xs
xsm
sm
md
lg

หมอกควันเหนือยังวิกฤตหนัก เตือนประชาชนสวมหน้ากากป้องกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-ภาคเหนือตอนบนทุกจังหวัดยังผจญกับหมอกควันที่ปกคลุมไปทั่ว เผย "แม่ฮองสอน-ตาก-ลำปาง-แม่สาย-พะเยา" ยังอยู่ในขั้นวิกฤต ทำยอดผู้ป่วยพุ่งไม่หยุด ขณะที่ประชาชน เด็กนักเรียน คนชรา ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันหมอกควันกันถ้วนหน้า "นกแอร์" ยังขึ้น-ลงสนามบินแม่สอดไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 ก.พ.) สถานการณ์หมอกควันจากไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังคงวิกฤตหนัก ขณะที่หลายจังหวัดได้ออกมารณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและฉีดน้ำในอากาศเพื่อช่วยลดหมอกควัน โดยที่ จ.เชียงราย นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดหมอกควัน และฝุ่นละอองพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย ที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห้าแยกพ่อขุนฯ โดยมีนายสมพงษ์ กูลวงส์ นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำคณะเจ้าหน้าที่และประชาชนร่วมด้วย รวมทั้งมีการจัดรถฉีดพ่นน้ำเทศบาลนครเชียงราย จังหวัดทหารบกเชียงราย เข้าร่วม

จากนั้นได้ปล่อยออกฉีดพ่นน้ำตามจุดต่างๆ ทั่วเขตเทศบาลเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองในอากาศมีค่าเกินมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพตามที่กรมควบคุมมลพิษกำหนดคือให้มีฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอน ในอากาศไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สำหรับผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเขต อ.เมือง ช่วงเช้าวันเดียวกันพบมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก อยู่ที่ 249.88 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่ามาตรฐานอย่างมาก กระทั่งช่วงเวลา 11.00 น.ระดับฝุ่นละอองในอากาศเขต อ.เมือง ลดลงเหลือ 195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ที่ อ.แม่สาย ยังคงอยู่ที่ 278.88 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในภาคเหนืออยู่

ขณะที่กรมควบคุมมลพิษแจ้งว่า ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็กในภาคเหนือตอนบนวานนี้ (28 ก.พ.) มีอัตราเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ระหว่าง 45-278.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์คุณภาพระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมกับระบุอีกว่าปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงเกือบทุกสถานีทั้งที่ จ.เชียงราย พะเยา และลำปาง

นายธานินทร์กล่าวว่า สภาพอากาศที่เกินมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพดังกล่าวยังมีอยู่ แม้จะมีการประกาศ แจ้งเตือน รณรงค์สารพัดรูปแบบ เนื่องจากประชาชนบางส่วนมีวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเผาพื้นที่ทางการเกษตร และป่าเขาเพื่อปลูกพืชไร่ และแม้จะรณรงค์ในฝั่งไทย แต่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็มีวิถีชีวิตที่เหมือนกันอีกด้วยจึงทำให้ควบคุมได้ยาก ดังนั้น จึงได้เพิ่มมาตรการในการแก้ไขปัญหาด้วยการออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับหลายหน่วยงานเพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชน แจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ออกกำลังกายในที่โล่ง เพราะสูดดมเอาฝุ่นละอองเข้าไปมาก โดยช่วงนี้ให้อาศัยอยู่เฉพาะในบ้านเรือนเคหะสถานไปก่อน จนกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ รวมทั้งสร้างความชุ่มชื้นในอากาศด้วยการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ฉีดพ่นน้ำดังกล่าว แต่ก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการงดเผาทุกชนิดเหมือนเดิม

**พะเยาเร่งฉีดน้ำลดหมอกควัน-คนป่วยเพิ่ม

เช่นเดียวกับที่ จ.พะเยา นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมนายวรวิทย์ บูรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันปล่อยขบวนรถฉีดพ่นน้ำเพื่อสร้างความชุ่มชื้น เพื่อลดหมอกควันในอากาศที่บริเวณถนนหน้าลานพ่อขุนงำเมือง ชายกว๊านพะเยา ต.เวียง อ.เมืองพะเยา หลังจากสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานแล้ว 11 วัน และล่าสุดมีค่าฝุ่นละอองมากถึง 278.71 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นบริเวณกว้าง ทำให้มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายไมตรีกล่าวว่า การรณรงค์ฉีดพ่นน้ำสร้างความชุ่มชื้น ลดหมอกควันในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตัวและจะมีการฉีดพ่นไปอย่างต่อเนื่องโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วจังหวัดพะเยา เพื่อระดมพลังลดปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเริ่มวิกฤตและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว ซึ่งโรงพยาบาลพะเยา รายงานว่า มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มแล้วราวร้อยละ 30

**คนแม่ฮ่องสอนเข้า รพ.กว่าหมื่นราย

นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า สถานการณ์ควันไฟในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้ป่วยในกลุ่มโรคหลอดเลือดและหัวใจ ทางเดินหายใจ โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ก.พ.2555 จำนวน 11,589 รายแล้ว โดยขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แจกหน้ากากอนามัยไปยังสถานีอนามัย 7 อำเภอ ประมาณ 40,000 ชิ้น เพื่อป้องกันควันไฟที่ปกคลุมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ คุณภาพอากาศในแม่ฮ่องสอน ก่อน 16 ก.พ.2555 ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ กระทั่ง 17 ก.พ.2555 พบว่าปริมาณฝุ่นละอ่อง สูงขึ้นถึง 192.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและจากการรายงานฯ ในวันต่อมาพบค่าฝุ่นละอ่องลดลง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง และวันที่ 26 ก.พ.สูงถึง 187.3 และในวันที่ 27 ก.พ.และลดลงเล็กน้อยเป็น 159.9ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

**แม่สอดยังหนัก-นกแอร์ยังขึ้น-ลงไม่ได้

ส่วนที่ จ.ตาก เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ได้เดินทางมาสำรวจสภาพอากาศที่มีหมอกควันปกคลุมแน่นหนาที่สนามบินนครแม่สอด โดยใช้เครื่องตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศและพบว่ามีค่าเกินมาตรฐาน และอาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคติดต่อได้ และเตือนให้ประชาชนได้สวมใส่หน้ากากป้องกันไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย

ขณะเดียวกันสายการบินเอกชน "นกแอร์" ก็ยังคงไม่สามารถนำเครื่องขึ้น-ลงสนามบินแม่สอดได้ เพราะอากาศปิดหมอกควันหนาแน่น ทัศวิสัยการมองเห็นต่ำ จึงต้องมีการปรับเวลาการบินใหม่

**ลำปางป่วยเพิ่ม-หลังผจญหมอกควันไฟป่า

ที่ จ.ลำปาง แม้สภาพอากาศจะดีขึ้นแต่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศยังเกินมาตรฐานอยู่ 3 สถานี โดยผลการวัดคุณภาพอากาศ เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของกรมควบคุมมลพิษ ณ ศาลหลักเมืองลำปาง วัดได้ 133.74 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบ้านท่าสี อ.แม่เมาะ วัดได้ 121.50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , สถานีที่ตั้งอยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลสบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้122.25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนสถานีที่ตั้งอยู่บริเวณการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง วัดได้ 106.01 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้ากลางแจ้งเริ่มใสหน้ากากปิดจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นละออกกันบ้างแล้ว ส่วนโรงเรียนต่างๆ ได้งดให้นักเรียนทำกิจกรรมกลางแจ้ง และให้อยู่แต่ภายในอาคารเท่านั้น เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

นพ.ทรงวุฒิ ทรัพย์ทวีสิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง เผยว่า ขณะนี้ทางทีมแพทย์ต้องเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคหัวใจเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็เป็นผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเช่นหอบหืด โดยทุกวันจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ทางโรงพยาบาลยังพยายามประชาสัมพันธ์เตือนประชาชน ไม่ควรออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้
กำลังโหลดความคิดเห็น