ปีนี้หวังซัมเมอร์ร้อนจริง ตลาดแอร์เริ่มเดือด เชื่อกลับมาฟื้นโตได้ 10% “แอลจี” ลั่นกลองลุย ส่งนวัตกรรมดูแลผิวสร้างยอด ผ่านงบตลาดร่วม 300 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีส่งยอดขายโต 20% แตะ 3,600 ล้านบาท พร้อมนั่งบัลลังก์อินเวอร์เตอร์ ด้วยส่วนแบ่งที่ 25% เดินหน้าเทอีก 150 ล้านบาท ขยายไลน์ผลิตแอร์รับดีมานด์เพิ่ม
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้ เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด น่าจะกลับมามีอัตราการเติบโตที่ 10% ภายใต้ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงต่างๆว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพอากาศ โดยหวังว่าปีนี้จะร้อนจริงอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง โดยส่วนตัวมั่นใจว่าตลาดเครื่องปรับอากาศน่าจะโตได้ถึง 20% หลังจากปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีแรกในรอบหลายๆปี ที่ตลาดเครื่องปรับอากาศ ติดลบถึง 10% เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน หน้าร้อนไม่ร้อนอย่างที่คาดการณ์ไว้ บวกกับมีปัญหาน้ำท่วมช่วงปลายปีเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง
“ปัจจัยสำคัญ 3 ส่วนที่เชื่อว่าจะทำให้ปีนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง คือ 1. กลุ่มบ้านใหม่ ที่อยู่อาศัยใหม่ 20% 2. ความต้องการเครื่องปรับอากาศตัวที่2 ในบ้าน 70% และ3.การเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศทดแทนเครื่องเดิม 10% หรือสิ้นปีนี้มองว่า ความต้องการเครื่องปรับอากาศจะอยู่ที่ 1.1 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น รุ่นมาตรฐาน 75% และอินเวอร์เตอร์ 25% จากปีก่อนกลุ่มนี้มีสัดส่วนเพียง15% ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50%”
ในส่วนของแอลจี ปีนี้ทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะ และกว่า 200 ล้านบาท จะให้ความสำคัญกับเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้แอลจีอย่างมาก โดยปีที่ผ่านมา แอลจีเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ มีส่วนแบ่งสูงถึง 24% ล่าสุดปีนี้บริษัทพร้อมส่งเครื่องปรับอากาศกว่า 16 รุ่น โดยกว่า 8 รุ่น จะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ กับเทคโนโลยีดูแลผิว เพิ่มความชุ่มชื้น โดยราคาจะสูงกว่ารุ่นมาตรฐานทั่วไปราว 50%
เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้แอลจีจะมีส่วนแบ่งในกลุ่มอินเวอร์เตอร์เพิ่มเป็น 25% ได้ พร้อมส่งผลให้แอลจีจะมีส่วนแบ่งเป็น 20% ในตลาดเครื่องปรับอากาศรวม จากปีก่อนมีส่วนแบ่งที่ 18% หรือมีรายได้จากกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ 3,600 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% ได้ หรือสามารถทำรายได้ให้แอลจีได้ในสัดส่วน 25% เทียบกับรายได้รวมปีนี้ที่วางไว้ 24,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ทางบริษัทยังได้มีการลงทุนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านบาท ในส่วนของไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศ โดย50% เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของคอมเพรสเซอร์ และอีก50% พัฒนาด้านระบบไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับดีมานดืทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น หลังจากปีก่อนได้เพิ่มทุนกว่า 150 ล้านบาท สำหรับขยายไลน์การผลิต จาก 1.5 ล้านเครื่องเป็น 2 ล้านเครื่องต่อปีไปแล้ว โดยกว่า 85% ส่งออก และ 15% จำหน่ายในประเทศ
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้ เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด น่าจะกลับมามีอัตราการเติบโตที่ 10% ภายใต้ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงต่างๆว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพอากาศ โดยหวังว่าปีนี้จะร้อนจริงอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง โดยส่วนตัวมั่นใจว่าตลาดเครื่องปรับอากาศน่าจะโตได้ถึง 20% หลังจากปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีแรกในรอบหลายๆปี ที่ตลาดเครื่องปรับอากาศ ติดลบถึง 10% เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน หน้าร้อนไม่ร้อนอย่างที่คาดการณ์ไว้ บวกกับมีปัญหาน้ำท่วมช่วงปลายปีเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง
“ปัจจัยสำคัญ 3 ส่วนที่เชื่อว่าจะทำให้ปีนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง คือ 1. กลุ่มบ้านใหม่ ที่อยู่อาศัยใหม่ 20% 2. ความต้องการเครื่องปรับอากาศตัวที่2 ในบ้าน 70% และ3.การเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศทดแทนเครื่องเดิม 10% หรือสิ้นปีนี้มองว่า ความต้องการเครื่องปรับอากาศจะอยู่ที่ 1.1 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น รุ่นมาตรฐาน 75% และอินเวอร์เตอร์ 25% จากปีก่อนกลุ่มนี้มีสัดส่วนเพียง15% ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50%”
ในส่วนของแอลจี ปีนี้ทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะ และกว่า 200 ล้านบาท จะให้ความสำคัญกับเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้แอลจีอย่างมาก โดยปีที่ผ่านมา แอลจีเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ มีส่วนแบ่งสูงถึง 24% ล่าสุดปีนี้บริษัทพร้อมส่งเครื่องปรับอากาศกว่า 16 รุ่น โดยกว่า 8 รุ่น จะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ กับเทคโนโลยีดูแลผิว เพิ่มความชุ่มชื้น โดยราคาจะสูงกว่ารุ่นมาตรฐานทั่วไปราว 50%
เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้แอลจีจะมีส่วนแบ่งในกลุ่มอินเวอร์เตอร์เพิ่มเป็น 25% ได้ พร้อมส่งผลให้แอลจีจะมีส่วนแบ่งเป็น 20% ในตลาดเครื่องปรับอากาศรวม จากปีก่อนมีส่วนแบ่งที่ 18% หรือมีรายได้จากกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ 3,600 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% ได้ หรือสามารถทำรายได้ให้แอลจีได้ในสัดส่วน 25% เทียบกับรายได้รวมปีนี้ที่วางไว้ 24,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ทางบริษัทยังได้มีการลงทุนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านบาท ในส่วนของไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศ โดย50% เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของคอมเพรสเซอร์ และอีก50% พัฒนาด้านระบบไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับดีมานดืทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น หลังจากปีก่อนได้เพิ่มทุนกว่า 150 ล้านบาท สำหรับขยายไลน์การผลิต จาก 1.5 ล้านเครื่องเป็น 2 ล้านเครื่องต่อปีไปแล้ว โดยกว่า 85% ส่งออก และ 15% จำหน่ายในประเทศ