ASTVผู้จัดการรายวัน-สหวิริยาสตีลฯ โอ่ปีนี้รายได้กว่า 5หมื่นล้านบาท พลิกมีกำไรสุทธิแน่นอน หลังจากปีก่อนขาดทุนเกือบพันล้าน เหตุโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษเดินเครื่องจักรได้ต้นมี.ค.นี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนต่ำ และรับรู้รายได้จากการขายเหล็กแท่งแบนบางส่วน ส่งผลให้ไตรมาส 1/2555 มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดนับแต่ก่อตั้งบริษัท
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (SSI) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมั่นใจมียอดขายรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4.79 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิแน่นอนจากปี 2554 ที่ผลขาดทุนสุทธิ 981 ล้านบาท เนื่องจากโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอทีไซด์ในอังกฤษสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ต้นมี.ค.นี้ แม้ว่าจะล่าช้าจากกำหนดการเดิมถึง 5 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนทะลุ 2.24 ล้านตัน ใกล้เคียงปี 2553 แต่สูงกว่าปี 2554 ที่ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเพียง 1.5 ล้านตัน
โดยโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอทีไซด์ จะเริ่มทยอยผลิตเหล็กแท่งแบน (สแลป) ไปจนเต็มกำลังผลิต 3.6 ล้านตันในปลายปีนี้ ซึ่งกำลังการผลิต 2ใน3 จะถูกส่งมาเป็นวัตถุดิบในโรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในภูมิภาคอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรปตอนเหนือ เม็กซิโก เป็นต้น เนื่องจากเหล็กแท่งแบน ยังขาดตลาดทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า ขณะที่รายได้จากการขายโค้กจะหายไป เนื่องจากนำมาใช้ในกระบวนการผลิตโรงถลุงเหล็กแทน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2555 คาดว่ามีรายได้รวม 1.5 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2554ที่มีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท มาจากยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศ 1.3หมื่นล้านบาท และที่เหลือเป็นการรับรู้รายได้จากโรงถลุงเหล็กในอังกฤษ แต่ไตรมาสนี้อาจจะยังมีผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากช่วง 2เดือนแรกของปีโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษยังไม่ได้ผลิต ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายโรงงานดังกล่าวอยู่
ปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 750 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดีกว่าไตรมาส 4/2554 ที่มีราคาตันละ 650 เหรียญสหรัฐ และราคาเหล็กแท่งแบนอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/25554 ที่มีราคาตันละ 550 เหรียญสหรัฐ
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายพุ่งไปถึง 7 หมื่นล้านบาท มาจากรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศ 5 หมื่นล้านบาท และที่เหลืออีก 2หมื่นล้านบาทจากการส่งออกเหล็กแท่งแบนจากโรงถลุงที่อังกฤษ โดยโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษจะเริ่มมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสี่อมและภาษี (EBITDA) แตะจุดคุ้มทุนในช่วงไตรมาส 3/2555 และจะเริ่มกำไรจริงได้หลังเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ 90% ในไตรมาส 4/2555 ประกอบกับการนำระบบ PCI เข้ามาใช้ในช่วงกลางไตรมาส 4 นี้ ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงถูกลง
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (SSI) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมั่นใจมียอดขายรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4.79 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิแน่นอนจากปี 2554 ที่ผลขาดทุนสุทธิ 981 ล้านบาท เนื่องจากโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอทีไซด์ในอังกฤษสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ต้นมี.ค.นี้ แม้ว่าจะล่าช้าจากกำหนดการเดิมถึง 5 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนทะลุ 2.24 ล้านตัน ใกล้เคียงปี 2553 แต่สูงกว่าปี 2554 ที่ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเพียง 1.5 ล้านตัน
โดยโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอทีไซด์ จะเริ่มทยอยผลิตเหล็กแท่งแบน (สแลป) ไปจนเต็มกำลังผลิต 3.6 ล้านตันในปลายปีนี้ ซึ่งกำลังการผลิต 2ใน3 จะถูกส่งมาเป็นวัตถุดิบในโรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในภูมิภาคอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรปตอนเหนือ เม็กซิโก เป็นต้น เนื่องจากเหล็กแท่งแบน ยังขาดตลาดทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า ขณะที่รายได้จากการขายโค้กจะหายไป เนื่องจากนำมาใช้ในกระบวนการผลิตโรงถลุงเหล็กแทน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2555 คาดว่ามีรายได้รวม 1.5 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2554ที่มีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท มาจากยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศ 1.3หมื่นล้านบาท และที่เหลือเป็นการรับรู้รายได้จากโรงถลุงเหล็กในอังกฤษ แต่ไตรมาสนี้อาจจะยังมีผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากช่วง 2เดือนแรกของปีโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษยังไม่ได้ผลิต ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายโรงงานดังกล่าวอยู่
ปัจจุบันราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 750 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดีกว่าไตรมาส 4/2554 ที่มีราคาตันละ 650 เหรียญสหรัฐ และราคาเหล็กแท่งแบนอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/25554 ที่มีราคาตันละ 550 เหรียญสหรัฐ
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายพุ่งไปถึง 7 หมื่นล้านบาท มาจากรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศ 5 หมื่นล้านบาท และที่เหลืออีก 2หมื่นล้านบาทจากการส่งออกเหล็กแท่งแบนจากโรงถลุงที่อังกฤษ โดยโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษจะเริ่มมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสี่อมและภาษี (EBITDA) แตะจุดคุ้มทุนในช่วงไตรมาส 3/2555 และจะเริ่มกำไรจริงได้หลังเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ 90% ในไตรมาส 4/2555 ประกอบกับการนำระบบ PCI เข้ามาใช้ในช่วงกลางไตรมาส 4 นี้ ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงถูกลง