“แมคโดนัลด์”ห่วงต้นทุนเพิ่มจากค่าแรงกว่า 80 ล้านบาท เร่งเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายและทรานแซคชั่นทดแทน ทุ่ม 650 ล้านเปิดอีก 20 สาขาปีนี้
นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯประเมินแล้วว่าปีนี้ต้นทุนการดำเนินงานคงต้องเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนค่าแรงงานที่ต้องเพิ่มอย่างน้อย 10% หรือประมาณ 80-90 ล้านบาททั้งปี จากนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท เนื่องจากบริษัทฯมีพนักงานรวมมากกว่า 7,000 คนทั้งฟูลไทม์และพาร์ตไทม์
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่น มาร์จิ้นต่อทรานแซคชันของลูกค้าจะลดลง ซึ่งบริษัทฯจะต้องเร่งทำตลาดเพื่อดึงลูกค้าเข้าร้านให้มากที่สุดด้วยการเพิ่มทรานแซคชั่น และเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายต่อทรานแซคชั่นมากขั้น เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ด้วยการขยายอัตราการเข้าถึงของร้านค้าของผู้บริโภคให้มากที่สุดอย่างต่ำ 3-5% จากปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 26% เพิ่มมาเป็น 32%และการเพิ่มความถี่ในการเข้าร้านให้มากที่สุดจากปัจจุบันอู่ที่ 1.4 ครั้งต่อเดือน
ส่วนแผนขยายสาขาปีนี้จะใช้งบอีก 650 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีกอย่างต่ำ 20 สาขา จากปีที่แล้วที่ตั้งเป้าเปิดใหม่ 18 สาขา แต่เปิดได้จริง 13 สาขา เพราะปัญหาน้ำท่วมหนักจึงทำให้อีก 5 สาขาที่ต้องเลื่อนมาเปิดปีนี้แทน
ปัจจุบันแมคโดนัลด์มีสาขารวม 160 แห่ง ซึ่งบางแห่งมีหลายบริการรวมกัน แยกเป็น ร้านที่บริการอาหารเช้า 123 แห่ง, ร้านที่เปิด24ชั่วโมง 63 แห่ง, ร้านดีลิเวอรี่ 87 แห่ง, ร้านแมคค่าเฟ่ 80 แห่ง, ร้านไดร์ฟทรู 30 แห่ง, ร้านคีออส 86 แห่ง
ปัญหาอื่นเช่น ต้นทุนวัตถุดิบอาหาร เรื่องความเสี่ยงและการป้องกันเหตุการณ์น้ำท่วม หรือความปลอดภัยของสาขาที่ทุกวันนี้มีข่าววางระบิดตลอดเวลา ซึ่งบริษัทมีการทำแผนสำรองแล้วรับมือเหตุการณ์ต่างๆจากทีมบริหารวิกฤติ
ล่าสุดเป็นพันธมิตรกับทางผลิตภัณฑ์นมโฟรโมสต์ ซึ่งจะช่วยทำให้เพิ่มฐานลูกค้าและเพิ่มการใช้จ่ายต่อบิลด้วย เป็นทางเลือก ซึ่งจะมีการขายโฟร์โมสต์แบบเดี่ยวและที่บรรจุอยู่ในเมนูเซ็ตแฮปปี้มีลของแมดโดนัลด์ โดยเฉลี่ยแล้ว แมคโดนัลด์มียอดขายจากแฮปปี้มีลประมาณ 1 แสนชุดต่อเดือน ขณะที่มีปริมาณลูกค้าเข้าร้านแมคโดนัลด์รวม 6 ล้านคนต่อเดือน สำหรับยอดขายรวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 25% จากปีที่แล้วเติบโต 30%
นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯประเมินแล้วว่าปีนี้ต้นทุนการดำเนินงานคงต้องเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนค่าแรงงานที่ต้องเพิ่มอย่างน้อย 10% หรือประมาณ 80-90 ล้านบาททั้งปี จากนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท เนื่องจากบริษัทฯมีพนักงานรวมมากกว่า 7,000 คนทั้งฟูลไทม์และพาร์ตไทม์
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่น มาร์จิ้นต่อทรานแซคชันของลูกค้าจะลดลง ซึ่งบริษัทฯจะต้องเร่งทำตลาดเพื่อดึงลูกค้าเข้าร้านให้มากที่สุดด้วยการเพิ่มทรานแซคชั่น และเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายต่อทรานแซคชั่นมากขั้น เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ด้วยการขยายอัตราการเข้าถึงของร้านค้าของผู้บริโภคให้มากที่สุดอย่างต่ำ 3-5% จากปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 26% เพิ่มมาเป็น 32%และการเพิ่มความถี่ในการเข้าร้านให้มากที่สุดจากปัจจุบันอู่ที่ 1.4 ครั้งต่อเดือน
ส่วนแผนขยายสาขาปีนี้จะใช้งบอีก 650 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีกอย่างต่ำ 20 สาขา จากปีที่แล้วที่ตั้งเป้าเปิดใหม่ 18 สาขา แต่เปิดได้จริง 13 สาขา เพราะปัญหาน้ำท่วมหนักจึงทำให้อีก 5 สาขาที่ต้องเลื่อนมาเปิดปีนี้แทน
ปัจจุบันแมคโดนัลด์มีสาขารวม 160 แห่ง ซึ่งบางแห่งมีหลายบริการรวมกัน แยกเป็น ร้านที่บริการอาหารเช้า 123 แห่ง, ร้านที่เปิด24ชั่วโมง 63 แห่ง, ร้านดีลิเวอรี่ 87 แห่ง, ร้านแมคค่าเฟ่ 80 แห่ง, ร้านไดร์ฟทรู 30 แห่ง, ร้านคีออส 86 แห่ง
ปัญหาอื่นเช่น ต้นทุนวัตถุดิบอาหาร เรื่องความเสี่ยงและการป้องกันเหตุการณ์น้ำท่วม หรือความปลอดภัยของสาขาที่ทุกวันนี้มีข่าววางระบิดตลอดเวลา ซึ่งบริษัทมีการทำแผนสำรองแล้วรับมือเหตุการณ์ต่างๆจากทีมบริหารวิกฤติ
ล่าสุดเป็นพันธมิตรกับทางผลิตภัณฑ์นมโฟรโมสต์ ซึ่งจะช่วยทำให้เพิ่มฐานลูกค้าและเพิ่มการใช้จ่ายต่อบิลด้วย เป็นทางเลือก ซึ่งจะมีการขายโฟร์โมสต์แบบเดี่ยวและที่บรรจุอยู่ในเมนูเซ็ตแฮปปี้มีลของแมดโดนัลด์ โดยเฉลี่ยแล้ว แมคโดนัลด์มียอดขายจากแฮปปี้มีลประมาณ 1 แสนชุดต่อเดือน ขณะที่มีปริมาณลูกค้าเข้าร้านแมคโดนัลด์รวม 6 ล้านคนต่อเดือน สำหรับยอดขายรวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 25% จากปีที่แล้วเติบโต 30%