xs
xsm
sm
md
lg

ขอฝากแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยสัก 2-3 มาตราซิวะ (โว้ย)...

เผยแพร่:   โดย: บรรจง นะแส


ประชาธิปไตยที่แท้จริงอำนาจจะต้อง “มาจากประชาชน เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” ช่างเป็นวาทกรรมที่มีมนต์ขลังและศักดิ์สิทธิ์ของระบอบประชาธิปไตยเสียจริงๆ ประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ ที่นั่งฟังการถ่ายทอดการประชุมของรัฐสภาในวาระรับหลักการ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐบาลได้นำเสนอความคิดที่แสนจะก้าวหน้า สดใสสวยงาม ราวกับว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วประเทศนี้จะได้ปลอดจากการรัฐประหาร ประชาชนจะได้มีอำนาจที่แท้จริง ประชาชนอย่างเราๆ นั่งฟังด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบ เบิกบานในอารมณ์

อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปร่วมงานการสวดมนต์ให้พระธาตุเมืองนครฯ ให้ช่วยปกปักรักษาเมืองให้พ้นจากสิ่งที่พวกเขากลัวและกังวล และการทำพิธีทางศาสนาของพี่น้องมุสลิมในการละหมาดอายัด (ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า) ดลใจให้ผู้ที่กำลังจะบุกรุกทำร้ายทำลายชุมชน แหล่งทำมาหากินของพวกเขาให้เปลี่ยนใจและยกเลิกแผนการต่างๆ ที่พวกเขามองว่าชั่วร้ายและเขาไม่ต้องการ

สิ่งที่พี่น้องชาวเมืองนครศรีธรรมราชทั้งที่เป็นไทยพุทธและมุสลิม ต่างกลัวและกังวลก็คือการกำหนดให้อำเภอสิชล เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมที่จะเคลื่อนย้ายมาจากภาคตะวันออกตามแผนงานของสภาพัฒน์ การกำหนดให้อำเภอท่าศาลา และหัวไทรเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงละ 800 เมกะวัตต์การที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทเชฟรอน ที่เตรียมทำฐานปฏิบัติการบนฝั่งที่จะประกอบไปด้วยสนามบิน ฐานปฏิบัติการต่างๆ บนพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลกว่า 1,000 ไร่ การเตรียมขุดร่องน้ำชายฝั่งเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึก ฯลฯ ซึ่งจะกระทบชุมชน กระทบต่อชายหาด ต่อสิ่งแวดล้อม ต่อวิถีชีวิตและแหล่งอาหารของชาวเมืองนครฯ

ประสบการณ์และบทเรียนว่าด้วยรัฐธรรมนูญที่นักการเมืองอภิปรายกันในรัฐสภา กับที่ประชาชนตาดำๆ ประสบพบเจอช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลอภิปรายชื่นชมรัฐธรรมนูญปี 2540 ว่าดีเลิศและถูกทำลายลงด้วยอำนาจเผด็จการทหาร นักการเมืองฝ่ายค้านก็อภิปรายถึงการใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในยุคนั้น ที่เข้ามามีอำนาจเหนือกลไกต่างๆ ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ว่าการเข้ามาแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ การใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย การละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชน การทุจริตเชิงนโยบาย ฯลฯ จนนำไปสู่ภาวะวิกฤต เกิดการเผชิญหน้า เกิดความรุนแรงในสังคมจนเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบเข้ามาอย่างชอบธรรมและง่ายดาย

สำหรับชาวบ้านก็มองว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ให้ความหวัง สร้างความหวังในหมวดหมู่ที่ให้อำนาจขององค์กรอิสระต่างๆ ที่จะเข้ามาควบคุมพฤติกรรมการทุจริตโกงกินของบรรดาเหล่านักการเมือง และข้าราชการที่ประชาชนรู้สึกเหนื่อยหน่าย รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจกับอำนาจต่างๆ ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น สิทธิของชุมชน อำนาจหน้าที่ในการที่จะมีสิทธิมีส่วนในการปกป้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นฐานปัจจัยในการดำรงชีวิตและมีเครื่องมือในการป้องกันการรุกรานจากภาคอุตสาหกรรมที่สร้างบาดแผลให้กับชุมชนที่เป็นเกษตรกร พื้นที่เกษตรกรรมทั้งที่เป็นป่าไม้ ที่ดิน แหล่งน้ำ ทะเลและชายฝั่ง ฯลฯ

ประชาชนเหมือนถูกหลอก เหมือนถูกตบหน้าจากการลงทุนลงแรงในการเคลื่อนไหวให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เพราะบทบัญญัติที่ให้อำนาจแก่ประชาชน แก่ชุมชน ล้วนถูกวางยาจากนักการเมือง นักกฎหมายที่รับใช้สถานะและผลประโยชน์ของหมู่พวกที่เขี้ยวลากดิน ในการผูกปมซ่อนเงื่อนให้ประชาชนได้แค่ฝันไปวันๆ รอแล้วรออีกว่าเมื่อไหร่อำนาจสิทธิต่างๆ ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญจะเดินทางมาถึงเสียที

แค่ประโยคที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญที่ว่า “ทั้งนี้แล้วแต่กฎหมายบัญญัติ” ปีแล้วปีเล่านักการเมืองก็ไม่เคยคิดและดำริให้มีกฎหมายลูก ที่แนบท้ายบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่จะให้อำนาจ ให้สิทธิแก่ประชาชนตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแม้แต่มาตราเดียว

รัฐธรรมนูญจึงเป็นเพียงเครื่องมือ เป็นเพียงของเล่นของกลุ่มผลประโยชน์ที่แอบอ้างความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจรัฐ ใช้อำนาจรัฐแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง โดยอาศัยวาทกรรมของระบอบประชาธิปไตยที่สวยหรูมากล่อมประชาชนให้หลงติดงอมแงมเหมือนติดยาบ้า ที่ทำให้ลืมสิทธิที่ควรจะได้ ให้ลืมและไม่ให้มองเห็นการเอารัดเอาเปรียบที่ซ่อนรูป ให้จำนนต่อการกดขี่ขูดรีด รัฐธรรมนูญจึงเปรียบเสมือนยากล่อมประสาท ยาแก้ปวด

ชาวบ้านที่ร้านน้ำชาแห่งท่าศาลา นครศรีธรรมราชคนหนึ่ง ที่ติดตามการเมืองมาตลอด และประกาศตัวเลิกเป็นหัวคะแนนทุกพรรคการเมืองมาหลายปีแล้ว ท่านฝากบอกผมมาว่า ช่วยฝากไปบอก “ให้เขาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยสัก 2-3 มาตราได้ไหมวะ กูอยากได้รัฐธรรมนูญที่เหมือนมาม่า ยำยำน่ะ ฉีกซองใส่น้ำร้อนแล้วกินได้เลย แม้รสชาติอาจจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่ แต่กูก็อยากได้รัฐธรรมนูญที่กินได้เลย ประชาชนอย่างเราถูกหลอกจนเบื่อแล้วว่ะ”

“ให้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญไปเลยว่าประเทศนี้ ใครคอร์รัปชันทุจริตโกงกินจะไม่หมดอายุความ ห้ามประชาชนประเทศนี้กักตุนที่ดินไว้เกินคนละ 50 ไร่ ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญเลยว่าการให้สัมปทานแหล่งพลังงาน ป่าไม้ ที่ดิน จะต้องผ่านรัฐสภาออกเป็นกฎหมายถึงจะดำเนินการได้ ระบุไว้เลยว่าประเทศนี้จะมีระบบภาษีก้าวหน้า ภาษีมรดก ระบุไว้เลยว่าประเทศนี้จะต้องมีการกระจายอำนาจให้มีการปกครองแค่ 2 ระบบคือส่วนกลางและท้องถิ่น...ถ้ารัฐธรรมนูญสามารถระบุไว้เช่นนี้และให้มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญในเวลา 1 ปี ก็เชิญแก้ไปเถอะกูสนับสนุน”

“แต่ถ้าพวกมันแก้รัฐธรรมนูญแบบไม่แตะปมปัญหาทางโครงสร้าง โดยเฉพาะโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและสาเหตุของความยากจน ปัญหาปากท้องของผู้คน หรือแก้ซ่อนปม สับขาหลอก อ้างความเป็นประชาธิปไตยปลอมๆ ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับประชาชนเหมือนที่ผ่านๆ มา กูว่าไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ และหากใครก็ได้ที่เข้ามายึดอำนาจรัฐและแก้ปัญหาต่างๆ ดังที่กล่าวมา กูก็จะสนับสนุน กูก็จะไปร่วมด้วยช่วยกัน กูเบื่อประชาธิปไตยจอมปลอม ประชาธิปไตยที่มีแต่เปลือกเต็มทีแล้วว่ะ”

ผมก็ได้แต่อึ้งและนำมาบอกต่อครับ และนึกในใจว่าวันนี้วาทกรรมของความเป็นประชาธิปไตยที่ไร้รูปธรรมรองรับ ไม่ได้แก้ปัญหาที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งมวล กำลังถูกท้าทายแม้จากวงเล็กๆ ตามร้านน้ำชาในชุมชน.
กำลังโหลดความคิดเห็น