ททท.ขยับ ดึงเศรษฐี แดนโรตี เที่ยวประเทศไทย วางแผนโหมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ เจาะเป้าหมาย ผู้หญิงวัยทำงาน ครอบครัว แนะรัฐบาลเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับ นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ กำลังซื้อสูง ชี้ ภายใน ปี 2568 ประชากรอินเดียเข้าสู่วัยเกษียณสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้านตลาดในประเทศ อานิสงส์น้ำลด คนเที่ยวอยุธยาคึกคัก มั่นใจปีนี้โกยยอดรายได้ ภาคกลางกว่า 2 แสนล้านบาท
นายเศรษฐพันธ์ พุทธานี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานมุมไบ กล่าวว่า เตรียมแผนทำตลาดเชิงรุกดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย กลุ่มมหาเศรษฐี เข้ามาเที่ยวที่ประเทศเพิ่มขึ้น เบื้องต้นได้วางแผนทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกในทุกช่องทางการสื่้อสารที่จะเข้าถึงตัวลูกค้าเป้าหมาย สร้างการรับรู้ประเทศไทย สิ่งอำนวยความสะดวก และแหล่งท่องเที่ยว โดยมุ่งขยายฐานเซ็กเม้นต์เก่าให้มีฐานกว้างขึ้น คือ คู่รัก คู่แต่งงาน ฮันนีมูน กลุ่มกอล์ฟ ถ่ายภาพยนตร์ โดยจะขยายจับกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานซึ่งปัจจุบัน ผู้หญิงกลุ่มนี้ มีรายได้เป็นของตัวเอง และเป็นรายได้ที่จำนวนมาก สามารถใช้จ่ายต่อวันต่อหัวได้สูงกว่าคนทั่วไปที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4.7 พันบาทต่อคนต่อวัน แต่ยังไม่รู้จักการใช้เงิน
"จากจำนวนประชากรผู้หญิง ที่มีมากขึ้น ชาวอินเดียก็เช่นกัน สัดส่วนประชากรผู้หญิงมีจำนวนมาก มีความรู้และออกทำงานหาเงินนอกยบ้าน จึงมีรายได้เป็นของตัวเอง ฉะนันมองว่า กลุ่ม นักท่องเที่ยวสตรี หรือ วูแมน ทราเวลเลอร์ จะมีจำนวนเยอะมาก ในหลายช่วงวัย เช่น สตรีวัยทำงาน จะรวมตัวเป็นสมาคมต่างๆ กลุ่มคิตตี้ คลับ หรือกลุ่มผู้หญิงรวยแต่ไม่ทำงาน ชอบพบปะสังสรรค์ และกลุ่มครอบครัว ซึ่งพฤติกรรมของคนอินเดียที่ชอบเที่ยวเป็นครอบครัว ทั้งหมดดังกล่าว เป้นกลุ่มเป้าหมาย ที่ ททท. จะเน้นทำประชาสมัพันธ์สร้างการรับรู้ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ผ่านบริษัทนำเที่ยว และสื่อโฆษณา”
จากข้อมูลสถิติของประเทศอินเดีย ระบุว่า ในปี 2558 ในประเทศอินเดีย จะมีจำนวนมหาเศรษฐีอินเดียที่มีสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่รวมสินทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป เพิ่มเป็น 4.03 แสนคน มูลค่าความมั่งคั่ง 2.465 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่คาดว่าจะมีเศรษฐี 1.37 ล้านคน มูลค่าความมั่งคั่ง 8.76 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ของตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ททท. จะขยายต่อไป คือ กลุ่มวัยเกษียณ เพราะในปี 2568 ประเมินว่า ในประเทศอินเดีย จะมีประชากรกลุ่มผู้สูงอายุมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น จึงมองว่า รัฐบาลไทย ควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจร การสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง โดยที่ผ่านมาชาวอินเดียกลุ่มนนี้นิยมเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลที่ประเทศสิงคโปร์ หากประเทสไทย สามารถ ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาใช้บริการที่ประเทศไทยได้ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้กับภาคท่องเที่ยวและบริการ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดอินเดีย ปี2555 ตั้งเป้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเติบโต 20% หรือมีจำนวนรวม 1 ล้านคน รายได้ 3.38 หมื่นล้านบาท เทียบจากปีก่อน ซึ่งเดินทางเข้ามาราว 9 แสนคน รายได้ 2.85 หมื่นล้านบาท และหากประเทศไทย ไม่มีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจัง มั่นใจว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ หรือราว ปี 2560 นักท่องเที่ยวจากตลาดอินเดียจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่าปีละ 5 หมื่นล้านบาท
****ไทยมุงเที่ยวอยุธยาคึกคัก*****
ทางด้านตลาดในประเทศ นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า หลังน้ำลด ทททงได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส จับพฤติกรรม คนไทย ด้วยการใช้กลยุทธ์"ไทยมุง" ผสม กับการท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือสังคม หรือ ซีเอสอาร์ จัดเป็นโปรแกรม โปรโมทเที่ยวจังหวัดพระนครศีอยุธยา และพพื้นที่ใกล้เคียงที่ถูกน้ำท่วม เพื่อเดินทางมาดูร่องรอยความสูงของน้ำที่ท่วมโบราณสถาน และ ยัง เป็นการเที่ยวที่ได้ตอบแทนสังคม ฟื้นฟูเศรษบกิจท้องถิ่น ซึ่งผลตอบรับ ดีมาก ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงขณะนี้ นักท่องเที่ยว จากภาคต่างๆ และ พื้นที่ใกล้เคียง เดินทางมาเที่ยวชม กันอย่างคึกคัก บางสุดสัปดาห์ถึงกับโรงแรมเต็ม
"กลุ่มที่มา มีทั้ง บริษัท ห้างร้าน องค์กร หน่วยงานต่างๆ ตลอดจน คณะทัวร์ จากภูมิภาคต่างๆ เดินทางมาเที่ยวอยุธยากันจำนวนมาก ขณะที่ กรุ๊ปนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล่าสุด มียอดจองของกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นและทัวร์จีน จะเดินทางเข้ามาตั้งแต่มี.ค. ถึง เมญ. นี้ เฉลี่ยกรุ๊ปละ 200-300 คน "
อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า จำนวนนักท่องเที่ยวภาคกลางปีนี้ จะได้ตามที่ตั้งเป้าหมาย คือ 49 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้เป็นเงินหมุนเวียนเข้าพื้นที่กว่า 2 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 5.4% สำหรับปีนี้หากรัฐบาลมีระบบการบริหารจัดการน้ำได้ดี มีแผนงานชัดเจนเป็นระบบ เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้แน่นอน ไม่ว่า น้ำท่วมจะรุนแรงแค่ไหน นักท่องเที่ยวก็จะเป็นไปตามเป้าหมาย
นายเศรษฐพันธ์ พุทธานี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานมุมไบ กล่าวว่า เตรียมแผนทำตลาดเชิงรุกดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย กลุ่มมหาเศรษฐี เข้ามาเที่ยวที่ประเทศเพิ่มขึ้น เบื้องต้นได้วางแผนทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกในทุกช่องทางการสื่้อสารที่จะเข้าถึงตัวลูกค้าเป้าหมาย สร้างการรับรู้ประเทศไทย สิ่งอำนวยความสะดวก และแหล่งท่องเที่ยว โดยมุ่งขยายฐานเซ็กเม้นต์เก่าให้มีฐานกว้างขึ้น คือ คู่รัก คู่แต่งงาน ฮันนีมูน กลุ่มกอล์ฟ ถ่ายภาพยนตร์ โดยจะขยายจับกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานซึ่งปัจจุบัน ผู้หญิงกลุ่มนี้ มีรายได้เป็นของตัวเอง และเป็นรายได้ที่จำนวนมาก สามารถใช้จ่ายต่อวันต่อหัวได้สูงกว่าคนทั่วไปที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4.7 พันบาทต่อคนต่อวัน แต่ยังไม่รู้จักการใช้เงิน
"จากจำนวนประชากรผู้หญิง ที่มีมากขึ้น ชาวอินเดียก็เช่นกัน สัดส่วนประชากรผู้หญิงมีจำนวนมาก มีความรู้และออกทำงานหาเงินนอกยบ้าน จึงมีรายได้เป็นของตัวเอง ฉะนันมองว่า กลุ่ม นักท่องเที่ยวสตรี หรือ วูแมน ทราเวลเลอร์ จะมีจำนวนเยอะมาก ในหลายช่วงวัย เช่น สตรีวัยทำงาน จะรวมตัวเป็นสมาคมต่างๆ กลุ่มคิตตี้ คลับ หรือกลุ่มผู้หญิงรวยแต่ไม่ทำงาน ชอบพบปะสังสรรค์ และกลุ่มครอบครัว ซึ่งพฤติกรรมของคนอินเดียที่ชอบเที่ยวเป็นครอบครัว ทั้งหมดดังกล่าว เป้นกลุ่มเป้าหมาย ที่ ททท. จะเน้นทำประชาสมัพันธ์สร้างการรับรู้ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ผ่านบริษัทนำเที่ยว และสื่อโฆษณา”
จากข้อมูลสถิติของประเทศอินเดีย ระบุว่า ในปี 2558 ในประเทศอินเดีย จะมีจำนวนมหาเศรษฐีอินเดียที่มีสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่รวมสินทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป เพิ่มเป็น 4.03 แสนคน มูลค่าความมั่งคั่ง 2.465 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่คาดว่าจะมีเศรษฐี 1.37 ล้านคน มูลค่าความมั่งคั่ง 8.76 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ของตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ททท. จะขยายต่อไป คือ กลุ่มวัยเกษียณ เพราะในปี 2568 ประเมินว่า ในประเทศอินเดีย จะมีประชากรกลุ่มผู้สูงอายุมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น จึงมองว่า รัฐบาลไทย ควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจร การสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง โดยที่ผ่านมาชาวอินเดียกลุ่มนนี้นิยมเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลที่ประเทศสิงคโปร์ หากประเทสไทย สามารถ ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาใช้บริการที่ประเทศไทยได้ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้กับภาคท่องเที่ยวและบริการ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดอินเดีย ปี2555 ตั้งเป้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเติบโต 20% หรือมีจำนวนรวม 1 ล้านคน รายได้ 3.38 หมื่นล้านบาท เทียบจากปีก่อน ซึ่งเดินทางเข้ามาราว 9 แสนคน รายได้ 2.85 หมื่นล้านบาท และหากประเทศไทย ไม่มีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างจริงจัง มั่นใจว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ หรือราว ปี 2560 นักท่องเที่ยวจากตลาดอินเดียจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่าปีละ 5 หมื่นล้านบาท
****ไทยมุงเที่ยวอยุธยาคึกคัก*****
ทางด้านตลาดในประเทศ นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า หลังน้ำลด ทททงได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส จับพฤติกรรม คนไทย ด้วยการใช้กลยุทธ์"ไทยมุง" ผสม กับการท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือสังคม หรือ ซีเอสอาร์ จัดเป็นโปรแกรม โปรโมทเที่ยวจังหวัดพระนครศีอยุธยา และพพื้นที่ใกล้เคียงที่ถูกน้ำท่วม เพื่อเดินทางมาดูร่องรอยความสูงของน้ำที่ท่วมโบราณสถาน และ ยัง เป็นการเที่ยวที่ได้ตอบแทนสังคม ฟื้นฟูเศรษบกิจท้องถิ่น ซึ่งผลตอบรับ ดีมาก ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงขณะนี้ นักท่องเที่ยว จากภาคต่างๆ และ พื้นที่ใกล้เคียง เดินทางมาเที่ยวชม กันอย่างคึกคัก บางสุดสัปดาห์ถึงกับโรงแรมเต็ม
"กลุ่มที่มา มีทั้ง บริษัท ห้างร้าน องค์กร หน่วยงานต่างๆ ตลอดจน คณะทัวร์ จากภูมิภาคต่างๆ เดินทางมาเที่ยวอยุธยากันจำนวนมาก ขณะที่ กรุ๊ปนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล่าสุด มียอดจองของกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นและทัวร์จีน จะเดินทางเข้ามาตั้งแต่มี.ค. ถึง เมญ. นี้ เฉลี่ยกรุ๊ปละ 200-300 คน "
อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า จำนวนนักท่องเที่ยวภาคกลางปีนี้ จะได้ตามที่ตั้งเป้าหมาย คือ 49 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้เป็นเงินหมุนเวียนเข้าพื้นที่กว่า 2 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 5.4% สำหรับปีนี้หากรัฐบาลมีระบบการบริหารจัดการน้ำได้ดี มีแผนงานชัดเจนเป็นระบบ เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้แน่นอน ไม่ว่า น้ำท่วมจะรุนแรงแค่ไหน นักท่องเที่ยวก็จะเป็นไปตามเป้าหมาย
