นายวรวุฒิ นิสภกุลธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTC) กล่าวว่า ในปี 2555 เคทีซีวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรที่จะลดต้นทุนการบริหารจัดการ และกลับมาเป็นที่หนึ่งของวงการธุรกิจบัตรเครดิตภายใน 3 ปี จากช่วงก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ชะลอการออกโปรโมชั่นกระตุ้นลูกค้า ทำให้อันดับการใช้บัตรเครดิตของบริษัทลดลงเหลืออันดับ 2-3 แต่ขณะนี้บริษัทพร้อมที่จะกลับมาทำแคมเปญด้านการตลาดให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะเน้นลูกค้ากลุ่มข้าราชการเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ ปี 2555 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มบัตรเครดิตอีกจำนวน 1 แสนบัตร จากปัจจุบันมีจำนวนบัตรอยู่ที่ 1.6 ล้านบัตร หรือ คิดเป็นจำนวนลูกค้า 1.1 ล้านคน โดยบริษัทมีสัดส่วน บัตรเครดิตที่มีรายการใช้จ่ายสม่ำเสมอที่ 65% โดยตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2555 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 70% และตั้งเป้าที่จะกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้ให้มากขึ้น 15% หรือ จากปีก่อนอยู่ที่เฉลี่ย 5,200 บาทต่อบัตรต่อเดือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,800 บาทต่อบัตรต่อเดือน
"ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 40% จากเดือนพฤศจิกายน 2554 ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้การใช้จ่ายชะลอตัว และคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เติบโต 20% จากเดือน ธันวาคม 2554 ซึ่งในช่วงนี้ถือเป็นช่วงของการปรับฐานการใช้จ่ายเข้าสู่ภาวะปกติของลูกค้า ซึ่งคาดยอดการใช้จ่ายก็เริ่มเข้าสู่ระดับปกติสิ้นไตรมาสแรก"
ด้านการแข่งขันของตลาดบัตรเครดิตรในปีนี้ ยังคงรุนแรงมากขึ้น แต่บริษัทคงไม่ใช่การแข่งขันทางด้านราคา เพราะมีการควบคุมดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่คงเป็นการแข่งขันด้านโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าลูกค้ามากว่า
"ในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซัน เป็นช่วงที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเพิ่ม แต่ปีที่ผ่านมามีน้ำท่วม ทำให้ยอดใช้จ่าย ต.ค.-พ.ย.ลดลงมาก และในเดือน ธ.ค.ก็กลับมาเติบโต 40% โดยส่วนใหญ่เป็นยอดใช้จ่ายในหมวดเครื่องไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ จากปกติจะเติบโตจากหมวดอาหาร ช้อปปิ้ง ส่วนปีนี้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรก็น่าจะเติบโตดีในทุกๆหมวด"
ล่าสุด KTC เปิดตัวโปรโมชั่น"สบายใจทุกการใช้จ่าย KTC ให้เงินคืนสูงสุด 5%"เน้นการใช้จ่ายในปั๊มน้ำม้นและซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทั้งสองหมวดรวมกันมีสัดส่วนถึง 25% ของพอร์ตการใช้จ่ายโดยรวม หรือคิดเป็นยอดใช้จ่ายที่ 2.5 พันล้านบาทต่อเดือน อีกทั้งยังเป็นหมวดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยลบ
ทั้งนี้ ปี 2555 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มบัตรเครดิตอีกจำนวน 1 แสนบัตร จากปัจจุบันมีจำนวนบัตรอยู่ที่ 1.6 ล้านบัตร หรือ คิดเป็นจำนวนลูกค้า 1.1 ล้านคน โดยบริษัทมีสัดส่วน บัตรเครดิตที่มีรายการใช้จ่ายสม่ำเสมอที่ 65% โดยตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2555 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 70% และตั้งเป้าที่จะกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้ให้มากขึ้น 15% หรือ จากปีก่อนอยู่ที่เฉลี่ย 5,200 บาทต่อบัตรต่อเดือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,800 บาทต่อบัตรต่อเดือน
"ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 40% จากเดือนพฤศจิกายน 2554 ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้การใช้จ่ายชะลอตัว และคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เติบโต 20% จากเดือน ธันวาคม 2554 ซึ่งในช่วงนี้ถือเป็นช่วงของการปรับฐานการใช้จ่ายเข้าสู่ภาวะปกติของลูกค้า ซึ่งคาดยอดการใช้จ่ายก็เริ่มเข้าสู่ระดับปกติสิ้นไตรมาสแรก"
ด้านการแข่งขันของตลาดบัตรเครดิตรในปีนี้ ยังคงรุนแรงมากขึ้น แต่บริษัทคงไม่ใช่การแข่งขันทางด้านราคา เพราะมีการควบคุมดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่คงเป็นการแข่งขันด้านโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าลูกค้ามากว่า
"ในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซัน เป็นช่วงที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเพิ่ม แต่ปีที่ผ่านมามีน้ำท่วม ทำให้ยอดใช้จ่าย ต.ค.-พ.ย.ลดลงมาก และในเดือน ธ.ค.ก็กลับมาเติบโต 40% โดยส่วนใหญ่เป็นยอดใช้จ่ายในหมวดเครื่องไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ จากปกติจะเติบโตจากหมวดอาหาร ช้อปปิ้ง ส่วนปีนี้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรก็น่าจะเติบโตดีในทุกๆหมวด"
ล่าสุด KTC เปิดตัวโปรโมชั่น"สบายใจทุกการใช้จ่าย KTC ให้เงินคืนสูงสุด 5%"เน้นการใช้จ่ายในปั๊มน้ำม้นและซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทั้งสองหมวดรวมกันมีสัดส่วนถึง 25% ของพอร์ตการใช้จ่ายโดยรวม หรือคิดเป็นยอดใช้จ่ายที่ 2.5 พันล้านบาทต่อเดือน อีกทั้งยังเป็นหมวดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยลบ