ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-ปัญหาหมอกควันคลุมพื้นที่ทำทัศนวิสัย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเลวร้าย 4 จังหวัดมองเห็นได้ระยะแค่ 1 กม.เท่านั้น ขณะที่ไฟล์ทบินเข้าแม่ฮ่องสอนของกานต์แอร์ต้องดีเลย์ซ้ำ ส่วนนกแอร์เลื่อนไม่มีกำหนด ส่วนค่าฝุ่นละอองในอากาศทั้ง 8 จังหวัดยังเกินมาตรฐาน “สุรวิทย์”เผยนายกฯ กำชับรัฐมนตรีลงพื้นที่แก้ปัญหา หากจำเป็นให้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ยอดคนไข้พุ่ง 5 เท่าตัว ส่วนใหญ่เป็นหอบหืด ระบบหายใจ "ผบ.ทบ." สั่งทัพภาค 3 เพิ่มมาตรการจับคนเผาป่า
จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือวานนี้ (6 มี.ค.) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ระหว่าง 117.7-188.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ทั้ง จ.แพร่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน เชียงใหม่ และลำพูน มีฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ทั้งสิ้น รวมถึงคุณภาพอากาศ (AQI) ก็อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินมาตรฐานที่ 100 เช่นกัน
โดยที่ จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจวัดระดับฝุ่นละอองรายชั่วโมง เมื่อ 11.00 น.วานนี้ พบว่าที่ศาลากลางเชียงใหม่ วัดได้ 153.61 ไมโครกรัม/ลบ.ม. , โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 130.39 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ส่วน จ.ลำปาง พบว่าทั้งค่าฝุ่นละอองและคุณภาพอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินมาตรฐานทุกสถานีเช่นกัน โดยที่ศาลหลักเมืองลำปาง วัดค่าฝุ่นละอองได้ 167.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม., สถานี รพ.สต.สบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 172.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม., สถานี รพ.สต.ท่าสี อ.แม่เมาะ วัดได้ 174.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม.และสถานีการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ วัดได้ 175.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ที่ จ.เชียงราย พบว่าค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง 24 ชั่วโมง ลดระดับความรุนแรงลงมา หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นสูงสุดกว่า 356 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลดลงมาอยู่ที่ 156.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ในเขต อ.เมือง ส่วนที่ อ.แม่สาย วัดได้ 180.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ส่วนที่ จ.พะเยา สถานีอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา วัดค่าฝุ่นละอองได้ 175.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ที่ จ.ลำพูน สถานีสนามกีฬา อบจ.ลำพูน วัดได้ 125.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และที่เมืองน่าน สถานีตรวจวัดเทศบาลเมืองน่าน วัดได้ 148.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน จากการตรวจวัดที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯพบว่า ค่าฝุ่นละออง อยู่ที่ 177.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ส่วนที่ จ.แพร่ พบว่าวานนี้ จ.แพร่ เป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองในอากาศสูงที่สุดใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแพร่ วัดค่าได้ 188.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
**เผย4จังหวัดมองเห็นแค่1กม.
ข่าวแจ้งว่า สถานการณ์หมอกควันไฟป่าที่ยังคงปกคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนอยู่นั้น ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำทุกจังหวัด โดยอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ณ เวลาประมาณ 07.00 น.วานนี้ 8 จังหวัดภาคเหนือมีทัศนวิสัยอยู่ในระดับ 1-4 กม.โดยเฉพาะ จ.ลำพูน แม่ฮ่องสอน แพร่ และ จ.น่าน มีทัศวิสัยเพียง 1 กม.เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอดระยะเวลาที่เกิดปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ จ.ลำปาง ค่าฝุ่นละอองที่วัดได้และเผยแพร่ต่อสาธารณะชน ล้วนแต่เป็นข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษทั้งสิ้น ขณะที่สถานีตรวจวัดของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีอยู่ 11 สถานี ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเท่าใดนัก
**เครื่องเข้า"แม่ฮ่องสอน"ดีเลย์ซ้ำ
น.ส.ศิริอร รังศิริตานนทร์ ผู้จัดการห้างหุ้มส่วนแม่ฮ่องสอน ที เอ็น ทัวร์ กล่าวว่า สถานการณ์ควันไฟในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีความรุนแรงมาก ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามาเที่ยว เพราะควันไฟป่าปกคลุมหายใจไม่สะดวก สายการบินกานต์แอร์ ที่ออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 08.25 น.กำหนดลงสนามบินแม่ฮ่องสอน 09.00 น.ไม่สามารถทำการบินได้ เนื่องจากควันไฟปกคลุมในพื้นที่ ต้องรอจนถึงเวลา 12.15 น. จึงบินได้ ส่วนสายการนกแอร์ เที่ยว 11.35 น. ต้องเลื่อนเวลาทำการบินออกไปอย่างไม่มีกำหนด
**นายกฯกำชับรัฐมนตรีลงพื้นที่แก้ปัญหา
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้แต่ละหน่วยงานลงพื้นที่เพื่อดูแลตามหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลในเรื่องสุขภาพอนามัย กระทรวงมหาดไทย ในการประสานงบประมาณท้องถิ่น ทั้งในส่วน อบจ., อบต., เทศบาล และอาสมัครต่างๆ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้มงวดกับประชาชนที่เผาป่ามากขึ้น โดยขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงไปก่อน รวมไปถึงการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยสลายหมอกควันในพื้นที่แต่ทราบว่ายังไม่สามารถทำได้เต็มที่เนื่องจากมีความชื้นสัมพัทธ์ค่อนข้างสูง
"สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อไรคงตอบได้ยาก แต่ทุกหน่วยงานก็เร่งมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว สำหรับการประกาศให้ 8 จังหวัดภาคเหนือเป็นพื้นที่ประสบภัยนั้น ยังคงไม่สามารถประกาศได้ เพราะส่วนใหญ่เกรงว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่" นพ.สุรวิทย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานด้านสุขภาพของประชาชนพบว่า มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า แบ่งเป็นผู้ป่วยหอบหืดที่เพิ่มมากกว่า 14,000 ราย ผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอีกกว่า 13,000 คน และที่มีผลกระทบที่ตาและการมองเห็นราว 1,400 ราย โดยในส่วนนี้ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอย่างทั่วถึงแล้ว
**ผบ.ทบ.สั่ง ทภ.3เข้มจับคนเผาป่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 โดยมี กอ.รมน.ภาค ทำงานร่วมกับในส่วนของจังหวัด ซึ่งตนได้สั่งกำชับให้กองทัพภาคที่ 3 เพิ่มมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับส่วนราชการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนินีนาถ ทรงเป็นห่วง แต่ปัญหาก็คือประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมการเพาะปลูก ดังนั้น จึงต้องพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งหากมีการละเมิดเผาป่าก็จะต้องมีการดำเนินคดีไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ และอีกประการหนึ่งควันไฟส่วนหนึ่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก
"กองทัพบกได้ประสานงานไปยังผู้ช่วยทูตประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยกันดูแลเรื่องนี้เพราะมีผลกระทบทั้ง 3 ประเทศ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม" ผบ.ทบ.กล่าว
จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือวานนี้ (6 มี.ค.) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ระหว่าง 117.7-188.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ทั้ง จ.แพร่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน เชียงใหม่ และลำพูน มีฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ทั้งสิ้น รวมถึงคุณภาพอากาศ (AQI) ก็อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินมาตรฐานที่ 100 เช่นกัน
โดยที่ จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจวัดระดับฝุ่นละอองรายชั่วโมง เมื่อ 11.00 น.วานนี้ พบว่าที่ศาลากลางเชียงใหม่ วัดได้ 153.61 ไมโครกรัม/ลบ.ม. , โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 130.39 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ส่วน จ.ลำปาง พบว่าทั้งค่าฝุ่นละอองและคุณภาพอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินมาตรฐานทุกสถานีเช่นกัน โดยที่ศาลหลักเมืองลำปาง วัดค่าฝุ่นละอองได้ 167.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม., สถานี รพ.สต.สบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 172.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม., สถานี รพ.สต.ท่าสี อ.แม่เมาะ วัดได้ 174.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม.และสถานีการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ วัดได้ 175.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ที่ จ.เชียงราย พบว่าค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง 24 ชั่วโมง ลดระดับความรุนแรงลงมา หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นสูงสุดกว่า 356 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลดลงมาอยู่ที่ 156.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ในเขต อ.เมือง ส่วนที่ อ.แม่สาย วัดได้ 180.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ส่วนที่ จ.พะเยา สถานีอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา วัดค่าฝุ่นละอองได้ 175.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ที่ จ.ลำพูน สถานีสนามกีฬา อบจ.ลำพูน วัดได้ 125.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และที่เมืองน่าน สถานีตรวจวัดเทศบาลเมืองน่าน วัดได้ 148.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน จากการตรวจวัดที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯพบว่า ค่าฝุ่นละออง อยู่ที่ 177.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ส่วนที่ จ.แพร่ พบว่าวานนี้ จ.แพร่ เป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองในอากาศสูงที่สุดใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแพร่ วัดค่าได้ 188.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
**เผย4จังหวัดมองเห็นแค่1กม.
ข่าวแจ้งว่า สถานการณ์หมอกควันไฟป่าที่ยังคงปกคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนอยู่นั้น ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำทุกจังหวัด โดยอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ณ เวลาประมาณ 07.00 น.วานนี้ 8 จังหวัดภาคเหนือมีทัศนวิสัยอยู่ในระดับ 1-4 กม.โดยเฉพาะ จ.ลำพูน แม่ฮ่องสอน แพร่ และ จ.น่าน มีทัศวิสัยเพียง 1 กม.เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอดระยะเวลาที่เกิดปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ จ.ลำปาง ค่าฝุ่นละอองที่วัดได้และเผยแพร่ต่อสาธารณะชน ล้วนแต่เป็นข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษทั้งสิ้น ขณะที่สถานีตรวจวัดของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีอยู่ 11 สถานี ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเท่าใดนัก
**เครื่องเข้า"แม่ฮ่องสอน"ดีเลย์ซ้ำ
น.ส.ศิริอร รังศิริตานนทร์ ผู้จัดการห้างหุ้มส่วนแม่ฮ่องสอน ที เอ็น ทัวร์ กล่าวว่า สถานการณ์ควันไฟในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีความรุนแรงมาก ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามาเที่ยว เพราะควันไฟป่าปกคลุมหายใจไม่สะดวก สายการบินกานต์แอร์ ที่ออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 08.25 น.กำหนดลงสนามบินแม่ฮ่องสอน 09.00 น.ไม่สามารถทำการบินได้ เนื่องจากควันไฟปกคลุมในพื้นที่ ต้องรอจนถึงเวลา 12.15 น. จึงบินได้ ส่วนสายการนกแอร์ เที่ยว 11.35 น. ต้องเลื่อนเวลาทำการบินออกไปอย่างไม่มีกำหนด
**นายกฯกำชับรัฐมนตรีลงพื้นที่แก้ปัญหา
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้แต่ละหน่วยงานลงพื้นที่เพื่อดูแลตามหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลในเรื่องสุขภาพอนามัย กระทรวงมหาดไทย ในการประสานงบประมาณท้องถิ่น ทั้งในส่วน อบจ., อบต., เทศบาล และอาสมัครต่างๆ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้มงวดกับประชาชนที่เผาป่ามากขึ้น โดยขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงไปก่อน รวมไปถึงการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยสลายหมอกควันในพื้นที่แต่ทราบว่ายังไม่สามารถทำได้เต็มที่เนื่องจากมีความชื้นสัมพัทธ์ค่อนข้างสูง
"สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อไรคงตอบได้ยาก แต่ทุกหน่วยงานก็เร่งมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว สำหรับการประกาศให้ 8 จังหวัดภาคเหนือเป็นพื้นที่ประสบภัยนั้น ยังคงไม่สามารถประกาศได้ เพราะส่วนใหญ่เกรงว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่" นพ.สุรวิทย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานด้านสุขภาพของประชาชนพบว่า มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า แบ่งเป็นผู้ป่วยหอบหืดที่เพิ่มมากกว่า 14,000 ราย ผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอีกกว่า 13,000 คน และที่มีผลกระทบที่ตาและการมองเห็นราว 1,400 ราย โดยในส่วนนี้ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอย่างทั่วถึงแล้ว
**ผบ.ทบ.สั่ง ทภ.3เข้มจับคนเผาป่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 โดยมี กอ.รมน.ภาค ทำงานร่วมกับในส่วนของจังหวัด ซึ่งตนได้สั่งกำชับให้กองทัพภาคที่ 3 เพิ่มมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับส่วนราชการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนินีนาถ ทรงเป็นห่วง แต่ปัญหาก็คือประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมการเพาะปลูก ดังนั้น จึงต้องพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งหากมีการละเมิดเผาป่าก็จะต้องมีการดำเนินคดีไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ และอีกประการหนึ่งควันไฟส่วนหนึ่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก
"กองทัพบกได้ประสานงานไปยังผู้ช่วยทูตประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยกันดูแลเรื่องนี้เพราะมีผลกระทบทั้ง 3 ประเทศ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม" ผบ.ทบ.กล่าว