นางนฤมล สุรเศรษฐ ประธานกลุ่มบริษัท L.S. Jewelry Group ในนาม"ห้างเพชรหลีเสง” กล่าวว่า ในโอกาสครบ 80 ปี ธุรกิจ ได้ลงทุนตกแต่งอาคาร7 ชั้น 2 คูหาย่านตลาดบางลำพู ซึ่งเป็นแหล่งค้่าอัญมณีมาตั้งแต่ในอดีต ให้เป็นศูนย์ค้าส่งจิวเวลรี่เพชร Heart & Arrow คุณภาพสูงถือเป็นศูนย์ค้าส่งจิวเวลรี่เพชรโดยตรงขนาดใหญ่ที่สุด บนเนื้อกว่า 1,000 ตร.ม. โดยมีสินค้าให้เลือกมากกว่า 15,000 รายการ ตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าร้านเพชรทั่วประเทศที่ต้องการซื้อไปจำหน่ายต่อ เตรียมเปิดให้บริการ มิ.ย.ศกนี้ นอกจากนี้ ยังจะเปิดอาคาร Service Center บริเวณใกล้เคียงกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเป็นการเฉพาะ
ทางด้านนายธัชวิน สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท L.S. Jewelry Group กล่าวว่า ปี 2555 “ห้างเพชรหลีเสง” ตั้งเป้ายอดขายสินค้าเครื่องประ ดับและอัญมณี ที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนซึ่งมียอดขายที่ 1,200 ล้านบาท โดยมีบริษัทคู่ค้า ซึ่งเป็นกลุ่ม “โฮลเซลส์” กว่า 400 ราย และมียอดซื้อมากกว่า 95% รวมถึงกลุ่มลูกค้า “รีเทล” อีกกว่า 8,000 ราย หรือคิดเป็นเกือบ 5% ของยอดสั่งซื้อจาก “ห้างเพชรหลีเสง” จุดแข็งของบริษัท ที่ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ คือ การเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบสามารถเจรจาซื้อขายคราวละมากๆ ในรูปของเงินสดต่างจากธรรมชาติของธุรกิจประเภทนี้ที่ต้องใช้เครดิตครั้งละ 6-12 เดือน ทำให้อำนาจต่อรองของ “ห้างเพชรหลีเสง” สูงกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ถูก สามารถผลิตและค้าส่งสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีได้ต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 25-30% บริษัททำธุรกิจโดยเน้นค้าส่ง เพื่อส่งเสริมให้บริษัทคู่ค้าได้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายพีรวัฒน์ สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการค ห้างเพชรหลีเสง กล่าวว่า จุดแข็งของ “ห้างเพชรหลีเสง” นอกจากการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ ยังเป็นผู้นำเข้าพลอยมาจากแหล่งผู้ผลิตโดยตรงทั้งหมด เช่น ทับทิมและหยกจากพม่า, มรกตจากโคลัมเบีย, แซปไฟร์จากศรีลังกาและพม่า เป็นต้น ซึ่งการรับประกันคุณภาพสินค้านี้ ลูกค้าสามารถตรวจสอบถึงที่มาของวัตถุดิบได้ รวมกับงานดีไซน์ที่หลากหลายจากช่างฝีมือกว่า 400 คน จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกมีการกำหนดราคาขายส่งที่ถูกกว่าบริษัทคู่ค้าผลิตเองโดยไม่จำเป็นต้องเหลือเศษสต็อกเพชรพลอยจำนวนมากเหมือนในอดีต และขอเปลี่ยนแบบสินค้าได้ตลอดเวลา สามารถทำกำไรจากการนำไปขายต่อในประเทศ หรือส่งออกไปจำหน่ายยังตลาด ต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย ทั้งนี้ หากรวมถึงมาตรฐานการให้บริการ ตั้งแต่การบำรุงรักษา ตรวจสอบสภาพ เช็ดล้างฟรีตลอดอายุการใช้งาน และการรับซื้อคืนสินค้าในราคาสูง
ทางด้านนายธัชวิน สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท L.S. Jewelry Group กล่าวว่า ปี 2555 “ห้างเพชรหลีเสง” ตั้งเป้ายอดขายสินค้าเครื่องประ ดับและอัญมณี ที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนซึ่งมียอดขายที่ 1,200 ล้านบาท โดยมีบริษัทคู่ค้า ซึ่งเป็นกลุ่ม “โฮลเซลส์” กว่า 400 ราย และมียอดซื้อมากกว่า 95% รวมถึงกลุ่มลูกค้า “รีเทล” อีกกว่า 8,000 ราย หรือคิดเป็นเกือบ 5% ของยอดสั่งซื้อจาก “ห้างเพชรหลีเสง” จุดแข็งของบริษัท ที่ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ คือ การเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบสามารถเจรจาซื้อขายคราวละมากๆ ในรูปของเงินสดต่างจากธรรมชาติของธุรกิจประเภทนี้ที่ต้องใช้เครดิตครั้งละ 6-12 เดือน ทำให้อำนาจต่อรองของ “ห้างเพชรหลีเสง” สูงกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ถูก สามารถผลิตและค้าส่งสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีได้ต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 25-30% บริษัททำธุรกิจโดยเน้นค้าส่ง เพื่อส่งเสริมให้บริษัทคู่ค้าได้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายพีรวัฒน์ สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการค ห้างเพชรหลีเสง กล่าวว่า จุดแข็งของ “ห้างเพชรหลีเสง” นอกจากการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ ยังเป็นผู้นำเข้าพลอยมาจากแหล่งผู้ผลิตโดยตรงทั้งหมด เช่น ทับทิมและหยกจากพม่า, มรกตจากโคลัมเบีย, แซปไฟร์จากศรีลังกาและพม่า เป็นต้น ซึ่งการรับประกันคุณภาพสินค้านี้ ลูกค้าสามารถตรวจสอบถึงที่มาของวัตถุดิบได้ รวมกับงานดีไซน์ที่หลากหลายจากช่างฝีมือกว่า 400 คน จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกมีการกำหนดราคาขายส่งที่ถูกกว่าบริษัทคู่ค้าผลิตเองโดยไม่จำเป็นต้องเหลือเศษสต็อกเพชรพลอยจำนวนมากเหมือนในอดีต และขอเปลี่ยนแบบสินค้าได้ตลอดเวลา สามารถทำกำไรจากการนำไปขายต่อในประเทศ หรือส่งออกไปจำหน่ายยังตลาด ต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย ทั้งนี้ หากรวมถึงมาตรฐานการให้บริการ ตั้งแต่การบำรุงรักษา ตรวจสอบสภาพ เช็ดล้างฟรีตลอดอายุการใช้งาน และการรับซื้อคืนสินค้าในราคาสูง