ภาพนาย ประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสถานะเป็นถึงประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ไปโชว์โง่ปล่อยไก่หน้าโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
ด้วยความสาระแนเอาใจนาย ท้าพิสูจน์ภารกิจลับ ว.5 ชั้น 7 ที่โฟร์ซีซั่นส์
ที่สุดท้ายหน้าแหกหมอไม่รับเย็บ เพราะแทนที่จะเปิดพื้นที่ชั้น 7 แดนสวรรค์ให้ปรากฏต่อหน้าสื่อมวลชนนับร้อยตามแผน กลับกลายเป็นว่าโรงแรมไม่อนุญาตให้เข้าไปยุ่มย่าม เพราะจะเป็นการรบกวนแขกอื่นให้เกิดอาการตื่นตระหนกกันไปเปล่า ๆ
กิจกรรมไร้สาระของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ทางโรงแรมก็ยังไว้หน้าปฏิเสธแบบสุภาพว่า "ไม่มีการประสานงานมาก่อน" และยังอุตส่าห์อนุโลมให้ “ประชา” พานักข่าวขึ้นไปทัวร์สวรรค์ชั้น 7 ได้ 1 คน
งานนี้ก็เลยต้องมีแอ๊คชั่นกู้หน้าตัวเอง อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ executive club ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานที่นัดพบระหว่างเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และอดีตเจ้าแม่เรียลเอสเตท ที่ผันตัวเองมาเป็น นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
ผู้ที่จะใช้ห้อง executive club ต้องเป็นแขกที่เปิดห้องพักชั้น 7 กับโรงแรมเท่านั้น !
ข้อมูลจากปาก “ประชา” ทำให้เกิดคำถามตามมาทันที ว่า การนัดประชุมแบบลับ ๆ ล่อ ๆ จนนายกรัฐมนตรีต้องขอ ว.5หนีประชุมสภา หนีนักข่าว เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทำไมจึงต้องมีการเปิดห้องพักเกิดขึ้นด้วย? และใครเป็นผู้เปิดห้องพักชั้น 7 ในภารกิจว.5 ครั้งนี้? มีการใช้ห้องพักประกอบภารกิจว. 5 ด้วยหรือไม่? ถ้าใช้ห้องพักมีการเรียกแม่บ้านเก็บกวาดเช็ดถู จนถึงขั้นต้องซักผ้าเช็ดตัวใหม่หรือไม่?
ที่ตั้งข้อสังเกตเช่นนี้ ไม่ใช่ต้องการยักลงต่ำ วิ่งพล่านลงใต้สะดือด้วยอาการร้อนเร่า จนนั่งสภาไม่ติดต้องวิ่งโร่ไปดับร้อนที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์เหมือนใครบางคน
แต่เป็นคำถามที่ คนเป็นผู้นำประเทศซึ่งแบกศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติ ต้องมีคำตอบให้กับสังคม เพราะความมัวหมองที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ยังลุกลามมาถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติด้วยเพราะภารกิจ ว. 5 คราวนี้ มีสองมิติที่ผู้คนในสังคมตั้งคำถาม คือ
มิติด้านศีลธรรม จรรยา ที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องตอบให้ชัดว่ามีเหตุเสื่อมเสียใด ๆ ที่ทำให้พลพรรคเพื่อไทยต้องออกมาดาหน้าปกป้องเรื่องใต้สะดือหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบว่า ไม่ได้ไปโรงแรมม่านรูด หรือแม้แต่การออกอาการทนไม่ได้กับคำว่า “พื้นที่รับน้ำ”
ถ้า “ยิ่งลักษณ์” มั่นใจในความเป็นกุลสตรีของตัวเองว่า ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสามีชาวบ้าน ในขณะที่ตัวเองก็ยังมีคู่เป็นตัวเป็นตน กระเตงลูกอีก 1 ก็ต้องพูดให้ชัดเจนแสดงหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่ได้ทำตัวเป็นดั่งเช่นที่สังคมกำลังโจษขาน
โดยสิ่งที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ให้พ้นมลทินจากเรื่องการทำผิดศีลธรรมได้ดีที่สุด ไม่ใช่การออดอ้อนขอความเห็นใจในฐานะผู้หญิง แต่ต้องเปิดเทปจากกล้องวงจรปิดนับตั้งแต่ “ยิ่งลักษณ์” ก้าวเท้าเข้าโรงแรม จนไปถึงการพบปะกับนักธุรกิจ 6-7 คน ตามที่มีการกล่าวอ้าง
หากมีหลักฐานชัดว่า มีการนั่งเจรจากันจริง ปัญหาเรื่องการนอนคุยก็เป็นอันจบ ไม่ต้องมีใครมาใช้สายตาหยามเหยียด หรือใช้วาจาเหน็บแนมให้เสียดแทงใจกับคำว่า “พื้นที่รับน้ำ” อีกต่อไป
จากนั้นการชี้แจงต่อสังคมก็จะตีวงแคบเข้ามา ไม่มีข้อครหาเรื่อง “ผลประโยชน์ทับท้อง” คงเหลือเพียงเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เพียงอย่างเดียว
แต่เหตุการณ์ว.5 ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ ทั้ง “ยิ่งลักษณ์” และ ข้าทาสรับใช้กลับให้คำตอบที่ชัดเจนกับสังคมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดศีลธรรม ไปจนถึงเรื่องปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
แม้ว่าจะมีความพยายามเปิดตัวละครใหม่เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นอกจากจะไม่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์แล้ว กลับยิ่งทำให้เกิดคำถามมากขึ้นอีกด้วย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะเพื่อนซี้ของ เศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนสิริ ออกมาพูดแบบไม่เต็มปากเต็มคำว่า "ผมอยู่ที่นั่น" ในขณะที่ เอกยุทธ อัญชันบุตร ยืนยันว่า เขาเห็นแค่ เศรษฐา กับ ยิ่งลักษณ์ เท่านั้นที่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของโรงแรม
ส่วน “กิตติรัตน์” นั้น มีพยานหลายปากให้ข้อมูลตรงกันว่า ไปเป็นประธานงานเอสเอ็มอีของธนาคารไทยพาณิชย์ หลังกล่าวปาฐกถาจบก็เดินทางออกากโรงแรมไปเวลาประมาณบ่ายสองเศษ ๆ
เวลาเดียวกับที่ ยิ่งลักษณ์ ว. 5 ดอดเข้าโรงแรม !
แล้ว “กิตติรัตน์”จะไปโผล่ในวงสนทนาระหว่างเจ้าพ่ออสังหาฯกับแจ้าแม่เรียลเอสเตทได้ยังไง
เรื่องมันก็เลยพัลวันพัลเก ก่อให้เกิดพิรุธมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถ้าไม่มีพฤติกรรมต่ำช้าผิดศีลธรรมเกิดขึ้น ทำไมต้องพยายามจัดฉากสร้างภาพให้เห็นว่า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้อยู่ลำพังสองต่อสองกับ “เศรษฐา” จนดูเหมือนเป็นการพยายามปกปิดความผิด แต่ก็ถูกจับได้จำนนด้วยหลักฐาน ซึ่งยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของนายกหญิงคนแรกตกต่ำมากขึ้น
ตัวละครที่ถูกอ้างเพิ่มเติม คือ อนันต์ อัศวโภคิน ผู้บริหารแลนด์แอนด์เฮาส์ ก็เป็นเพียงการหยิบขึ้นมาลอย ๆ ของหนังสือพิมพ์มติชนที่อ้างเป็นรายงานข่าว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยเอ่ยปากเปิดตัวว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงหรือไม่
พระเอก นางเอกของเรื่องจึงดูโดดเดี่ยวไร้ตัวประกอบในภาพยนตร์ ว.5 ชั้น 7 ที่โฟร์ซีซั่นส์
เมื่อข้อเท็จจริงในเชิงข้อมูลปรากฏเช่นนี้ ก็เหลือเพียงอย่างเดียวที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของ ยิ่งลักษณ์ กลับคืนมา ว่า ไม่ได้ไปเข้าห้องอยู่ลำพังสองต่อสองกับผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้วกลางวันแสก ๆ คือ การเปิดเทปจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และเปิดชื่อนักธุรกิจที่จองห้องพัก การใช้บริการ executive club ในวันดังกล่าวว่ามีรายละเอียดอย่างไร
ทำไมวันนี้ “เป็ดเหลิม” จึงได้แต่ออกมาร้อง ก้าบ. ๆ ๆ เปิดคลิปเฉพาะชั้นล่างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกาย เอกยุทธ อัญชันบุตร โดยปกปิดเทปบันทึกภาพ “ยิ่งลักษณ์”ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งต้องมีปรากฏอย่างน้อยการเดินเข้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินก่อนเข้าห้องใดห้องหนึ่ง ระหว่างห้องพักกับ executive club
ที่เปิดคลิปไม่ได้ เพราะมันเป็นใบเสร็จมัดตัว “ยิ่งลักษณ์” ว่ามีพฤติกรรมเสื่อมเสียที่หากเปิดเผยต่อสายตาชาวโลกแล้ว เขาจะก่นด่าประณามได้ว่า ไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีของลูกและเมียที่ซื่อสัตย์ต่อสามีใช่หรือไม่ และจะถึงขั้นทำให้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้อีกต่อไปใช่หรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่ก็เปิดคลิปว. 5 ชั้น 7 เพื่อพิสูจน์ตัวเองเสีย อย่าเอาความเป็นผู้หญิงมาปกปิดความผิดของตัวเอง
ด้วยความสาระแนเอาใจนาย ท้าพิสูจน์ภารกิจลับ ว.5 ชั้น 7 ที่โฟร์ซีซั่นส์
ที่สุดท้ายหน้าแหกหมอไม่รับเย็บ เพราะแทนที่จะเปิดพื้นที่ชั้น 7 แดนสวรรค์ให้ปรากฏต่อหน้าสื่อมวลชนนับร้อยตามแผน กลับกลายเป็นว่าโรงแรมไม่อนุญาตให้เข้าไปยุ่มย่าม เพราะจะเป็นการรบกวนแขกอื่นให้เกิดอาการตื่นตระหนกกันไปเปล่า ๆ
กิจกรรมไร้สาระของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ทางโรงแรมก็ยังไว้หน้าปฏิเสธแบบสุภาพว่า "ไม่มีการประสานงานมาก่อน" และยังอุตส่าห์อนุโลมให้ “ประชา” พานักข่าวขึ้นไปทัวร์สวรรค์ชั้น 7 ได้ 1 คน
งานนี้ก็เลยต้องมีแอ๊คชั่นกู้หน้าตัวเอง อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ executive club ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานที่นัดพบระหว่างเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และอดีตเจ้าแม่เรียลเอสเตท ที่ผันตัวเองมาเป็น นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
ผู้ที่จะใช้ห้อง executive club ต้องเป็นแขกที่เปิดห้องพักชั้น 7 กับโรงแรมเท่านั้น !
ข้อมูลจากปาก “ประชา” ทำให้เกิดคำถามตามมาทันที ว่า การนัดประชุมแบบลับ ๆ ล่อ ๆ จนนายกรัฐมนตรีต้องขอ ว.5หนีประชุมสภา หนีนักข่าว เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทำไมจึงต้องมีการเปิดห้องพักเกิดขึ้นด้วย? และใครเป็นผู้เปิดห้องพักชั้น 7 ในภารกิจว.5 ครั้งนี้? มีการใช้ห้องพักประกอบภารกิจว. 5 ด้วยหรือไม่? ถ้าใช้ห้องพักมีการเรียกแม่บ้านเก็บกวาดเช็ดถู จนถึงขั้นต้องซักผ้าเช็ดตัวใหม่หรือไม่?
ที่ตั้งข้อสังเกตเช่นนี้ ไม่ใช่ต้องการยักลงต่ำ วิ่งพล่านลงใต้สะดือด้วยอาการร้อนเร่า จนนั่งสภาไม่ติดต้องวิ่งโร่ไปดับร้อนที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์เหมือนใครบางคน
แต่เป็นคำถามที่ คนเป็นผู้นำประเทศซึ่งแบกศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติ ต้องมีคำตอบให้กับสังคม เพราะความมัวหมองที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ยังลุกลามมาถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติด้วยเพราะภารกิจ ว. 5 คราวนี้ มีสองมิติที่ผู้คนในสังคมตั้งคำถาม คือ
มิติด้านศีลธรรม จรรยา ที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องตอบให้ชัดว่ามีเหตุเสื่อมเสียใด ๆ ที่ทำให้พลพรรคเพื่อไทยต้องออกมาดาหน้าปกป้องเรื่องใต้สะดือหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบว่า ไม่ได้ไปโรงแรมม่านรูด หรือแม้แต่การออกอาการทนไม่ได้กับคำว่า “พื้นที่รับน้ำ”
ถ้า “ยิ่งลักษณ์” มั่นใจในความเป็นกุลสตรีของตัวเองว่า ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสามีชาวบ้าน ในขณะที่ตัวเองก็ยังมีคู่เป็นตัวเป็นตน กระเตงลูกอีก 1 ก็ต้องพูดให้ชัดเจนแสดงหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่ได้ทำตัวเป็นดั่งเช่นที่สังคมกำลังโจษขาน
โดยสิ่งที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ให้พ้นมลทินจากเรื่องการทำผิดศีลธรรมได้ดีที่สุด ไม่ใช่การออดอ้อนขอความเห็นใจในฐานะผู้หญิง แต่ต้องเปิดเทปจากกล้องวงจรปิดนับตั้งแต่ “ยิ่งลักษณ์” ก้าวเท้าเข้าโรงแรม จนไปถึงการพบปะกับนักธุรกิจ 6-7 คน ตามที่มีการกล่าวอ้าง
หากมีหลักฐานชัดว่า มีการนั่งเจรจากันจริง ปัญหาเรื่องการนอนคุยก็เป็นอันจบ ไม่ต้องมีใครมาใช้สายตาหยามเหยียด หรือใช้วาจาเหน็บแนมให้เสียดแทงใจกับคำว่า “พื้นที่รับน้ำ” อีกต่อไป
จากนั้นการชี้แจงต่อสังคมก็จะตีวงแคบเข้ามา ไม่มีข้อครหาเรื่อง “ผลประโยชน์ทับท้อง” คงเหลือเพียงเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เพียงอย่างเดียว
แต่เหตุการณ์ว.5 ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ ทั้ง “ยิ่งลักษณ์” และ ข้าทาสรับใช้กลับให้คำตอบที่ชัดเจนกับสังคมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดศีลธรรม ไปจนถึงเรื่องปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
แม้ว่าจะมีความพยายามเปิดตัวละครใหม่เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นอกจากจะไม่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์แล้ว กลับยิ่งทำให้เกิดคำถามมากขึ้นอีกด้วย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะเพื่อนซี้ของ เศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนสิริ ออกมาพูดแบบไม่เต็มปากเต็มคำว่า "ผมอยู่ที่นั่น" ในขณะที่ เอกยุทธ อัญชันบุตร ยืนยันว่า เขาเห็นแค่ เศรษฐา กับ ยิ่งลักษณ์ เท่านั้นที่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของโรงแรม
ส่วน “กิตติรัตน์” นั้น มีพยานหลายปากให้ข้อมูลตรงกันว่า ไปเป็นประธานงานเอสเอ็มอีของธนาคารไทยพาณิชย์ หลังกล่าวปาฐกถาจบก็เดินทางออกากโรงแรมไปเวลาประมาณบ่ายสองเศษ ๆ
เวลาเดียวกับที่ ยิ่งลักษณ์ ว. 5 ดอดเข้าโรงแรม !
แล้ว “กิตติรัตน์”จะไปโผล่ในวงสนทนาระหว่างเจ้าพ่ออสังหาฯกับแจ้าแม่เรียลเอสเตทได้ยังไง
เรื่องมันก็เลยพัลวันพัลเก ก่อให้เกิดพิรุธมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถ้าไม่มีพฤติกรรมต่ำช้าผิดศีลธรรมเกิดขึ้น ทำไมต้องพยายามจัดฉากสร้างภาพให้เห็นว่า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้อยู่ลำพังสองต่อสองกับ “เศรษฐา” จนดูเหมือนเป็นการพยายามปกปิดความผิด แต่ก็ถูกจับได้จำนนด้วยหลักฐาน ซึ่งยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของนายกหญิงคนแรกตกต่ำมากขึ้น
ตัวละครที่ถูกอ้างเพิ่มเติม คือ อนันต์ อัศวโภคิน ผู้บริหารแลนด์แอนด์เฮาส์ ก็เป็นเพียงการหยิบขึ้นมาลอย ๆ ของหนังสือพิมพ์มติชนที่อ้างเป็นรายงานข่าว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยเอ่ยปากเปิดตัวว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงหรือไม่
พระเอก นางเอกของเรื่องจึงดูโดดเดี่ยวไร้ตัวประกอบในภาพยนตร์ ว.5 ชั้น 7 ที่โฟร์ซีซั่นส์
เมื่อข้อเท็จจริงในเชิงข้อมูลปรากฏเช่นนี้ ก็เหลือเพียงอย่างเดียวที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของ ยิ่งลักษณ์ กลับคืนมา ว่า ไม่ได้ไปเข้าห้องอยู่ลำพังสองต่อสองกับผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้วกลางวันแสก ๆ คือ การเปิดเทปจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และเปิดชื่อนักธุรกิจที่จองห้องพัก การใช้บริการ executive club ในวันดังกล่าวว่ามีรายละเอียดอย่างไร
ทำไมวันนี้ “เป็ดเหลิม” จึงได้แต่ออกมาร้อง ก้าบ. ๆ ๆ เปิดคลิปเฉพาะชั้นล่างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกาย เอกยุทธ อัญชันบุตร โดยปกปิดเทปบันทึกภาพ “ยิ่งลักษณ์”ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งต้องมีปรากฏอย่างน้อยการเดินเข้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินก่อนเข้าห้องใดห้องหนึ่ง ระหว่างห้องพักกับ executive club
ที่เปิดคลิปไม่ได้ เพราะมันเป็นใบเสร็จมัดตัว “ยิ่งลักษณ์” ว่ามีพฤติกรรมเสื่อมเสียที่หากเปิดเผยต่อสายตาชาวโลกแล้ว เขาจะก่นด่าประณามได้ว่า ไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีของลูกและเมียที่ซื่อสัตย์ต่อสามีใช่หรือไม่ และจะถึงขั้นทำให้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้อีกต่อไปใช่หรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่ก็เปิดคลิปว. 5 ชั้น 7 เพื่อพิสูจน์ตัวเองเสีย อย่าเอาความเป็นผู้หญิงมาปกปิดความผิดของตัวเอง