไปดูลาดเลาแล้ว 3 ครั้ง ช่วงหกโมงเย็นตั้งแต่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค. แต่มีตำรวจเฝ้าอยู่จึงเปลี่ยนแผน และเปลี่ยนให้นายศตวรรษเป็นคนใช้ปืนปล้นร้านดังกล่าวเช้าวันรุ่งแทน โดยอาศัยจังหวะที่ไม่มีตำรวจอยู่ได้ทำการก่อเหตุซึ่งการเข้าปล้นร้านทองแสงทองสุกผู้ต้องหาอ้างว่าได้ไปเพียง 13 บาทเท่านั้น โดยได้ให้นายโยธินนำไปขายได้เงินสดมากว่าแสนบาท และได้นำเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ณัฐวรรษ (แฟนสาว) และนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนและใช้ยานพาหนะ ร่วมกันพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ชี้ภาพคนร้ายจี้แบงก์กสิกรฯ ชัด แต่กันน็อกปิดหน้า
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วินัย กล่าวถึงความคืบหน้าคนร้ายชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย หน้าห้างโรบินสัน สาขารัชดาฯ ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีภาพคนร้ายปรากฏอยู่บนหน้าจอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เทปมาแล้ว และกำลังทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ โดยภาพที่บันทึกได้นั้นค่อนข้างชัดเจน แต่ตัวคนร้ายนั้นใส่หมวกกันน็อกปกปิดใบหน้าจึงไม่สามารถเห็นใบหน้าที่ชัดเจนได้