ASTVผู้จัดการรายวัน-“บีอีซีแอล”รอเจรจากทพ.ต่อสัมปทานบริหารทางด่วนต่ออีก 20 ปีตามเงื่อนไขสัญญาเดิม พร้อมเปิดทางนำข้อพิพาทเจรจาหาข้อยุติร่วมกันได้ ลุ้นเซ็นสัญญาทางด่วนศรีรัช พ.ค.นี้ คาดเริ่มก่อสร้างปี 56 เล็งขึ้นค่าผ่านทางปีหน้าอีก 5 บาทหลังครบ 5 ปี ยันเลิกมัดจำEasy pass ต้องเจรจากันก่อน
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเจรจากับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในการบริหารทางด่วนต่อหลังสัญญาสัมปทานครบกำหนดในเดือนมี.ค. 2563 ซึ่งตามเงื่อนไขสัญญาเดิมระบุว่าสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 10 ปี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับกทพ.แล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้เป็นทางการ ซึ่งหากถึงเวลาที่เหมาะสมคงจะมีการเจรจากันอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน บริษัทยังพร้อมเจรจา เพื่อยุติข้อพิพาทต่างๆ กับกทพ.โดยเร็วที่สุด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อภาพการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งข้อพิพาทหลายอย่างเกิดจากการอ่านสัญญาที่ไม่เหมือนกัน และยังเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะนำข้อพิพาทมาเจรจาร่วมกันกับการต่อสัญญาการบริหารทางด่วน หรือจะแยกเจรจายุติข้อพิพาทให้เรียบร้อยก่อน
ทั้งนี้ ในปี 2555 คาดว่า รายได้รวมของบริษัทจะเติบโตประมาณ 3% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 7,652 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 1,408 ล้านบาท โดยคาดว่าปริมาณจราจรจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 4% หรืออยู่ที่ประมาณ 1.067 ล้านคันต่อวัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นมาจากการเมืองภายในประเทศสงบ ประชาชนใช้ชีวิตปกติได้ มีการลงทุนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดการเดินทางเพื่อดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากปริมาณจราจรโดยเฉพาะวันเสาร์เพิ่มขึ้นจาก70% ของวันปกติมาเป็น 80% หรือประมาณ 9 แสนคัน วันอาทิตย์ เพิ่มจาก 65% มาเป็น 80% นอกจากนี้ รถจดทะเบียนใหม่ยังเติบโตสูง โดยปี 2554 มีรถจดทะเบียนใหม่และใช้ทางด่วนรวม 413,508 คัน เพิ่มขึ้น 27.07% เดือน ม.ค. 2555 มีถึง 35,638 คัน และเชื่อมั่นว่ากรุงเทพฯจะน้ำไม่ท่วม
นายพเยาว์กล่าวว่า ในปี 2556 จะครบกำหนดการปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานที่จะมีการปรับทุกๆ 5 ปี ซึ่งจะคำนวณตามตัวเลขดัชนีผู้บริโภค (CPI) คาดว่าในช่วงต้นเดือนก.พ.2556 จะมีการหารือกันอย่างเป็นทางการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากนั้นจะปรับขึ้นได้ในเดือนก.ย.2556โดยล่าสุดได้ปรับขึ้นเมื่อปี 2551 คาดหวังว่าการพิจารณาปรับขึ้นครั้งนี้จะสามารถปรับได้อีก 5 บาท หลังจากนั้นก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งในปี 2561 ก่อนครบสัมปทาน
สำหรับโครงการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ซึ่งบีอีซีแอล เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ได้เจรจาต่อรองราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนพ.ค.2555 ส่วนการก่อสร้างจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2556 โดยขณะนี้บริษัทได้ต่ออายุหนังสือค้ำประกันออกไปอีก 90 วัน โดยจะครบในเดือนพ.ค.2555
นางพเยาว์กล่าวว่า ส่วนการยกเลิกเก็บเงินประกันบัตรค่าผ่านทางอัตโนมัติ (Easy Pass) 800 บาทนั้น เรื่องนี้เป็นนโยบายที่มีเป้าหมายเพื่อให้มีผู้ใช้ Easy Pass มากขึ้น ดังนั้น ควรต้องหารือในรายละเอียดเพื่อหาทางออก เช่น ประเภทที่ไม่ต้องการจ่ายเงินล่วงหน้าทำอย่างไรก็ไม่ใช้ Easy Pass โดยปัจจุบันมีสมาชิก Easy Pass ประมาณ 30% (3 แสนใบ) แต่ค่าเฉลี่ยการใช้ต่อวันไม่ถึง 1 เที่ยว ทั้งๆ ที่ควรใช้วันละ 2 เที่ยว นอกจากนี้ การยกเลิกค่ามัดจำต้องพิจารณาในประเด็นที่จะตามมา คือ บัตรหายไม่เป็นไร ไม่ใช้ไม่เป็นไร ไม่เติมเงินไม่เป็นไร ให้รอบคอบด้วย เพราะเห็นว่าค่ามัดจำอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะก่อนหน้านี้ กทพ.เคยมีคูปองทางด่วน และบัตรทางด่วน (TAG) ซึ่งไม่มีค่ามัดจำแต่มีสมาชิกเพียง10-15% เท่านั้น
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเจรจากับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในการบริหารทางด่วนต่อหลังสัญญาสัมปทานครบกำหนดในเดือนมี.ค. 2563 ซึ่งตามเงื่อนไขสัญญาเดิมระบุว่าสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 10 ปี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับกทพ.แล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้เป็นทางการ ซึ่งหากถึงเวลาที่เหมาะสมคงจะมีการเจรจากันอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน บริษัทยังพร้อมเจรจา เพื่อยุติข้อพิพาทต่างๆ กับกทพ.โดยเร็วที่สุด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อภาพการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งข้อพิพาทหลายอย่างเกิดจากการอ่านสัญญาที่ไม่เหมือนกัน และยังเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะนำข้อพิพาทมาเจรจาร่วมกันกับการต่อสัญญาการบริหารทางด่วน หรือจะแยกเจรจายุติข้อพิพาทให้เรียบร้อยก่อน
ทั้งนี้ ในปี 2555 คาดว่า รายได้รวมของบริษัทจะเติบโตประมาณ 3% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 7,652 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 1,408 ล้านบาท โดยคาดว่าปริมาณจราจรจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 4% หรืออยู่ที่ประมาณ 1.067 ล้านคันต่อวัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นมาจากการเมืองภายในประเทศสงบ ประชาชนใช้ชีวิตปกติได้ มีการลงทุนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดการเดินทางเพื่อดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากปริมาณจราจรโดยเฉพาะวันเสาร์เพิ่มขึ้นจาก70% ของวันปกติมาเป็น 80% หรือประมาณ 9 แสนคัน วันอาทิตย์ เพิ่มจาก 65% มาเป็น 80% นอกจากนี้ รถจดทะเบียนใหม่ยังเติบโตสูง โดยปี 2554 มีรถจดทะเบียนใหม่และใช้ทางด่วนรวม 413,508 คัน เพิ่มขึ้น 27.07% เดือน ม.ค. 2555 มีถึง 35,638 คัน และเชื่อมั่นว่ากรุงเทพฯจะน้ำไม่ท่วม
นายพเยาว์กล่าวว่า ในปี 2556 จะครบกำหนดการปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานที่จะมีการปรับทุกๆ 5 ปี ซึ่งจะคำนวณตามตัวเลขดัชนีผู้บริโภค (CPI) คาดว่าในช่วงต้นเดือนก.พ.2556 จะมีการหารือกันอย่างเป็นทางการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากนั้นจะปรับขึ้นได้ในเดือนก.ย.2556โดยล่าสุดได้ปรับขึ้นเมื่อปี 2551 คาดหวังว่าการพิจารณาปรับขึ้นครั้งนี้จะสามารถปรับได้อีก 5 บาท หลังจากนั้นก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งในปี 2561 ก่อนครบสัมปทาน
สำหรับโครงการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ซึ่งบีอีซีแอล เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ได้เจรจาต่อรองราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนพ.ค.2555 ส่วนการก่อสร้างจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2556 โดยขณะนี้บริษัทได้ต่ออายุหนังสือค้ำประกันออกไปอีก 90 วัน โดยจะครบในเดือนพ.ค.2555
นางพเยาว์กล่าวว่า ส่วนการยกเลิกเก็บเงินประกันบัตรค่าผ่านทางอัตโนมัติ (Easy Pass) 800 บาทนั้น เรื่องนี้เป็นนโยบายที่มีเป้าหมายเพื่อให้มีผู้ใช้ Easy Pass มากขึ้น ดังนั้น ควรต้องหารือในรายละเอียดเพื่อหาทางออก เช่น ประเภทที่ไม่ต้องการจ่ายเงินล่วงหน้าทำอย่างไรก็ไม่ใช้ Easy Pass โดยปัจจุบันมีสมาชิก Easy Pass ประมาณ 30% (3 แสนใบ) แต่ค่าเฉลี่ยการใช้ต่อวันไม่ถึง 1 เที่ยว ทั้งๆ ที่ควรใช้วันละ 2 เที่ยว นอกจากนี้ การยกเลิกค่ามัดจำต้องพิจารณาในประเด็นที่จะตามมา คือ บัตรหายไม่เป็นไร ไม่ใช้ไม่เป็นไร ไม่เติมเงินไม่เป็นไร ให้รอบคอบด้วย เพราะเห็นว่าค่ามัดจำอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะก่อนหน้านี้ กทพ.เคยมีคูปองทางด่วน และบัตรทางด่วน (TAG) ซึ่งไม่มีค่ามัดจำแต่มีสมาชิกเพียง10-15% เท่านั้น