xs
xsm
sm
md
lg

ยูโรโซนผ่านแผนอัดฉีดให้กรีซ ปลดล็อคหนีการผิดนัดชำระหนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ – ขุนคลังยูโรโซนอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบสองมูลค่า 130,000 ล้านยูโร (172,000 ล้านดอลลาร์) ป้องกันไม่ให้กรีซผิดชำระหนี้ในเดือนหน้า หลังจากสามารถกล่อมเจ้าหนี้เอกชนให้ยอมรับยอดขาดทุนเพิ่ม และเอเธนส์รับปากลดการใช้จ่ายก้อนใหญ่
ภายหลังการเจรจานาน 13 ชั่วโมงที่เริ่มต้นตั้งแต่วันอังคาร(20) และยืดเยื้อเข้าสู่วันพุธ(21) ในที่สุดรัฐมนตรีคลังยูโรโซนก็รับรองบรรดามาตรการต่างๆ ซึ่งจะยังผลให้ลดหนี้สินภาคสาธารณะของกรีซลงเหลือ 120.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2020 ซึ่งนับว่าสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ขีดเส้นไว้ที่ 120% อยู่เล็กน้อย และอนุมัติให้ผ่านเงินช่วยเหลืออัดฉีดก้อนที่ 2 แก่กรีซในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี อันจะทำให้เอเธนส์มีเงินสำหรับไถ่ถอนพันธบัตรที่ถึงกำหนดในเดือนหน้า
จากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังตกลงแจกจ่ายกำไรจากการซื้อพันธบัตรกรีซ ซึ่งในที่สุดจะกลับคืนไปยังเอเธนส์ ตลอดจนพวกภาคเอกชนที่ถือพันธบัตรกรีซยอมรับภาระขาดทุนมากขึ้น ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน จึงสามารถปรับลดหนี้กรีซ สู่ระดับที่ทำให้สามารถรับเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และรักษากลุ่มเงินสกุลเดียว 17 ชาติไว้ได้
กระนั้น การตัดลดหนี้สินให้อยู่ในเป้าหมายของเอเธนส์ ซึ่งหมายถึงการลดงบประมาณอย่างชนิดรัดเข็มขัดสุดฤทธิ์ กำลังถูกคัดค้านอย่างหนักจากชาวกรีกส่วนใหญ่ ในขณะที่การเลือกตั้งกำลังจะมีขึ้นในเดือนเมษายน การประท้วงที่จะเกิดขึ้นต่อไปอาจเป็นบททดสอบความมุ่งมั่นของนักการเมืองกรีก ว่ายังจะยืดหยัดเดินหน้ามาตรการอย่างเช่นลดค่าจ้าง ลดเงินบำนาญ และปลดลูกจ้างรัฐ ต่อไปหรือไม่
ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโร แถลงว่ายูโรโซนบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับโปรแกรมใหม่ของกรีซ และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนจะช่วยให้กรีซลดหนี้ลงจำนวนมากเพื่อปกป้องอนาคตของกรีซในยูโรโซน
หลังจากแผนการอัดฉีดเอเธนส์ผ่านความเห็นชอบ ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเกือบจะในทันทีร่วมๆ 1 เซนต์ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเตือนว่า ยังมีคำถามอีกมากมาย เช่น กรีซยังสามารถจ่ายหนี้ได้ตามเงื่อนไขหรือไม่ แม้มีการลดหนี้ให้แล้วก็ตาม โดยเป็นที่ขาดหมายกันว่าเศรษฐกิจกรีซกว่าจะฟื้นตัวเติบโตกันใหม่อาจต้องใช้เวลานานถึง 1 ทศวรรษ ขณะที่การลดงบประมาณจะทำให้เศรษฐกิจกรีซถดถอยเรื้อรังต่อไปหลังจากที่ประสบภาวะนี้มานานถึง 5 ปีแล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะผู้เชี่ยวชาญของสหภาพยุโรป (อียู) อีซีบี และไอเอ็มเอฟ ได้จัดทำรายงานฉบับหนึ่ง ซึ่งประเมินว่า กรีซอาจต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเพื่อลดหนี้ให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายอย่างเป็นทางการ หากเศรษฐกิจอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด
นอกจากนั้นถ้าเอเธนส์ไม่ปฏิบัติตามแผนปฎิรูปเศรษฐกิจจนตลอดรอดฝั่ง เพื่อทำให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น สัดส่วนหนี้ก็อาจพุ่งเป็น 160% ในปี 2020
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่สำหรับในปัจจุบัน จากการอนุมัติรับรองของขุนคลังยูโรโซนคราวนี้ จะเปิดทางให้เอเธนส์เริ่มเดินหน้าการสวอปพันธบัตรกับพวกเจ้าหนี้ภาคเอกชน เพื่อให้สถานะการเงินของประเทศมั่นคงขึ้นและสามารถคงอยู่ในยูโรโซนต่อไป โดยการเปลี่ยนให้พวกเจ้าหนี้เหล่านี้ถือพันธมิตรที่มีระยะยาวขึ้นและผลตอบแทนต่ำลง จะช่วยลดหนี้กรีซลงราว 100,000 ล้านยูโร จากหนี้ทั้งหมด 350,000 ล้านยูโร
การสวอป เท่ากับพวกเจ้าหนี้เอกชนยอมขาดทุน 53.5% จากมูลค่าพันธบัตรที่ถือครอง โดยยอมรับการลดหนี้ลงมาประมาณ 50% หรือเท่ากับ 70% ของมูลค่าสุทธิ ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้คาดว่า จะมีการสวอปพันธบัตรในวันที่ 8 มีนาคมและแล้วเสร็จภายใน 3 วัน อันจะทำให้กรีซสามารถปรับโครงสร้างหนี้ 14,500 ล้านยูโรที่ถึงกำหนดชำระในวันที่ 20 เดือนหน้า
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) นจะเข้ามามีบทบาทในการลดหนี้กรีซด้วย กล่าวคืออีซีบีจะโอนผลกำไรจากการซื้อพันธบัตรกรีซในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาให้แบงก์ชาติของสมาชิก เพื่อส่งต่อให้เอเธนส์ปรับหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืนขึ้น
ที่ผ่านมา อีซีบีซื้อพันธบัตรกรีซ 38,000 ล้านยูโร ซึ่งขณะนี้มูลค่าเพิ่มเป็น 50,000 ล้านยูโร
อนึ่ง ในเงินกู้อัดฉีดจากอียู/ไอเอ็มเอฟก้อนที่ 2 มูลค่า 130,000 ล้านยูโรนี้ ส่วนใหญ่จะใช้ในการสวอปพันธบัตรและรับประกันว่า ระบบการธนาคารของกรีซยังมั่นคงแข็งแรง กล่าวคือ 30,000 ล้านยูโรจะใช้จูงใจนักลงทุนเอกชนในการสวอปพันธบัตร, 23,000 ล้านยูโรใช้เพิ่มทุนแบงก์กรีซ อีก 35,000 ล้านยูโรหรือมากกว่านั้นสำหรับให้กรีซซื้อคืนพันธบัตร แล้วที่เหลือจึงจะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกรีซโดยตรง
กำลังโหลดความคิดเห็น