แอลจีวืดเป้า ไตรมาสแรกทำได้ 5,000 ล้านบาท เหตุอากาศแปรปรวนฉุดตลาดแอร์หายไป 500 ล้านบาท เติบโตต่ำกว่าเป้า 10% เชื่อทั้งปียังมีหวังทะลุ 22,000 ล้านบาท ล่าสุดส่ง 3D TV ชูฟีเจอร์สมาร์ททีวี ลงตลาด มั่นใจโค่นซัมซุง ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 50%
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมานั้น ทำได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โตขึ้น 15% ต่ำกว่าเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ที่ 5,500 ล้านบาทหรือเติบโต 20% เฉลี่ยทุกไตรมาส เพื่อให้รายได้รวมถึงสื้นปีนี้มีประมาณ 22,000 ล้านบาท เติบโต 20% ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักยังเติบโตได้ดีอยู่ ทั้งกลุ่มเครื่องซักผ้าที่เป็นผู้นำเติบโต 20% ส่วนกลุ่มจอภาพเติบโต 10% pdเว้นเพียงกลุ่มเครื่องปรับอากาศเท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ยอดขายต่ำกว่าปีก่อนถึง 10% จากเดิมที่มองว่าไตรมาสแรกกลุ่มแอร์จะเติบโตได้ 20% จึงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้รวมในไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ขณะที่ตลาดรวมแอร์มีการเติบโตลดลงถึง 20% ในไตรมาสแรกด้วยเช่นเดียวกัน โดยทั้งปีนี้คาดว่า ตลาดแอร์โดยรวมจะมีความต้องการที่ลดลง 20% จากจำนวน 8 แสนยูนิตในปีที่ผ่านมา
นายชิน ฮัก (เจฟ) เช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพ ปีนี้ทางบริษัทได้ใช้งบลงทุนเพิ่มอีกกว่า 5 แสนเหรียญสหรัฐ ในการขยายกำลังการผลิตอีก 50% จากเดิม 1 ล้านเครื่องในปีก่อน เพื่อให้ได้ 1.5 ล้านเครื่องในปีนี้ โดยปัจจุบันขยายกำลังผลิตเพิ่มได้แล้วกว่า 20%
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังเตรียมงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาทสำหรับกลุ่มจอภาพด้วย และกว่า 150 ล้านบาท จะถูกนำมาใช้ในกลุ่ม 3D TV ที่ล่าสุดได้เปิดตัว LG CINEMA 3D TV เป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดของตลาด3D TV นำเสนอพร้อมเทคโนโลยี Cinema 3D เป็นเทคโนโลยีการสร้างภาพสามมิติที่ใช้พาเนลชนิดพิเศษ เรียกว่า Film Patterned Retarder (FPR) ช่วยไม่ให้มีอาการปวดตา ปวดหัว จากการกระพริบของภาพ
อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ SMART TV เชื่อมต่อโลกออนไลน์ทั้งคอนเทนท์ภาษาไทย และเว็บไซต์ต่างประเทศได้ เบื้องต้นวางจำหน่าย 5 รุ่น คือ 32, 42, 55, และ 65 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 22,990-299,990 บาท เป็นระดับราคาเดียวกับแบรนด์ต่างๆที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนหน้า มั่นใจว่าภายในปีแรก ยอดขายของ LG CINEMA 3D TV จะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม3D TV ราว 50% ก้าวขึ้นเป็นผู้นำแทนซัมซุง จากปัจจุบัน ซัมซุงเป็นผู้นำมีส่วนแบ่ง 50% รองลงมาคือ โซนี่ 40% และแอลจี 10%
สำหรับกลุ่มจอภาพที่มีฟีเจอร์ 3D TV และสมาร์ททีวีนั้น มีสัดส่วนอยู่ที่ 30-40% จากกลุ่มจอภาพจอแบน ทั้งหมด ซึ่งปีนี้ในตลาดจอแบนนั้น คาดว่าจะมีความต้องการอยู่ที่ 1.6 ล้านเครื่อง เติบโตจากปีก่อน 39% โดยปีที่ผ่านมามีความต้องการอยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง ผู้นำตลาด คือ ซัมซุง มีส่วนแบ่ง 33% โซนี่ อันดับสอง มีส่วนแบ่ง 20% และแอลจี อันดับสาม มีส่วนแบ่ง 19% มั่นใจว่าจากการรุก LG CINEMA 3D TV จะส่งผลให้แอลจีจะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 25%ได้
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมานั้น ทำได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โตขึ้น 15% ต่ำกว่าเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ที่ 5,500 ล้านบาทหรือเติบโต 20% เฉลี่ยทุกไตรมาส เพื่อให้รายได้รวมถึงสื้นปีนี้มีประมาณ 22,000 ล้านบาท เติบโต 20% ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักยังเติบโตได้ดีอยู่ ทั้งกลุ่มเครื่องซักผ้าที่เป็นผู้นำเติบโต 20% ส่วนกลุ่มจอภาพเติบโต 10% pdเว้นเพียงกลุ่มเครื่องปรับอากาศเท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ยอดขายต่ำกว่าปีก่อนถึง 10% จากเดิมที่มองว่าไตรมาสแรกกลุ่มแอร์จะเติบโตได้ 20% จึงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้รวมในไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ขณะที่ตลาดรวมแอร์มีการเติบโตลดลงถึง 20% ในไตรมาสแรกด้วยเช่นเดียวกัน โดยทั้งปีนี้คาดว่า ตลาดแอร์โดยรวมจะมีความต้องการที่ลดลง 20% จากจำนวน 8 แสนยูนิตในปีที่ผ่านมา
นายชิน ฮัก (เจฟ) เช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพ ปีนี้ทางบริษัทได้ใช้งบลงทุนเพิ่มอีกกว่า 5 แสนเหรียญสหรัฐ ในการขยายกำลังการผลิตอีก 50% จากเดิม 1 ล้านเครื่องในปีก่อน เพื่อให้ได้ 1.5 ล้านเครื่องในปีนี้ โดยปัจจุบันขยายกำลังผลิตเพิ่มได้แล้วกว่า 20%
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังเตรียมงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาทสำหรับกลุ่มจอภาพด้วย และกว่า 150 ล้านบาท จะถูกนำมาใช้ในกลุ่ม 3D TV ที่ล่าสุดได้เปิดตัว LG CINEMA 3D TV เป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดของตลาด3D TV นำเสนอพร้อมเทคโนโลยี Cinema 3D เป็นเทคโนโลยีการสร้างภาพสามมิติที่ใช้พาเนลชนิดพิเศษ เรียกว่า Film Patterned Retarder (FPR) ช่วยไม่ให้มีอาการปวดตา ปวดหัว จากการกระพริบของภาพ
อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ SMART TV เชื่อมต่อโลกออนไลน์ทั้งคอนเทนท์ภาษาไทย และเว็บไซต์ต่างประเทศได้ เบื้องต้นวางจำหน่าย 5 รุ่น คือ 32, 42, 55, และ 65 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 22,990-299,990 บาท เป็นระดับราคาเดียวกับแบรนด์ต่างๆที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนหน้า มั่นใจว่าภายในปีแรก ยอดขายของ LG CINEMA 3D TV จะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม3D TV ราว 50% ก้าวขึ้นเป็นผู้นำแทนซัมซุง จากปัจจุบัน ซัมซุงเป็นผู้นำมีส่วนแบ่ง 50% รองลงมาคือ โซนี่ 40% และแอลจี 10%
สำหรับกลุ่มจอภาพที่มีฟีเจอร์ 3D TV และสมาร์ททีวีนั้น มีสัดส่วนอยู่ที่ 30-40% จากกลุ่มจอภาพจอแบน ทั้งหมด ซึ่งปีนี้ในตลาดจอแบนนั้น คาดว่าจะมีความต้องการอยู่ที่ 1.6 ล้านเครื่อง เติบโตจากปีก่อน 39% โดยปีที่ผ่านมามีความต้องการอยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง ผู้นำตลาด คือ ซัมซุง มีส่วนแบ่ง 33% โซนี่ อันดับสอง มีส่วนแบ่ง 20% และแอลจี อันดับสาม มีส่วนแบ่ง 19% มั่นใจว่าจากการรุก LG CINEMA 3D TV จะส่งผลให้แอลจีจะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 25%ได้