ASTVผู้จัดการรายวัน – ซูกิชิ ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ผุดอีก 20 สาขา ปิ้งย่าง สไตล์เกาหลี สยายปีกต่างประเทศ ประเดิมอินโดนีเซีย แตกไลน์ธุรกิจเปิดตัว “วาวาชา” ชาสไตล์ไต้หวัน ปีนี้ขอโกยยอดขายรวม 2,200 ล้านบาท โต 25%
นายนพดล จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปีนี้เตรียมใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทขยายกิจการ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจ แบ่งเป็น500 ล้านบาท ลงทุนเปิดสาขาใหม่ 20 แห่ง ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากปัจจุบันซูกิชิ มีร้านอาหารในกรุ๊ปทั้งหมด 57 สาขาทั่วประเทศ เน้น
พื้นที่ห้างสรรพสินค้า ชอปปิ้งมอลล์ และย่านชุมชน อีก 400 ล้านบาท สร้างออฟฟิศและศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน ผลิตบุคคลากรรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และอีก 150 ล้านบาท ใช้ทำการตลาดผ่านมีเดียทุกรูปแบบ จัดกิจกรรมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ ซูกิชิ ยังคงเป็นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา และ กลุ่มครอบครัว ที่ชอบ ปิ้ง ย่าง สไลต์ เกาหลี และ ญี่ปุ่น ด้วยเมนูทั้งอาหารเครื่องดื่มเกือบ 500 รายการ ซึ่งเราพัฒนาเมนูใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 11 ปีนี้ ซูกิชิ จะออกแคมเปญส่งเสริมการขาย จัดกิจกรรม เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้งตลอดปี ปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมทุกแบรนด์ 2,200 ล้านบาท เติบโต 25% มากกว่าตลาดรวมที่เติบโตปีละ 10% และปีก่อนมียอดขาย 1,800 ล้านบาท เติบโต 80% จากปี 2553ตามเป้าหมาย เพราะแม้สาขาร้านซูกิชิในกรุงเทพฯจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม แต่ สาขาต่างจังหวัด อย่าง ชลบุรี และอื่นๆ ทำรายได้ดีเกินคาด
“ซูกิชิเปิดมา 11 ปี ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง เพราะผู้เล่นรายใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่เน้นไปที่อาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมราว 10,000 ล้านบาท ขณะที่ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี อย่างซูกิชิ ยังมีจำนวนไม่มาก จึงยังมีโอกาสเติบโตสูงขณะที่มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาทในอีก 5 ปี จากนี้ไป
เพราะเทรนด์รับประทานอาหารเกาหลีเพิ่มมากขึ้น”
นอกจากนั้นเตรียมขยายธุรกิจไปต่างประเทศย่านเอเชียเป็นหลัก คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะเปิดสาขาแรกที่ กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ตลาดจีน ซึ่งเริ่มศึกษาตลาดและข้อกฏหมายมาแล้วระดับหนึ่ง ภายใต้งบการลงทุนในต่างประเทศ 200 ล้านบาท เปิด 5สาขาในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และ จีน ลงทุนแบบร่วมลงทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น จะเจาะเซ็กเมนต์ระดับกลาง หรือบีบวก ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ มีช่องว่างทางการตลาดมาก เพราะในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่จีน จะเป็นร้านอาหารสไตล์เหลา เจาะลูกค้าระดับบนขึ้นไป ซึ่งต่างจากซูกิชิ ที่รูปแบบร้านจะผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออก
***เปิดน้องใหม่ “วาวาชา” โกยอีก 30 ล้านบาท
ล่าสุด เปิดตัว “วาวาชา” (wawa cha) แบรนด์ เครื่องดื่มของ ซูกิชิ อินเตอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นชาระดับคุณภาพสไตล์ไต้หวัน ทั้งแฟลกชิพสไตร์ และคีออส เริ่มตั้งแต่กลางปี 2554 ปัจจุบัน มี 9 สาขา สยามสแควร์ ซอย 11 มาบุญครอง ,โรบินสันสสุพรรณบุรี เป็นต้น วางเป้าหมายให้ได้ 200 สาขา ภายใน3 ปี และปีนี้ใช้งบสร้างแบรนด์ วาวาชา 10 ล้านบาท จากปีก่อน ใช้ 5 ล้านบาท ยอดขายปีนี้วางเป้า 30 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้10 ล้านบาท โดยทั้งซูกิชิ และ วาวาชา บริษัทเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ส่วนระบบแฟรนไชส์ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
นางสาวลลินทิพย์ จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ดูแล แบรนด์ วาวาชา กล่าวว่า วาวาชา จะเน้นกลุ่มเป้าหมาย นักเรียน นักศึกษา และ คนทำงาน ที่รักสุขภาพ ด้วยเมนูชากว่า 30 รายการ พร้อมสร้างแบรนด์ด้วยการโฆษณาผ่านสื่อทุกรูปแบบ โดยเฉพาะดิจิตอลมีเดีย ส่วนที่เลือกชาไต้หวัน เพราะถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านชาที่มีรสชาติดีมีคุณภาพ ติดอยู่ในกระแสนิยมของคนทั่วโลก โดยตลาดชา ทั้งแบบชง และบรรจุขวด ในประเทศไทย มีมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท แต่ชาไต้หวัน ยังมีคู่แข่งขันตลาดน้อยราย
นายนพดล จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปีนี้เตรียมใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทขยายกิจการ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจ แบ่งเป็น500 ล้านบาท ลงทุนเปิดสาขาใหม่ 20 แห่ง ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากปัจจุบันซูกิชิ มีร้านอาหารในกรุ๊ปทั้งหมด 57 สาขาทั่วประเทศ เน้น
พื้นที่ห้างสรรพสินค้า ชอปปิ้งมอลล์ และย่านชุมชน อีก 400 ล้านบาท สร้างออฟฟิศและศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน ผลิตบุคคลากรรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และอีก 150 ล้านบาท ใช้ทำการตลาดผ่านมีเดียทุกรูปแบบ จัดกิจกรรมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ ซูกิชิ ยังคงเป็นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา และ กลุ่มครอบครัว ที่ชอบ ปิ้ง ย่าง สไลต์ เกาหลี และ ญี่ปุ่น ด้วยเมนูทั้งอาหารเครื่องดื่มเกือบ 500 รายการ ซึ่งเราพัฒนาเมนูใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 11 ปีนี้ ซูกิชิ จะออกแคมเปญส่งเสริมการขาย จัดกิจกรรม เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้งตลอดปี ปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมทุกแบรนด์ 2,200 ล้านบาท เติบโต 25% มากกว่าตลาดรวมที่เติบโตปีละ 10% และปีก่อนมียอดขาย 1,800 ล้านบาท เติบโต 80% จากปี 2553ตามเป้าหมาย เพราะแม้สาขาร้านซูกิชิในกรุงเทพฯจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม แต่ สาขาต่างจังหวัด อย่าง ชลบุรี และอื่นๆ ทำรายได้ดีเกินคาด
“ซูกิชิเปิดมา 11 ปี ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง เพราะผู้เล่นรายใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่เน้นไปที่อาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมราว 10,000 ล้านบาท ขณะที่ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี อย่างซูกิชิ ยังมีจำนวนไม่มาก จึงยังมีโอกาสเติบโตสูงขณะที่มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาทในอีก 5 ปี จากนี้ไป
เพราะเทรนด์รับประทานอาหารเกาหลีเพิ่มมากขึ้น”
นอกจากนั้นเตรียมขยายธุรกิจไปต่างประเทศย่านเอเชียเป็นหลัก คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะเปิดสาขาแรกที่ กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ตลาดจีน ซึ่งเริ่มศึกษาตลาดและข้อกฏหมายมาแล้วระดับหนึ่ง ภายใต้งบการลงทุนในต่างประเทศ 200 ล้านบาท เปิด 5สาขาในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และ จีน ลงทุนแบบร่วมลงทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น จะเจาะเซ็กเมนต์ระดับกลาง หรือบีบวก ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ มีช่องว่างทางการตลาดมาก เพราะในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่จีน จะเป็นร้านอาหารสไตล์เหลา เจาะลูกค้าระดับบนขึ้นไป ซึ่งต่างจากซูกิชิ ที่รูปแบบร้านจะผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออก
***เปิดน้องใหม่ “วาวาชา” โกยอีก 30 ล้านบาท
ล่าสุด เปิดตัว “วาวาชา” (wawa cha) แบรนด์ เครื่องดื่มของ ซูกิชิ อินเตอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นชาระดับคุณภาพสไตล์ไต้หวัน ทั้งแฟลกชิพสไตร์ และคีออส เริ่มตั้งแต่กลางปี 2554 ปัจจุบัน มี 9 สาขา สยามสแควร์ ซอย 11 มาบุญครอง ,โรบินสันสสุพรรณบุรี เป็นต้น วางเป้าหมายให้ได้ 200 สาขา ภายใน3 ปี และปีนี้ใช้งบสร้างแบรนด์ วาวาชา 10 ล้านบาท จากปีก่อน ใช้ 5 ล้านบาท ยอดขายปีนี้วางเป้า 30 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้10 ล้านบาท โดยทั้งซูกิชิ และ วาวาชา บริษัทเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ส่วนระบบแฟรนไชส์ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
นางสาวลลินทิพย์ จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ดูแล แบรนด์ วาวาชา กล่าวว่า วาวาชา จะเน้นกลุ่มเป้าหมาย นักเรียน นักศึกษา และ คนทำงาน ที่รักสุขภาพ ด้วยเมนูชากว่า 30 รายการ พร้อมสร้างแบรนด์ด้วยการโฆษณาผ่านสื่อทุกรูปแบบ โดยเฉพาะดิจิตอลมีเดีย ส่วนที่เลือกชาไต้หวัน เพราะถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านชาที่มีรสชาติดีมีคุณภาพ ติดอยู่ในกระแสนิยมของคนทั่วโลก โดยตลาดชา ทั้งแบบชง และบรรจุขวด ในประเทศไทย มีมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท แต่ชาไต้หวัน ยังมีคู่แข่งขันตลาดน้อยราย