เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มีบทความพาดพิงถึงการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการทหารอากาศ ในหนังสือพิมพ์รายวัน Bangkok Post ที่กำลังมีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อไปสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ใน 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่โอกาสและความน่าจะเป็นที่ทหารจะกระทำรัฐประหาร รัฐบาลน้องสาวของเขาและเขาจะเข้ามารับโทษในไทยหรือไม่ ในประเด็นหลังนั้นทักษิณตอบว่า “เขามิได้ทำอะไรผิด”
แต่เนื้อหาที่จะเขียนนั้นไม่ได้อยู่ที่ประเด็นการสัมภาษณ์ แต่อยู่ที่บทความหนึ่ง โดยคุณวาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารที่มีประสบการณ์สูงมากคนหนึ่ง ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เกี่ยวกับเหตุการณ์รัฐประหารของ รสช. 23 กุมภาพันธ์ 2535 จนสามารถนำข้อมูลทำปริญญานิพนธ์ปริญญาโทสำเร็จบริบูรณ์ และนำเนื้อหาสาระมาเขียนเป็นหนังสือขายดี ชื่อเรื่องว่า “บันทึกคำให้การ สุจินดา คราประยูร” กำเนิด และอวสาน รสช.
และจากผลพวงประสบการณ์นี้ เธอได้เขียนหนังสืออีกอย่างน้อย 4 เล่ม โยงใยถึงการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นซีรีส์ ได้แก่ “ลับ ลวง พราง” “ลับ ลวง พราง ภาค 2” ซ่อนรูปปฏิวัติหักเหลี่ยมโหด “ลับ ลวง พราง ภาค 3” และ “ลับ ลวง พราง ภาคพิสดาร” ความสามารถพิเศษนี้ลอกเลียนแบบไม่ได้ แต่ผลลัพธ์คือเธอกลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ จากยอดขายหนังสือ 5 เล่มนี้
คุณวาสนา นาน่วม ได้เขียนบทความเชิงพยากรณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในกองทัพอากาศ ในการโยกย้ายทหารกลางปีตั้งแต่เมษายนศกนี้ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของกองทัพ โดยมีตัวละครที่เธอได้กล่าวถึง 3 คน คือ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ และ พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกันกับทักษิณ และพล.อ.อ.สุกำพล
คุณวาสนาเปรยๆ ว่า พล.อ.อ.อิทธพร อาจจะถูกย้ายออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.อ.อ.พิธพร จะเข้ามารับตำแหน่งแทน เพราะ พล.อ.อ.สุกำพลคิดว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับเขา และขจัดเขาออกจากกองทัพอากาศ ด้วยเหตุที่หาว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับทักษิณ
เนื้อหาในบทความนั้นมีลักษณะเป็นเช่นนี้ แต่ความจริงที่สังคมอาจจะไม่ได้รับรู้ก็คือว่า พล.อ.อ.สุกำพล อดีตเตรียมทหารรุ่นที่ 10 เป็นพลอากาศตรีในตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศเพียงปีเดียว แล้วขึ้นเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศฝ่ายยุทธการ อัตราพลอากาศโท ต่อมาอีกเพียง 2 ปี เขาก็ได้รับตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารอากาศ อัตราพลอากาศเอก จนถูกย้ายออกจากกองทัพอากาศในปี พ.ศ. 2549 จากการรัฐประหาร 19 กันยายน
การย้าย เลื่อนยศ และเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพอากาศของ พล.อ.อ.สุกำพล นั้น เป็นการเลื่อนยศเข้าตำแหน่งข้ามอาวุโสถึง 3 รุ่น คือ ข้ามรุ่นเตรียมทหาร 9, 8 และ 7 อย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่มีนายพลอากาศที่มีฝีมือการบิน ความรู้และประสบการณ์เป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศประจำต่างประเทศหลายคน
คำถามสำคัญว่าการข้ามรุ่นเตรียมทหาร 9, 8 และ 7 ของ พล.อ.อ.สุกำพล นั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทหารยศนายพลอากาศเอกรุ่นก่อนๆ เหล่านี้ หาก พล.อ.อ.สุกำพลได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ
คำตอบก็เป็นคำตอบเงียบๆ ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่ยอมแต่งตั้ง พล.อ.อ.สุกำพล เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ทั้งๆ ที่มีใบสั่งจากทักษิณ เพราะท่านรู้ว่ามันผิดธรรมเนียมทหารมากไป และกลับฟังเหตุผลของ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศใน พ.ศ.2551 ที่สามารถบรรยายถึงความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงของ พล.อ.อ.อิทธพร ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 และในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ท่านก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พี่โอ๋เป็นรุ่นพี่ ทั้งที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย โรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายเรืออากาศ เรียน เล่น กินนอนมาด้วยกัน” แต่ไม่ได้วิจารณ์อะไรเกินไปกว่านี้ ด้วยพื้นนิสัยเป็นสุภาพบุรุษ
พล.อ.อ.อิทธพร เป็นนักบิน F-16 ชุดแรกที่ไปฝึกบินและรับเครื่องบินบินกลับไทยจากสหรัฐอเมริกา เป็นผู้บังคับฝูงบิน F-16 คนแรก ที่สร้างวัฒนธรรมการเป็นนักบินขับไล่ไอพ่นยุคที่ 4 หรือยุคคอมพิวเตอร์ วางรากฐานการบิน F-16 ไว้อย่างมีประสิทธภาพและปลอดภัย ฝูงบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทยไม่เคยมีอุบัติเหตุเลยแม้แต่น้อยเกือบ 20 กว่าปี หลังจากเข้าประจำการ จนเกิดอุบัติเหตุเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ด้วยอุปนิสัยเยือกเย็นแต่เด็ดขาด และความเป็นสุภาพบุรุษนั้น ทำให้ท่านเป็นผู้นำกองทัพอากาศคนหนึ่งที่มีเสน่หาบารมีสูง ทั้งมีความรู้ ความสามารถในการบริหารฝูงบิน จนนายทหารกองทัพสหรัฐฯ ยอมยกนิ้วให้ และเมื่อไปเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.นั้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับกองทัพอากาศไทย จนเป็นที่ยอมรับของกองทัพอากาศนานาชาติ
น้ำท่วมดอนเมืองเป็นความผิดของท่านหรือ ในเมื่อ ศอภ.ก็โดนน้ำท่วมจนต้องหนีกันกระเจิง ถ้าคำพูดที่ว่า “เอาอยู่” เป็นเหตุผลหนึ่งที่กองทัพอากาศไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกเหนือจากการฟังรายงาน และคำยืนยันของ ศอภ.ของรัฐบาลชุดนี้
อย่าให้ท้องฟ้าเหนือดอนเมืองหม่นหมอง และอย่าให้เกิดพายุเมฆฝนขึ้นเหนือดอนเมืองเลย เพราะวิญญาณบรรพบุรุษกองทัพอากาศเฮี้ยนเสมอ การเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศนั้น เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาในความพิสดาร นักประวัติศาสตร์กองทัพอากาศรู้ดี จึงขออย่าได้ลองความศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณบุพการีกองทัพอากาศเลยครับ สิ่งที่ดีอยู่แล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีของมัน
แต่เนื้อหาที่จะเขียนนั้นไม่ได้อยู่ที่ประเด็นการสัมภาษณ์ แต่อยู่ที่บทความหนึ่ง โดยคุณวาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารที่มีประสบการณ์สูงมากคนหนึ่ง ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เกี่ยวกับเหตุการณ์รัฐประหารของ รสช. 23 กุมภาพันธ์ 2535 จนสามารถนำข้อมูลทำปริญญานิพนธ์ปริญญาโทสำเร็จบริบูรณ์ และนำเนื้อหาสาระมาเขียนเป็นหนังสือขายดี ชื่อเรื่องว่า “บันทึกคำให้การ สุจินดา คราประยูร” กำเนิด และอวสาน รสช.
และจากผลพวงประสบการณ์นี้ เธอได้เขียนหนังสืออีกอย่างน้อย 4 เล่ม โยงใยถึงการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นซีรีส์ ได้แก่ “ลับ ลวง พราง” “ลับ ลวง พราง ภาค 2” ซ่อนรูปปฏิวัติหักเหลี่ยมโหด “ลับ ลวง พราง ภาค 3” และ “ลับ ลวง พราง ภาคพิสดาร” ความสามารถพิเศษนี้ลอกเลียนแบบไม่ได้ แต่ผลลัพธ์คือเธอกลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ จากยอดขายหนังสือ 5 เล่มนี้
คุณวาสนา นาน่วม ได้เขียนบทความเชิงพยากรณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในกองทัพอากาศ ในการโยกย้ายทหารกลางปีตั้งแต่เมษายนศกนี้ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของกองทัพ โดยมีตัวละครที่เธอได้กล่าวถึง 3 คน คือ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ และ พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกันกับทักษิณ และพล.อ.อ.สุกำพล
คุณวาสนาเปรยๆ ว่า พล.อ.อ.อิทธพร อาจจะถูกย้ายออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.อ.อ.พิธพร จะเข้ามารับตำแหน่งแทน เพราะ พล.อ.อ.สุกำพลคิดว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับเขา และขจัดเขาออกจากกองทัพอากาศ ด้วยเหตุที่หาว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับทักษิณ
เนื้อหาในบทความนั้นมีลักษณะเป็นเช่นนี้ แต่ความจริงที่สังคมอาจจะไม่ได้รับรู้ก็คือว่า พล.อ.อ.สุกำพล อดีตเตรียมทหารรุ่นที่ 10 เป็นพลอากาศตรีในตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศเพียงปีเดียว แล้วขึ้นเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศฝ่ายยุทธการ อัตราพลอากาศโท ต่อมาอีกเพียง 2 ปี เขาก็ได้รับตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารอากาศ อัตราพลอากาศเอก จนถูกย้ายออกจากกองทัพอากาศในปี พ.ศ. 2549 จากการรัฐประหาร 19 กันยายน
การย้าย เลื่อนยศ และเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพอากาศของ พล.อ.อ.สุกำพล นั้น เป็นการเลื่อนยศเข้าตำแหน่งข้ามอาวุโสถึง 3 รุ่น คือ ข้ามรุ่นเตรียมทหาร 9, 8 และ 7 อย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่มีนายพลอากาศที่มีฝีมือการบิน ความรู้และประสบการณ์เป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศประจำต่างประเทศหลายคน
คำถามสำคัญว่าการข้ามรุ่นเตรียมทหาร 9, 8 และ 7 ของ พล.อ.อ.สุกำพล นั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทหารยศนายพลอากาศเอกรุ่นก่อนๆ เหล่านี้ หาก พล.อ.อ.สุกำพลได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ
คำตอบก็เป็นคำตอบเงียบๆ ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่ยอมแต่งตั้ง พล.อ.อ.สุกำพล เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ทั้งๆ ที่มีใบสั่งจากทักษิณ เพราะท่านรู้ว่ามันผิดธรรมเนียมทหารมากไป และกลับฟังเหตุผลของ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศใน พ.ศ.2551 ที่สามารถบรรยายถึงความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงของ พล.อ.อ.อิทธพร ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 และในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ท่านก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พี่โอ๋เป็นรุ่นพี่ ทั้งที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย โรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายเรืออากาศ เรียน เล่น กินนอนมาด้วยกัน” แต่ไม่ได้วิจารณ์อะไรเกินไปกว่านี้ ด้วยพื้นนิสัยเป็นสุภาพบุรุษ
พล.อ.อ.อิทธพร เป็นนักบิน F-16 ชุดแรกที่ไปฝึกบินและรับเครื่องบินบินกลับไทยจากสหรัฐอเมริกา เป็นผู้บังคับฝูงบิน F-16 คนแรก ที่สร้างวัฒนธรรมการเป็นนักบินขับไล่ไอพ่นยุคที่ 4 หรือยุคคอมพิวเตอร์ วางรากฐานการบิน F-16 ไว้อย่างมีประสิทธภาพและปลอดภัย ฝูงบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทยไม่เคยมีอุบัติเหตุเลยแม้แต่น้อยเกือบ 20 กว่าปี หลังจากเข้าประจำการ จนเกิดอุบัติเหตุเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ด้วยอุปนิสัยเยือกเย็นแต่เด็ดขาด และความเป็นสุภาพบุรุษนั้น ทำให้ท่านเป็นผู้นำกองทัพอากาศคนหนึ่งที่มีเสน่หาบารมีสูง ทั้งมีความรู้ ความสามารถในการบริหารฝูงบิน จนนายทหารกองทัพสหรัฐฯ ยอมยกนิ้วให้ และเมื่อไปเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.นั้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับกองทัพอากาศไทย จนเป็นที่ยอมรับของกองทัพอากาศนานาชาติ
น้ำท่วมดอนเมืองเป็นความผิดของท่านหรือ ในเมื่อ ศอภ.ก็โดนน้ำท่วมจนต้องหนีกันกระเจิง ถ้าคำพูดที่ว่า “เอาอยู่” เป็นเหตุผลหนึ่งที่กองทัพอากาศไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกเหนือจากการฟังรายงาน และคำยืนยันของ ศอภ.ของรัฐบาลชุดนี้
อย่าให้ท้องฟ้าเหนือดอนเมืองหม่นหมอง และอย่าให้เกิดพายุเมฆฝนขึ้นเหนือดอนเมืองเลย เพราะวิญญาณบรรพบุรุษกองทัพอากาศเฮี้ยนเสมอ การเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศนั้น เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาในความพิสดาร นักประวัติศาสตร์กองทัพอากาศรู้ดี จึงขออย่าได้ลองความศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณบุพการีกองทัพอากาศเลยครับ สิ่งที่ดีอยู่แล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีของมัน
