วานนี้ (5 มี.ค.55) นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวการพิจารณากรณีที่กลุ่มกรีน ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้ผู้ตรวจการฯ ดำเนินการตรวจสอบกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ยังไม่ทราบว่า ผู้ตรวจการฯจะมีมติเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้กำลังมีการประชุมกันอยู่ แต่ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมเนื่องจากติดภารกิจต้องไปปฏิบัติหน้าที่ ที่จ.พิษณุโลก อย่างไรก็ตามผลการพิจารณาของที่ประชุมก็จะส่งรายละเอียดมาให้ตนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อประกอบการพิจารณาโดยในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ก็มีผลการพิจารณาออกมา เบื้องต้นในการพิจารณานั้นคงต้องดูว่า บางคนยังไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งจะมีการปฏิบัติหน้าที่ที่ขัดต่อประมวลจริยธรรมทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งแนวโน้มบอกไม่ได้ว่าจะไปในทิศทางใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยามยามติดต่อนายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อสอบถามในเรื่องดังกล่าว แต่นายประวิช บอกเพียงว่า ขณะนี้ติดภารกิจประชุม ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้
**ปชป.ยันตรวจสอบตามหน้าที่
อีกด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้กรณีนายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่านำข้อมูลข่าวมาแถลง หลังระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ลงทุนธุรกิจในประเทศแถบแอฟริกาว่า ได้ย้ำมาหลายครั้งแล้วว่ากรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ไปลงทุนในประเทศแอฟริกา ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทย แต่เรื่องเหล่านี้ถูกนำมาพูดครั้งแรกเพราะมีการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งนี้เพราะนางนลินีถูกแบนทางการเงินจากประเทศสหรัฐ มีความเกี่ยวข้องกับนายโรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีซิมบับเว ดังนั้นการเข้าไปลงทุนของพ.ต.ท.ทักษิณในประเทศนั้น ใช้ความสัมพันธ์ของ นางนลินี เป็นใบเบิกทางหรือไม่
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า นายนพดล อาจจะชี้แจงว่ามีหรือไม่มีหุ้นใน บริษัท มิแรนดา มิเนรัล โฮลดิงส์ ในปัจจุบัน แต่ตนก็ตรวจสอบไปตามหน้าที่ของฝ่ายค้านตามข้อมูลที่มีการนำมาเปิดเผย และนายนพดลต่างหากที่มีหน้าที่ในการที่จะชี้แจง และนำหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าการลงทุนเปิดเผยโปร่งใส ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ความสัมพันธ์ของนางนลินี เข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งถ้ามีการลงทุนโปร่งใสจริง ทำไมตลาดหุ้นของแอฟริกาใต้ถึงได้ระงับการซื้อขายหุ้นของบ.มิแรนดา ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปซื้อ ทำไมไม่พูดให้หมด ทั้งนี้ตามข่าวมีการระบุว่าบ.มิแรนดา อาจจะกลับเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูกิจการได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณต้องขายหุ้นออกมา ตรงนี้ที่นายนพดล ต้องตอบว่า ตอนที่ไปมุบมิบทำกันไปซุกหุ้นอะไรถึงแอฟริกาหรือเปล่า ถึงได้ถูกห้ามทำกิจกรรมทางการเงิน
"นอกจากนี้ผมว่าคุณนพดล เลิกเสียทีกับพฤติกรรมการอวดร่ำ อวดรวย บอกจะโอนเงิน 1 ล้านให้มูลนิธิเด็กปัญญาอ่อน และบางทีเด็กปัญญาอ่อนไม่น่าอยากจะได้เงินของคุณนพดลก็ได้ แต่ถ้ามีเงินเหลือเยอะก็ขอแนะนำให้เอาเงินไปสมทบกองทุนต่อสู้ทวงคืนเขาพระวิหาร ดีกว่า เพราะกองทุนนี้ถูกตั้งขึ้นมาจากผลงานของคุณนพดลเอง ที่ไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ทำให้กัมพูชามีโอกาสขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ชาติไทย และยังจะเป็นการไถ่บาปที่คุณนพดลทำไว้ เลิกสนใจแอฟริกา เอาเวลาไปทวงคืนพระวิหารจากกัมพูชาจะดีกว่า เพราะเหมาะสมกับหน้าที่คุณนพดลมากกว่า" นายชวนนท์ กล่าว
**เทพไทพร้อมพบตำรวจวันนี้
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในพิธีกรรายการสายล่อฟ้า ซึ่งถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาท กล่าวว่า จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ในวันพรุ่งนี้ 6มี.ค. เวลา13.30น.พร้อมกับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พิธีกรร่วมในรายการสายล่อฟ้า และ นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้แม้ตนและนายศิริโชค จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการเป็นส.ส.แต่การไปพบพนักงานสอบสวนเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปเพื่อให้กำลังใจนายชวนนท์ ที่ไม่ได้เป็นส.ส.อย่างไรก็ตามพวกตนยืนยันจะใช้สิทธิ์ไม่ขอให้การกับพนักงานสอบสวน เพราะตั้งใจจะให้การในชั้นศาลเลย
นอกจากนี้นายเทพไท ยังตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวพาดพิงว่าพวกของตนเข้าข่ายเป็นพวกไม่เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องการเตะถ่วงคดี และ "ปากกล้าขาสั่น" ว่า นายพร้อมพงศ์มีความรู้เรื่องกฎหมายในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่เคยรู้เรื่องประมวลกฎหมายอาญาและวิธีพิจารณาความคดีอาญาเลย ดังนั้นเมื่อนายพร้อมพงศ์ไม่รู้ก็ไม่ควรจะพูดอย่างเดียว ตนยืนยันว่าการไม่ให้การกับพนักงานสอบสวนเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้พวกตนเคารพและยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดี อันเป็นการแสดงถึงการไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
"หากจะบอกถึงการเป็นพวกปากกล้าขาสั่น ก็คงเป็นพฤติกรรมของนายพร้อมพงศ์เองมากกว่า เพราะในอดีตนายพร้อมพงศ์ ต่างหากที่เคยขอร้องให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ พรรคเพื่อไทยขอเคลียร์คดีกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังนายพร้อมพงศ์ ถูกนายวสันต์ฟ้องหมิ่นประมาทจากกรณีกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญเข้าพบกับทีมงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงการตัดสินคดียุบพรรค" นายเทพไทกล่าว
** ขู่"เด็จพี่"ระวังเจอข้อหาแจ้งความเท็จ
นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เตรียมเดินทางให้ปากคำพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีว่า พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเสมอ ไม่เคยวิ่งเต้นคดี ไม่เคยเอาถุงขนมสองล้านบาทไปให้ศาล ไม่เคยหนีกระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพวกปากกล้าขาสั่นนั้นว่า ตอนพรรคประชาธิปัตย์ถูกร้องให้ยุบพรรคยังมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามวิ่งเต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ นายพร้อมพงศ์น่าจะทราบดีว่าคนชั่วกลุ่มนั้นเป็นใคร
"หากนายพร้อมพงศ์สมองไม่เสื่อมคงจำได้ คนที่ทำตัวปากกล้าขาสั่น คือนายพร้อมพงศ์เอง ในคดีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ฟ้องนายพร้อมพงศ์ กลัวจนต้องส่งคนไปเจรจาต่อรองนี่คือตัวปากกล้าขาสั่น ตัวจริง ทำไมกล้าทำถึงไม่กล้ารับอย่างที่พูด" นายราเมศกล่าว และว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น ตรวจสอบนายกรัฐมนตรีด้วยความชอบธรรม แต่หากนายพร้อมพงศ์ มีข้อเท็จจริงที่นำมาปรับแต่งเพื่อที่จะแกล้งให้มีการดำเนินคดีคนอื่น จะโดนข้อหาแจ้งความเท็จ
**“รังสิมา” ยื่นสอบจริยธรรม “เฉลิม”
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและใช้ตำแหน่งรองนายกฯ ข่มขู่คุกคามทางเพศ และมีอาการเมาสุราในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและข่มขู่คุกคามทางเพศตนในสภา ซึ่งตนรู้สึกว่ามีความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งต้องการให้สถาบันนิติบัญญัติคงอยู่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเลื่อมศรัทธา จึงไม่ให้มีนักการเมืองเมาสุราเข้ามาในสภา ดังนั้น ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบพฤติกรรมว่าขัดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองหรือไม่ ส่วนทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีขั้นตอนการพิจารณาอย่างไร ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการไปตามความเป็นจริง เพื่อให้สังคมได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ตนได้นำหลักฐานเป็นแผ่นซีดีบันทึกการประชุมสภาในวันดังกล่าว พร้อมรายชื่อพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ อาทิ นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง น.ส.ผุสดี ตามไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มามอบให้กับผู้ตรวจฯด้วย อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวตนไม่ได้ยื่นเรื่องให้ทางคณะกรรมาธิการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าเมื่อมีการร้องเรียน คณะกรรมาธิการดังกล่าว กลับไม่สามารถเอาผิดนักการเมืองที่ดำเนินการผิดจริยธรรมได้ ซึ่งตนเสนอให้ยุบทิ้งไปหลายครั้งแล้ว จึงมายื่นผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตนเชื่อมั่นมากกว่า อย่างไรก็ตามหากผู้เกี่ยวข้อง เห็นว่าข้อมูลที่ตนนำมาร้องเป็นเท็จก็สามารถก็ยินดีให้แจ้งความดำเนินคดีได้
ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 6 มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามขั้นตอนทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องให้ผู้บังคับบัญชา คือ นายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะหัวหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำการตรวจสอบและชี้แจงกลับมา ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าหากมีการเข้าข้างกันแล้วผู้ตรวจฯจะดำเนินการไม่ได้ เพราะตามกฎหมายผู้ตรวจการสามารถเปิดการไต่สวนได้ ทั้งนี้หาก ร.ต.อ.เฉลิมต้องการชี้แจงก็สามารถทำได้เช่นนั้น คาดว่าจะใช้เวลาการพิจารณาไม่นาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยามยามติดต่อนายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อสอบถามในเรื่องดังกล่าว แต่นายประวิช บอกเพียงว่า ขณะนี้ติดภารกิจประชุม ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้
**ปชป.ยันตรวจสอบตามหน้าที่
อีกด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้กรณีนายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่านำข้อมูลข่าวมาแถลง หลังระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ลงทุนธุรกิจในประเทศแถบแอฟริกาว่า ได้ย้ำมาหลายครั้งแล้วว่ากรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ไปลงทุนในประเทศแอฟริกา ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทย แต่เรื่องเหล่านี้ถูกนำมาพูดครั้งแรกเพราะมีการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งนี้เพราะนางนลินีถูกแบนทางการเงินจากประเทศสหรัฐ มีความเกี่ยวข้องกับนายโรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีซิมบับเว ดังนั้นการเข้าไปลงทุนของพ.ต.ท.ทักษิณในประเทศนั้น ใช้ความสัมพันธ์ของ นางนลินี เป็นใบเบิกทางหรือไม่
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า นายนพดล อาจจะชี้แจงว่ามีหรือไม่มีหุ้นใน บริษัท มิแรนดา มิเนรัล โฮลดิงส์ ในปัจจุบัน แต่ตนก็ตรวจสอบไปตามหน้าที่ของฝ่ายค้านตามข้อมูลที่มีการนำมาเปิดเผย และนายนพดลต่างหากที่มีหน้าที่ในการที่จะชี้แจง และนำหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าการลงทุนเปิดเผยโปร่งใส ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ความสัมพันธ์ของนางนลินี เข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งถ้ามีการลงทุนโปร่งใสจริง ทำไมตลาดหุ้นของแอฟริกาใต้ถึงได้ระงับการซื้อขายหุ้นของบ.มิแรนดา ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปซื้อ ทำไมไม่พูดให้หมด ทั้งนี้ตามข่าวมีการระบุว่าบ.มิแรนดา อาจจะกลับเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูกิจการได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณต้องขายหุ้นออกมา ตรงนี้ที่นายนพดล ต้องตอบว่า ตอนที่ไปมุบมิบทำกันไปซุกหุ้นอะไรถึงแอฟริกาหรือเปล่า ถึงได้ถูกห้ามทำกิจกรรมทางการเงิน
"นอกจากนี้ผมว่าคุณนพดล เลิกเสียทีกับพฤติกรรมการอวดร่ำ อวดรวย บอกจะโอนเงิน 1 ล้านให้มูลนิธิเด็กปัญญาอ่อน และบางทีเด็กปัญญาอ่อนไม่น่าอยากจะได้เงินของคุณนพดลก็ได้ แต่ถ้ามีเงินเหลือเยอะก็ขอแนะนำให้เอาเงินไปสมทบกองทุนต่อสู้ทวงคืนเขาพระวิหาร ดีกว่า เพราะกองทุนนี้ถูกตั้งขึ้นมาจากผลงานของคุณนพดลเอง ที่ไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ทำให้กัมพูชามีโอกาสขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ชาติไทย และยังจะเป็นการไถ่บาปที่คุณนพดลทำไว้ เลิกสนใจแอฟริกา เอาเวลาไปทวงคืนพระวิหารจากกัมพูชาจะดีกว่า เพราะเหมาะสมกับหน้าที่คุณนพดลมากกว่า" นายชวนนท์ กล่าว
**เทพไทพร้อมพบตำรวจวันนี้
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในพิธีกรรายการสายล่อฟ้า ซึ่งถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาท กล่าวว่า จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ในวันพรุ่งนี้ 6มี.ค. เวลา13.30น.พร้อมกับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พิธีกรร่วมในรายการสายล่อฟ้า และ นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้แม้ตนและนายศิริโชค จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการเป็นส.ส.แต่การไปพบพนักงานสอบสวนเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปเพื่อให้กำลังใจนายชวนนท์ ที่ไม่ได้เป็นส.ส.อย่างไรก็ตามพวกตนยืนยันจะใช้สิทธิ์ไม่ขอให้การกับพนักงานสอบสวน เพราะตั้งใจจะให้การในชั้นศาลเลย
นอกจากนี้นายเทพไท ยังตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวพาดพิงว่าพวกของตนเข้าข่ายเป็นพวกไม่เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องการเตะถ่วงคดี และ "ปากกล้าขาสั่น" ว่า นายพร้อมพงศ์มีความรู้เรื่องกฎหมายในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่เคยรู้เรื่องประมวลกฎหมายอาญาและวิธีพิจารณาความคดีอาญาเลย ดังนั้นเมื่อนายพร้อมพงศ์ไม่รู้ก็ไม่ควรจะพูดอย่างเดียว ตนยืนยันว่าการไม่ให้การกับพนักงานสอบสวนเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้พวกตนเคารพและยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดี อันเป็นการแสดงถึงการไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
"หากจะบอกถึงการเป็นพวกปากกล้าขาสั่น ก็คงเป็นพฤติกรรมของนายพร้อมพงศ์เองมากกว่า เพราะในอดีตนายพร้อมพงศ์ ต่างหากที่เคยขอร้องให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ พรรคเพื่อไทยขอเคลียร์คดีกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังนายพร้อมพงศ์ ถูกนายวสันต์ฟ้องหมิ่นประมาทจากกรณีกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญเข้าพบกับทีมงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงการตัดสินคดียุบพรรค" นายเทพไทกล่าว
** ขู่"เด็จพี่"ระวังเจอข้อหาแจ้งความเท็จ
นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เตรียมเดินทางให้ปากคำพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีว่า พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเสมอ ไม่เคยวิ่งเต้นคดี ไม่เคยเอาถุงขนมสองล้านบาทไปให้ศาล ไม่เคยหนีกระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพวกปากกล้าขาสั่นนั้นว่า ตอนพรรคประชาธิปัตย์ถูกร้องให้ยุบพรรคยังมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามวิ่งเต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ นายพร้อมพงศ์น่าจะทราบดีว่าคนชั่วกลุ่มนั้นเป็นใคร
"หากนายพร้อมพงศ์สมองไม่เสื่อมคงจำได้ คนที่ทำตัวปากกล้าขาสั่น คือนายพร้อมพงศ์เอง ในคดีที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ฟ้องนายพร้อมพงศ์ กลัวจนต้องส่งคนไปเจรจาต่อรองนี่คือตัวปากกล้าขาสั่น ตัวจริง ทำไมกล้าทำถึงไม่กล้ารับอย่างที่พูด" นายราเมศกล่าว และว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น ตรวจสอบนายกรัฐมนตรีด้วยความชอบธรรม แต่หากนายพร้อมพงศ์ มีข้อเท็จจริงที่นำมาปรับแต่งเพื่อที่จะแกล้งให้มีการดำเนินคดีคนอื่น จะโดนข้อหาแจ้งความเท็จ
**“รังสิมา” ยื่นสอบจริยธรรม “เฉลิม”
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและใช้ตำแหน่งรองนายกฯ ข่มขู่คุกคามทางเพศ และมีอาการเมาสุราในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและข่มขู่คุกคามทางเพศตนในสภา ซึ่งตนรู้สึกว่ามีความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งต้องการให้สถาบันนิติบัญญัติคงอยู่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเลื่อมศรัทธา จึงไม่ให้มีนักการเมืองเมาสุราเข้ามาในสภา ดังนั้น ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบพฤติกรรมว่าขัดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองหรือไม่ ส่วนทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีขั้นตอนการพิจารณาอย่างไร ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการไปตามความเป็นจริง เพื่อให้สังคมได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ตนได้นำหลักฐานเป็นแผ่นซีดีบันทึกการประชุมสภาในวันดังกล่าว พร้อมรายชื่อพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ อาทิ นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง น.ส.ผุสดี ตามไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มามอบให้กับผู้ตรวจฯด้วย อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวตนไม่ได้ยื่นเรื่องให้ทางคณะกรรมาธิการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าเมื่อมีการร้องเรียน คณะกรรมาธิการดังกล่าว กลับไม่สามารถเอาผิดนักการเมืองที่ดำเนินการผิดจริยธรรมได้ ซึ่งตนเสนอให้ยุบทิ้งไปหลายครั้งแล้ว จึงมายื่นผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตนเชื่อมั่นมากกว่า อย่างไรก็ตามหากผู้เกี่ยวข้อง เห็นว่าข้อมูลที่ตนนำมาร้องเป็นเท็จก็สามารถก็ยินดีให้แจ้งความดำเนินคดีได้
ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 6 มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามขั้นตอนทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องให้ผู้บังคับบัญชา คือ นายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะหัวหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำการตรวจสอบและชี้แจงกลับมา ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าหากมีการเข้าข้างกันแล้วผู้ตรวจฯจะดำเนินการไม่ได้ เพราะตามกฎหมายผู้ตรวจการสามารถเปิดการไต่สวนได้ ทั้งนี้หาก ร.ต.อ.เฉลิมต้องการชี้แจงก็สามารถทำได้เช่นนั้น คาดว่าจะใช้เวลาการพิจารณาไม่นาน
