ASTVผู้จัดการรายวัน - แนวร่วมพันธมิตรฯ เข้ารับข้อกล่าวหาเพิ่ม ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ขณะที่ “สมยศ” เผย 30 คนที่ถูกออกหมายเรียกจะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ด้านพธม.นัดกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวค้านแก้รธน.10 มี.ค.ที่สวนลุมพินี
วันที่ 10 มี.ค. นี้เวลา09.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพิ่ประชาธิปไตย และแนวร่วมจากทั่วประเทศ จะนัดประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ(รธน.) ที่สวนลุมพินีสถาน อาคารลีลาศ สวนลุมพีนี ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ โดยจะเริ่มลงทะเบียนในเวลา 09.00 น. และเริ่มประชุมในเวลา 10.00 น. จากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ฯ จะกล่าวเปิดงาน และเริ่มเสวนา โดยมี นายคมสันต์ โพธิ์คง นายณรงค์ โชควัฒนา นายประพันธ์ คูณมี รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
เป็นวิทยากร ก่อนที่จะเปิดให้ผู้ร่วมเสวนาแสดงความคิดเห็นต่อ “ทิศทางพันธมิตรต่อสถานการณ์ปัจจุบัน”
ขณะที่เวลา 10.00 น. วานนี้ (9 มี.ค.55)ที่ กองปราบปราม นายสุรพงษ์ ชัยนาม นายเทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ และ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ ผู้ต้องหาร่วมชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการ โดยทั้ง 3 คนจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งฯ แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9, 10 และ พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9, 10, 18
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 30 คน ที่ถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาว่าในวันที่ 12 มี.ค.เวลา 10.00 น.ผู้ต้องหาทั้ง 30 คน จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาเพิ่มเติมในคดีนี้
สำหรับผู้ต้องหาคดีร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในสนามบินทั้งสองแห่ง ซึ่งอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 46 คน โดยในจำนวนนี้มีอยู่เพียงคนเดียวที่จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาก่อการร้าย คือ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้ต้องหาที่มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามหมายเรียกครั้งแรก 7 คน ส่วนหมายเรียกครั้งที่สอง คือ ในวานี้มี 3 คน รวมเป็น 10 คน ส่วนที่เหลืออีก 36 คนนั้น ได้นัดหมายเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 12 มีนาคมนี้ และมีแจ้งเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด 5 คน และยังไม่แจ้งมาว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ 1 คน
วันที่ 10 มี.ค. นี้เวลา09.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพิ่ประชาธิปไตย และแนวร่วมจากทั่วประเทศ จะนัดประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ(รธน.) ที่สวนลุมพินีสถาน อาคารลีลาศ สวนลุมพีนี ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ โดยจะเริ่มลงทะเบียนในเวลา 09.00 น. และเริ่มประชุมในเวลา 10.00 น. จากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ฯ จะกล่าวเปิดงาน และเริ่มเสวนา โดยมี นายคมสันต์ โพธิ์คง นายณรงค์ โชควัฒนา นายประพันธ์ คูณมี รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
เป็นวิทยากร ก่อนที่จะเปิดให้ผู้ร่วมเสวนาแสดงความคิดเห็นต่อ “ทิศทางพันธมิตรต่อสถานการณ์ปัจจุบัน”
ขณะที่เวลา 10.00 น. วานนี้ (9 มี.ค.55)ที่ กองปราบปราม นายสุรพงษ์ ชัยนาม นายเทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ และ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ ผู้ต้องหาร่วมชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการ โดยทั้ง 3 คนจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งฯ แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9, 10 และ พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9, 10, 18
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 30 คน ที่ถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาว่าในวันที่ 12 มี.ค.เวลา 10.00 น.ผู้ต้องหาทั้ง 30 คน จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาเพิ่มเติมในคดีนี้
สำหรับผู้ต้องหาคดีร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในสนามบินทั้งสองแห่ง ซึ่งอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 46 คน โดยในจำนวนนี้มีอยู่เพียงคนเดียวที่จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาก่อการร้าย คือ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้ต้องหาที่มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามหมายเรียกครั้งแรก 7 คน ส่วนหมายเรียกครั้งที่สอง คือ ในวานี้มี 3 คน รวมเป็น 10 คน ส่วนที่เหลืออีก 36 คนนั้น ได้นัดหมายเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 12 มีนาคมนี้ และมีแจ้งเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด 5 คน และยังไม่แจ้งมาว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ 1 คน