00 ไม่รู้ว่าคำจำกัดความของคำว่า “ก่อการร้าย” หรือ “ผู้ก่อการร้าย” รวมทั้ง “ขบวนการก่อการร้าย” ในทัศนะของ ผบ.ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นอย่างไรกันแน่ แต่เหตุระเบิดที่ซอยปรีดีฯ และซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ในสายตาของชาวบ้านก็ได้เหมารวมและเข้าใจว่าเป็นฝีมือของพวก “ก่อการร้าย” ไปเรียบร้อยแล้ว
00 เหตุการณ์ดังกล่าวยังได้ถูกทางการสหรัฐฯ-อิสราเอล แถลงฟันธงกันไปเรียบร้อยแล้วว่า เป็นฝีมือของ “อิหร่าน” และ“กลุ่มเฮซบุลเลาะห์” ที่เชื่อมโยงกัน พร้อมทั้งประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองให้ระมัดระวังตัว หากคิดเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพราะคนร้ายมีเป้าหมายอยู่ที่คน และผลประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้นถ้าพิจารณาความเป็นจริงตอนนี้ ประเด็นไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะ “เข้าข่าย” ก่อการร้าย ตามนิยามเป๊ะหรือไม่ เพราะตอนนี้ได้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจย่อยยับ ที่สำคัญก็เป็นเพราะฝีมือของเจ้าหน้าที่ “ห่วยแตก” นั่นแหละ เอาล่ะ หากบอกว่าไม่ใช่ก่อการร้าย ก็พูดใหม่เป็น “ก่อการรัก” ก็แล้วกัน เพราะลงมือในวันวาเลนไทน์พอดี เหมือนกับคำแดกดันจาก “คอมเมนต์” ของชาวบ้านรายหนึ่ง ที่คลิกเข้าไปดูข่าว และพบข้อความคำพูดของ ผบ.ตร. ดังกล่าว ที่พยายามกลบเกลื่อนแบบไม่ดูตาม้า ตาเรือ
00 ที่น่าสมเพชไปกว่านั้นก็คือ คำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยเกี่ยวกับเรื่อง กลุ่มเฮซบุลเลาะห์ ในเลบานอน และ อิหร่าน เหมือนกับไม่รู้ที่มาที่ไป สักแต่ว่าพูดไปเรื่อยเปื่อย ต้องการให้ทุกอย่าง “ซอฟต์” ลง ทั้งที่ในทางข่าวมีความเกี่ยวข้องกัน เพราะกลุ่มเฮซบุลเลาะห์ เป็น “ชีอะห์” ที่ทั้งอเมริกา และอิสราเอล ระบุว่า อิหร่านให้การหนุนหลัง
00 ข่าวว่าวันที่ 16-17 ก.พ.นี้ “รองเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะบินลัดฟ้ามุ่งตรงไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งบังเอิญว่าเป็นช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร มาซุกอากาศหนาวที่นั่นพอดี แม้จะปฏิเสธคอเป็นเอ็นเช่นเดิมว่า ไม่ได้พบกัน ก็ว่ากันไป แต่จะมีใครเชื่อหรือเปล่านั่นอีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งในฐานะ “หัวหมู่ทะลวงฟัน” รับงานสำคัญมาไว้เต็มสองมือ ทั้งเรื่องแก้รธน. ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง (นิรโทษฯ) อ้อ เกือบลืมไป ยังมีแถมเข้ามาอีกเรื่องก็คือ “ว.5 ลับมาก” ที่ โฟร์ซีซันของ “น้องปู” ที่ต้องทำหน้าที่เป็นโฆษกเรื่องส่วนตัวเข้ามาอีก และมีหรือการเดินทางไปเที่ยวนี้ จะไม่ได้เจอ หรือไปรับคำสั่งโดยตรง และถ้าสำเร็จงานนี้ “เหลิมเอ๋ย” หลับตานึกภาพเอาก็แล้วกัน จะเอารางวัลอะไรตอบแทน
00 คนเราถ้านิสัยขี้โม้ ขี้อวด มันก็ต้องแสดงออกมาวันยังค่ำ วันก่อนให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบฯ คุยฟุ้งโขมงโฉงเฉงว่า กำลังนำทัพ แก้ไขรธน.มีเหตุผลทำให้ฝ่ายค้านไปไม่เป็นแน่ เพราะมีการเตรียมการมาอย่างดี พูดไปพูดมาก็ถือโอกาสโม้ตามสไตล์ว่า ตัวเองเจ๋งกว่าใคร เพราะขนาด นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังต่อสายมาปรึกษาตอนสามทุ่ม เขาก็บอกว่าทำไมไม่โทรฯ ไปถาม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะเจ้าของเรื่อง แต่ก็ได้ชี้แจงให้ฟังเป็นฉากๆ ที่เผยออกมานั้นเป้าหมายไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการ “คุยข่ม” ว่าขนาดนายกฯ “น้องสาวนาย” ยังวางใจ เทียบกับ พล.ต.อ.ประชา แล้วไม่ถึงขั้น ว่างั้นเถอะ ถ้าใครเป็น พล.ต.อ.ประชา คงต้องกัดฟันกรอด เพราะนี่เป็น “ดอกสอง” หลังจากดอกแรก ทำหวังดีประสงค์ร้าย บอกบทให้พูดตามในสภาช่วงเจอซักฟอกจน “เสียสุนัข” มาแล้ว !!
00 จากวันนี้ ก็ถือว่านับถอยหลังกันแล้วสำหรับ พ.ร.ก.เงินกู้ สองฉบับที่ศาลรธน.นัดวินิจฉัย วันที่ 22 ก.พ. หลังจากฝ่ายค้าน และ ส.ว. ยื่นให้ตีความ แม้ว่าต้องรอศาลตัดสินชี้ขาดออกมาก่อน แตเท่าที่ฟังการชี้แจงของฝ่ายรัฐบาลที่มอบหมายให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นตัวแทน และการซักถามของศาลในเรื่องความเป็นเร่งด่วน ในการออกเป็นพระราชกำหนด ระหว่างที่มีการเปิดสมัยประชุม และความหมายของ “หนี้สาธารณะ” ที่ไม่ว่านำไปซ่อนที่ไหน ก็ยังอยู่ใช่หรือไม่ ก็ทำเอา “เสี่ยโต้ง” ถึงกับอึกอักไปชั่วขณะ นี่แหละถึงได้บอกว่า มันเสียววุ้ย !!
00 เหตุการณ์ดังกล่าวยังได้ถูกทางการสหรัฐฯ-อิสราเอล แถลงฟันธงกันไปเรียบร้อยแล้วว่า เป็นฝีมือของ “อิหร่าน” และ“กลุ่มเฮซบุลเลาะห์” ที่เชื่อมโยงกัน พร้อมทั้งประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองให้ระมัดระวังตัว หากคิดเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพราะคนร้ายมีเป้าหมายอยู่ที่คน และผลประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้นถ้าพิจารณาความเป็นจริงตอนนี้ ประเด็นไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะ “เข้าข่าย” ก่อการร้าย ตามนิยามเป๊ะหรือไม่ เพราะตอนนี้ได้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจย่อยยับ ที่สำคัญก็เป็นเพราะฝีมือของเจ้าหน้าที่ “ห่วยแตก” นั่นแหละ เอาล่ะ หากบอกว่าไม่ใช่ก่อการร้าย ก็พูดใหม่เป็น “ก่อการรัก” ก็แล้วกัน เพราะลงมือในวันวาเลนไทน์พอดี เหมือนกับคำแดกดันจาก “คอมเมนต์” ของชาวบ้านรายหนึ่ง ที่คลิกเข้าไปดูข่าว และพบข้อความคำพูดของ ผบ.ตร. ดังกล่าว ที่พยายามกลบเกลื่อนแบบไม่ดูตาม้า ตาเรือ
00 ที่น่าสมเพชไปกว่านั้นก็คือ คำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยเกี่ยวกับเรื่อง กลุ่มเฮซบุลเลาะห์ ในเลบานอน และ อิหร่าน เหมือนกับไม่รู้ที่มาที่ไป สักแต่ว่าพูดไปเรื่อยเปื่อย ต้องการให้ทุกอย่าง “ซอฟต์” ลง ทั้งที่ในทางข่าวมีความเกี่ยวข้องกัน เพราะกลุ่มเฮซบุลเลาะห์ เป็น “ชีอะห์” ที่ทั้งอเมริกา และอิสราเอล ระบุว่า อิหร่านให้การหนุนหลัง
00 ข่าวว่าวันที่ 16-17 ก.พ.นี้ “รองเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะบินลัดฟ้ามุ่งตรงไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งบังเอิญว่าเป็นช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร มาซุกอากาศหนาวที่นั่นพอดี แม้จะปฏิเสธคอเป็นเอ็นเช่นเดิมว่า ไม่ได้พบกัน ก็ว่ากันไป แต่จะมีใครเชื่อหรือเปล่านั่นอีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งในฐานะ “หัวหมู่ทะลวงฟัน” รับงานสำคัญมาไว้เต็มสองมือ ทั้งเรื่องแก้รธน. ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง (นิรโทษฯ) อ้อ เกือบลืมไป ยังมีแถมเข้ามาอีกเรื่องก็คือ “ว.5 ลับมาก” ที่ โฟร์ซีซันของ “น้องปู” ที่ต้องทำหน้าที่เป็นโฆษกเรื่องส่วนตัวเข้ามาอีก และมีหรือการเดินทางไปเที่ยวนี้ จะไม่ได้เจอ หรือไปรับคำสั่งโดยตรง และถ้าสำเร็จงานนี้ “เหลิมเอ๋ย” หลับตานึกภาพเอาก็แล้วกัน จะเอารางวัลอะไรตอบแทน
00 คนเราถ้านิสัยขี้โม้ ขี้อวด มันก็ต้องแสดงออกมาวันยังค่ำ วันก่อนให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบฯ คุยฟุ้งโขมงโฉงเฉงว่า กำลังนำทัพ แก้ไขรธน.มีเหตุผลทำให้ฝ่ายค้านไปไม่เป็นแน่ เพราะมีการเตรียมการมาอย่างดี พูดไปพูดมาก็ถือโอกาสโม้ตามสไตล์ว่า ตัวเองเจ๋งกว่าใคร เพราะขนาด นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังต่อสายมาปรึกษาตอนสามทุ่ม เขาก็บอกว่าทำไมไม่โทรฯ ไปถาม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะเจ้าของเรื่อง แต่ก็ได้ชี้แจงให้ฟังเป็นฉากๆ ที่เผยออกมานั้นเป้าหมายไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการ “คุยข่ม” ว่าขนาดนายกฯ “น้องสาวนาย” ยังวางใจ เทียบกับ พล.ต.อ.ประชา แล้วไม่ถึงขั้น ว่างั้นเถอะ ถ้าใครเป็น พล.ต.อ.ประชา คงต้องกัดฟันกรอด เพราะนี่เป็น “ดอกสอง” หลังจากดอกแรก ทำหวังดีประสงค์ร้าย บอกบทให้พูดตามในสภาช่วงเจอซักฟอกจน “เสียสุนัข” มาแล้ว !!
00 จากวันนี้ ก็ถือว่านับถอยหลังกันแล้วสำหรับ พ.ร.ก.เงินกู้ สองฉบับที่ศาลรธน.นัดวินิจฉัย วันที่ 22 ก.พ. หลังจากฝ่ายค้าน และ ส.ว. ยื่นให้ตีความ แม้ว่าต้องรอศาลตัดสินชี้ขาดออกมาก่อน แตเท่าที่ฟังการชี้แจงของฝ่ายรัฐบาลที่มอบหมายให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นตัวแทน และการซักถามของศาลในเรื่องความเป็นเร่งด่วน ในการออกเป็นพระราชกำหนด ระหว่างที่มีการเปิดสมัยประชุม และความหมายของ “หนี้สาธารณะ” ที่ไม่ว่านำไปซ่อนที่ไหน ก็ยังอยู่ใช่หรือไม่ ก็ทำเอา “เสี่ยโต้ง” ถึงกับอึกอักไปชั่วขณะ นี่แหละถึงได้บอกว่า มันเสียววุ้ย !!