พิษณุโลก-ครูพิษณุโลกงานเข้า ศธ.สั่งเอาเรื่องให้ถึงที่สุด กรณีออกข้อสอบเปรียบเทียบเงินเยียวยาแดงเผาเมืองได้ 7.75 ล้าน กับทหารตายเพื่อชาติได้ 5 แสน และการแบนซิมซิมิ เผยล่าสุดผอ.สพม.39 ได้เรียกผู้บริหารโรงเรียนชี้แจงแล้ว ด้านเจ้าตัวขอลาพักร้อนยันออกข้อสอบตามหลักวิชาการให้เด็กคิด วิเคราะห์ ไม่กลัวถูกสอบวินัย แต่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า แก๊งแดงไม่เลิกเตรียมรวมพลกดดันผ่านผู้ว่าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิษณุโลกวานนี้ (21 ก.พ.) ว่า กรณีครูภาควิชาภาษาไทย โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งของ จ.พิษณุโลก ได้หยิบยกเอาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งกรณีที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน มีนโยบายจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง สูงสุด 7.75 ล้านบาท เทียบกับทหารที่เสียสละชีวิตปกป้องประเทศชาติที่ได้เพียง 500,000 บาท รวมถึงบทกลอนของ “พี่คนดี” เกี่ยวกับซิมซิมิ ที่เผยแพร่ทั่วไปในสังคมออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2555 มาเป็นโจทย์ให้นักเรียนอ่าน ก่อนใช้ความคิด วิเคราะห์เพื่อตอบคำถาม โดยไม่มีการตัดสินว่าใครถูก ใครผิด แต่ให้คะแนนจากหลักการคิด วิเคราะห์ของเด็กนักเรียนเป็นหลัก รวม 3 ข้อ 30 คะแนนนั้น ล่าสุดกำลังเกิดผลกระทบต่อคณะครู และโรงเรียนที่ออกข้อสอบดังกล่าวแล้ว
ผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2555 ที่ผ่านมา ผู้บริหารโรงเรียนแห่งนี้ประมาณ 4-5 คน ต้องถูกเรียกเข้าชี้แจงกับ ดร.สมเกียรติ บุญรอด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 (สพม.39) ท่ามกลางกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า เป็นคำสั่งตรงจากข้าราชการการเมืองชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ขอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมกับกำชับด้วยว่า “จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด”
อย่างไรก็ตาม กรณีการออกข้อสอบด้วยการหยิบยกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาเป็นโจทย์ให้นักเรียนคิด วิเคราะห์ ถือเป็นแนวทางที่ทำได้ตามหลักวิชาการและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อครูผู้สอน เบื้องต้นผู้บริหารโรงเรียนจึงเข้าชี้แจงข้อมูลด้วยตนเองทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาจนกระทบต่อกระบวนการเรียนการสอน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพิษณุโลก ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ครูที่ออกข้อสอบดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ต้องลาพักชั่วคราว แต่ได้รับการปฏิเสธ บอกแต่เพียงว่า ได้ชี้แจงต่อฝ่ายบริหารโรงเรียนไปแล้ว และยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะขยายความขัดแย้งใดๆ แต่ที่นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาออกข้อสอบ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งภาควิชาภาษาไทย จะต้องให้เด็กนักเรียนรู้จักวิเคราะห์ รู้ทักษะ และเข้าใจภาษาไทย จึงคัดลอกข้อความทางอินเทอร์เน็ตมาออกข้อสอบเก็บคะแนน
“ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต เพียงแค่ให้เด็กวิเคราะห์ธรรมดาเท่านั้น ไม่ต้องการผลลัพธ์แบบชี้ผิด ชี้ถูกใดๆ ตอนนี้ไม่ได้วิตกกังวลเรื่องถูกสอบวินัย แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยมากกว่า”ครูที่ออกข้อสอบระบุ
ขณะที่กลุ่มเพื่อนครูในโรงเรียน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่ครูคนหนึ่งออกข้อสอบ โดยหยิบยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมและรับรู้กับในวงกว้างมานั้น ก็ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ และคำตอบที่เด็กเขียนมานั้น ก็ยืนยันได้ว่า การเขียนโดยเข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ได้ช่วยให้ได้คะแนนมากหรือน้อย แต่ครูให้คะแนนตรงที่เด็กรู้จักวิเคราะห์เหตุการณ์นั้นๆ
“คำตอบที่เด็กเขียนมานั้น บอกได้เลยว่า ฝ่ายละครึ่ง ระหว่างคนที่ฝักใฝ่เสื้อแดง กับเสื้อเหลือง” กลุ่มเพื่อนครูในโรงเรียนกล่าวยืนยัน
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะมีนักเรียนนำโจทย์คำถาม เรื่องเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง เทียบกับทหารที่เสียสละชีวิตปกป้องประเทศชาติ ไปถามผู้ปกครองที่บ้าน เนื่องจากยังไม่เข้าใจ จนทำให้เรื่องแพร่สะพัดไปทั่วเมืองพิษณุโลก ในหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ปกครองนำข้อสอบดังกล่าวไปถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้กับคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ทำให้เครือข่ายคนเสื้อแดงในพื้นที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ เตรียมเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยล่าสุดได้หารือกันเมื่อบ่ายวานนี้ (21 ก.พ.) และมีข้อตกลงเบื้องต้นว่า จะออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือกดดันผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า หน่วยงานด้านการข่าวในพื้นที่ก็ได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวนี้โดยละเอียดด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิษณุโลกวานนี้ (21 ก.พ.) ว่า กรณีครูภาควิชาภาษาไทย โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งของ จ.พิษณุโลก ได้หยิบยกเอาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งกรณีที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน มีนโยบายจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง สูงสุด 7.75 ล้านบาท เทียบกับทหารที่เสียสละชีวิตปกป้องประเทศชาติที่ได้เพียง 500,000 บาท รวมถึงบทกลอนของ “พี่คนดี” เกี่ยวกับซิมซิมิ ที่เผยแพร่ทั่วไปในสังคมออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2555 มาเป็นโจทย์ให้นักเรียนอ่าน ก่อนใช้ความคิด วิเคราะห์เพื่อตอบคำถาม โดยไม่มีการตัดสินว่าใครถูก ใครผิด แต่ให้คะแนนจากหลักการคิด วิเคราะห์ของเด็กนักเรียนเป็นหลัก รวม 3 ข้อ 30 คะแนนนั้น ล่าสุดกำลังเกิดผลกระทบต่อคณะครู และโรงเรียนที่ออกข้อสอบดังกล่าวแล้ว
ผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2555 ที่ผ่านมา ผู้บริหารโรงเรียนแห่งนี้ประมาณ 4-5 คน ต้องถูกเรียกเข้าชี้แจงกับ ดร.สมเกียรติ บุญรอด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 (สพม.39) ท่ามกลางกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า เป็นคำสั่งตรงจากข้าราชการการเมืองชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ขอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมกับกำชับด้วยว่า “จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด”
อย่างไรก็ตาม กรณีการออกข้อสอบด้วยการหยิบยกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาเป็นโจทย์ให้นักเรียนคิด วิเคราะห์ ถือเป็นแนวทางที่ทำได้ตามหลักวิชาการและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อครูผู้สอน เบื้องต้นผู้บริหารโรงเรียนจึงเข้าชี้แจงข้อมูลด้วยตนเองทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาจนกระทบต่อกระบวนการเรียนการสอน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพิษณุโลก ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ครูที่ออกข้อสอบดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ต้องลาพักชั่วคราว แต่ได้รับการปฏิเสธ บอกแต่เพียงว่า ได้ชี้แจงต่อฝ่ายบริหารโรงเรียนไปแล้ว และยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะขยายความขัดแย้งใดๆ แต่ที่นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาออกข้อสอบ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งภาควิชาภาษาไทย จะต้องให้เด็กนักเรียนรู้จักวิเคราะห์ รู้ทักษะ และเข้าใจภาษาไทย จึงคัดลอกข้อความทางอินเทอร์เน็ตมาออกข้อสอบเก็บคะแนน
“ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต เพียงแค่ให้เด็กวิเคราะห์ธรรมดาเท่านั้น ไม่ต้องการผลลัพธ์แบบชี้ผิด ชี้ถูกใดๆ ตอนนี้ไม่ได้วิตกกังวลเรื่องถูกสอบวินัย แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยมากกว่า”ครูที่ออกข้อสอบระบุ
ขณะที่กลุ่มเพื่อนครูในโรงเรียน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่ครูคนหนึ่งออกข้อสอบ โดยหยิบยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมและรับรู้กับในวงกว้างมานั้น ก็ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ และคำตอบที่เด็กเขียนมานั้น ก็ยืนยันได้ว่า การเขียนโดยเข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ได้ช่วยให้ได้คะแนนมากหรือน้อย แต่ครูให้คะแนนตรงที่เด็กรู้จักวิเคราะห์เหตุการณ์นั้นๆ
“คำตอบที่เด็กเขียนมานั้น บอกได้เลยว่า ฝ่ายละครึ่ง ระหว่างคนที่ฝักใฝ่เสื้อแดง กับเสื้อเหลือง” กลุ่มเพื่อนครูในโรงเรียนกล่าวยืนยัน
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะมีนักเรียนนำโจทย์คำถาม เรื่องเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง เทียบกับทหารที่เสียสละชีวิตปกป้องประเทศชาติ ไปถามผู้ปกครองที่บ้าน เนื่องจากยังไม่เข้าใจ จนทำให้เรื่องแพร่สะพัดไปทั่วเมืองพิษณุโลก ในหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ปกครองนำข้อสอบดังกล่าวไปถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้กับคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ทำให้เครือข่ายคนเสื้อแดงในพื้นที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ เตรียมเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยล่าสุดได้หารือกันเมื่อบ่ายวานนี้ (21 ก.พ.) และมีข้อตกลงเบื้องต้นว่า จะออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือกดดันผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า หน่วยงานด้านการข่าวในพื้นที่ก็ได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวนี้โดยละเอียดด้วยเช่นกัน
