วานนี้ ( 20 ก.พ.) นายอภิชาต สุขขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวภายหลังการประชุมกกต. ว่าที่ประชุมกกต.มีมติเสียงข้างมากเลือกนายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการด้านกิจการการมีส่วนร่วม เป็นเลขาธิการกกต.คนใหม่ ซึ่งนายภุชงค์ถือว่าเป็นคนเก่าแก่ เพราะอยู่กกต.มาตั้งแต่ปี 2541 และเป็นรองเลขาธิการกกต.มารวม 5 ปี ซึ่งถือว่านานกว่ารองเลขาธิการกกต.คนอื่น โดยนายภุชงค์จะต้องลาออกจากการเป็นพนักงานประจำมาเซ็นสัญญาจ้าง เชื่อว่านายภุชงค์คงจะต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เร็วที่สุดภายใน 3 วัน อย่างไรก็ตามการที่นายภุชงค์ไม่ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ คงไม่ทำให้เกิดปัญหาในการทำงาน เพราะกกต.ก็อยู่ในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องเคารพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมลงมติเลือกเลขากกต.ครั้งนี้ สำนักประชุมกกต.ได้จัดกระดาษให้กกต.แต่ละคนกาชื่อคนที่ตนเองเห็นว่าเหมาะสม โดยไม่เปิดเผยว่าใบลงคะแนนนั้นเป็นของกกต.คนใด ซึ่งมีผู้เข้ารับการคัดเลือกได้รับคะแนน 2 คน คือนายภุชงค์และนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร แต่นายภุชงค์ได้รับคะแนนจากกกต. 3 เสียง ส่วนนายพงศ์ศักติฐ์ ได้ 2 เสียง
ทั้งนี้ก่อนการลงมติ กกต.ได้เปิดให้ผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการกกต. ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจำนวน 5 คน เข้าแสดงวิสัยทัศน์เพิ่มเติมต่อกกต.ผู้บริหารสำนักงานฯคนละ 30 นาที ซึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์นายภุชงค์ ระบุว่า หากเป็นเลขากกต.จะมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพของสำนักงานกกต.เพื่อให้สามารถรองรับนโยบายกกต.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานธุรการให้มีความเข้มแข็ง หล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานขาดแรงจูงใจในการทำงานเพราะมีปัญหาเรื่องสวัสดิการซึ่งก็จะมีการดำเนินการให้มีความเท่าเทียบกับส่วนราชการอื่นโดยจะต้องทำเรื่อนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับแต่รับตำแหน่งเช่นเดียวกับการปรับปรุงกฎระเบียนบกกต.ต่างๆ และต้องมีการจัดเตรียมแผนเพื่อรองรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่อาจจะมีขึ้น เลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในปี 56 และส.ว.ในปี 57
“หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นเลขากกต.ตำแหน่งนี้จะติดตัวผม 24 ชั่วโมง และวันทำงานจันทร์-ศุกร์ จะเปิดรับหนังสือถึง 21.00 น. ของทุกวัน รวมทั้งเพิ่มวันทำงานในวันเสาร์โดยจะไม่ขอเบิกค่าล่วงเวลา ผมรับรองว่าจะอำนวยความสะดวกอย่างถูกต้อง โดยตลอดระยะเวลาของกกต.ที่เหลือ 1 ปี 7 เดือนทุกอย่างต้องเรียบร้อยไม่มีอะไรเสียหาย และจะต้องเป็นผลงานที่ท่านกกต.ฝากไว้ในแผ่นดินนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมลงมติเลือกเลขากกต.ครั้งนี้ สำนักประชุมกกต.ได้จัดกระดาษให้กกต.แต่ละคนกาชื่อคนที่ตนเองเห็นว่าเหมาะสม โดยไม่เปิดเผยว่าใบลงคะแนนนั้นเป็นของกกต.คนใด ซึ่งมีผู้เข้ารับการคัดเลือกได้รับคะแนน 2 คน คือนายภุชงค์และนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร แต่นายภุชงค์ได้รับคะแนนจากกกต. 3 เสียง ส่วนนายพงศ์ศักติฐ์ ได้ 2 เสียง
ทั้งนี้ก่อนการลงมติ กกต.ได้เปิดให้ผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการกกต. ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจำนวน 5 คน เข้าแสดงวิสัยทัศน์เพิ่มเติมต่อกกต.ผู้บริหารสำนักงานฯคนละ 30 นาที ซึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์นายภุชงค์ ระบุว่า หากเป็นเลขากกต.จะมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพของสำนักงานกกต.เพื่อให้สามารถรองรับนโยบายกกต.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานธุรการให้มีความเข้มแข็ง หล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานขาดแรงจูงใจในการทำงานเพราะมีปัญหาเรื่องสวัสดิการซึ่งก็จะมีการดำเนินการให้มีความเท่าเทียบกับส่วนราชการอื่นโดยจะต้องทำเรื่อนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับแต่รับตำแหน่งเช่นเดียวกับการปรับปรุงกฎระเบียนบกกต.ต่างๆ และต้องมีการจัดเตรียมแผนเพื่อรองรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่อาจจะมีขึ้น เลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในปี 56 และส.ว.ในปี 57
“หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นเลขากกต.ตำแหน่งนี้จะติดตัวผม 24 ชั่วโมง และวันทำงานจันทร์-ศุกร์ จะเปิดรับหนังสือถึง 21.00 น. ของทุกวัน รวมทั้งเพิ่มวันทำงานในวันเสาร์โดยจะไม่ขอเบิกค่าล่วงเวลา ผมรับรองว่าจะอำนวยความสะดวกอย่างถูกต้อง โดยตลอดระยะเวลาของกกต.ที่เหลือ 1 ปี 7 เดือนทุกอย่างต้องเรียบร้อยไม่มีอะไรเสียหาย และจะต้องเป็นผลงานที่ท่านกกต.ฝากไว้ในแผ่นดินนี้”